2046.อำนาจปิติส่งให้กันได้ ที่รู้เพราะหลวงตาวาสทำให้ดู

อำนาจปิติส่งให้กันได้ ที่รู้เพราะหลวงตาวาสทำให้ดู

หลวงตาวาส เป็นพระเกจิที่มีอำนาจจิตสูงมาก และแรงมาก แต่ท่านจะงำประกายมิดชิด คนที่ไม่รู้ มักมองว่าท่านเป็นพระหลวงตาธรรมดาองค์หนึ่ง แต่เวลาท่านไปจับสายสิญจน์เสกของ บรรดาเกจิที่เก่งๆ ล้วนยอมรับว่า พลังดีเหลือเกิน

เมื่อสมัยอ.กฤษณะ ยังบวชอยู่ เวลาวัดอินทาราม มีงานศพคนโต(ผู้ใหญ่) มักจะนิมนต์พระวัดสพานสูงไปร่วมแจงด้วย ครั้งหนึ่งมีงานแจงที่วัดอินทราราม หลวงตาวาสกับอ.กฤษณะ ได้รับนิมนต์ไปร่วมแจงด้วย ตอนนั้น หลวงพ่อผัน ยังมีชีวิตอยู่ แต่ท่านป่วยเป็นอัมพาต ขณะรอเวลาขึ้นแจง หลวงตาวาสได้เข้าไปเยี่ยมหลวงพ่อผัน เนื่องจากท่านทั้งสองเป็นญาติกัน อ.กฤษณะก็ตามเข้าไปด้วย

หลวงตาวาส ได้เข้าไปนวดให้หลวงพ่อผัน พอนวดไปสักพัก จากหลวงพ่อผันที่มีแววตาอิดโรย กลับเห็นแววตาท่านแจ่มใสขึ้น หลังจากนวดเสร็จ หลวงพ่อผัน ท่านมองหลวงตาวาส ด้วยแววตาคล้ายๆขอบคุณ เนื่องจากท่านพูดไม่ได้

อ.กฤษณะคอยสังเกตุตลอด ตั้งแต่หลวงตาวาสเข้าไปนวดให้ ก็คิดอยูในใจว่า หลวงตาคงไม่นวดเฉยๆ แต่คงทำบางอย่างแน่ แต่ก็ไม่ได้ถามท่าน ความสงสัยนี้ ติดมาเป็นปี จนวันหนึ่ง จึงถึงบางอ้อ

ดั่งที่เคยเล่าให้ฟัง อ.กฤษณะ ถ้าว่างมักเข้าไปขลุกอยู่ในกุฏิหลวงตาวาส วันนั้นเป็นเวลาหัวค่ำ อ.กฤษณะก็เข้าไปกุฏิหลวงตา เห็นท่านง่วนทำอะไรอยู่ เลยหยิบหมอนมานอนเล่น แต่ไม่ได้หลับ นอนภาวนาอยู่ ช่วงที่อ.กฤษณะบวชอยู่ จะภาวนามาก มากกว่าตอนนี้สักอีก เพราะเป็นพระภาระน้อย มีเวลาเยอะ

นอนภาวนาไปสักระยะ หลวงตาวาส ท่านเสร็จธุระของท่าน ได้ยินท่านเอานิ้วเคาะกระดาน ดังก๊อก พลังปิติจากตัวท่าน วิ่งเข้าหาตัวอ.กฤษณะ เต็มตัว ความซาบซ่านผสมความสุขแผ่ซ่านไปทั้งตัว อ.กฤษณะขณะนั้นก็ปฏิบัติ จนรู้อาการปิติ แต่อำนาจปิติแรงขนาดนั้นยังไม่เคยเจอ

จึงไปนึกย้อนหลังว่า ที่สงสัยมานาน ว่าหลวงตาวาสทำอะไรให้หลวงพ่อผัน ที่แท้ท่านก็ส่งตัวปิติตัวนี้ไปให้หลวงพ่อผัน

หลังจากคืนนั้นแล้วอ.กฤษณะ ติดใจ พอหัวค่ำ ก็ไปนอนภาวนาในกุฏิหลวงตาอีก ท่านก็ส่งปิติมาให้ทุกครั้ง พอไปหลายวันแล้ว อ.กฤษณะพยายามปฏิบัติ ก็ได้ปิติเหมือนกัน แต่ความแรงนั้น เลียนแบบอย่างไรก็ไม่ได้

เลยเข้าไปกราบเรียนหลวงตาวาสตามตรง ว่าหลวงตาไม่ต้องทำให้ผมแล้ว ผมพยายามแล้ว ยังไงก็ไม่ถึงครับ หลังจากวันนั้น ท่านเลยไม่เคยส่งปิติให้อีกเลย

ขอบคุณที่มา ศิษย์สายวัดสะพานสูง