2087.ก่อนหลวงปู่ดู่ จะละสังขาร

หลวงปู่ดู่ ละสังขารไปด้วยอาการสงบ เวลา 5 นาฬิกา ของ วันพุธที่ 17 มกราคมพ.ศ. 2533 รวมสิริอายุได้ 85 ปี 8 เดือน 65 พรรษา

/….ก่อนหลวงปู่ดู่ จะละสังขาร ท่านกล่าวปัจฉิมโอวาทว่า

.”
ไม่มีส่วนใดในร่างกายที่ไม่เจ็บปวดเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าห้อง ไอซียู ไปนานแล้ว ”

“ข้าจะไปแล้วนะ”

“ถึงอย่างไรก็ขอให้อย่าได้ละทิ้งการปฏิบัติ ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติ ก็เหมือนนักมวย ขึ้นเวทีแล้วต้องชก อย่ามัวแต่ตั้งท่า เงอะๆงะๆ”

*/-..ข้าพเจ้าจักขอ คัดย่อ ร้อยเรียง คำสอนหลวงปู่ดู่จากหลายๆที่ จากการบันทึกของลูกศิษย์.ทั้งฆราวาส พระสงฆ์ โดยเฉพาะหลวงตาม้า..ท่านนำคำสอนของหลวงปู่ดู่ มาทำให้เห็นถึงแนวทางของโพธิญาณ ได้ชัดเจน สืบต่อมา.ทำให้คนรุ่นหลัง.ได้เข้าใจศาสตร์โพธิญาณ. ลูกขอน้อมโมทนาในบารมีหลวงตาม้า อนุโมทามิ

**..คำสอนของหลวงปู่ดู่**

๑…สวดมนต์ แผ่เมตตา กรรมหนักก็เบา กรรมเบาก็หาย..บทจักรพรรดิ.ทำให้อารมภ์ห่างทางโลก ธรรมะ การสร้างบารมีอยู่ที่นั่น..กำลังพุทธะ ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ก็อยู่ที่จักรพรรดิ..ทั้งไตรสรรคมภ์ จักรพรรดิ คือ พลังงานเดียวกัน…พลังงานของสมเด็จองค์ปฐม จนถึงองค์ปัจจุบัน ก็ยังอยู่ในโลกนี้

๒. การอธิษฐานทำบุญ..”ก่อนที่เราจะถวาย ให้จบมาเสียก่อนจากบ้าน เนื่องจากพอมาถึงวัด มักจะจบไม่ได้เรื่อง คนมากมายเดินไปเดินมา จะหาสมาธิมาจากไหน เราจะทำอะไรก็ตามอธิษฐานไว้เลย เวลาถวายจะได้ไม่ช้า เสียเวลาคนอื่นเขาอีกด้วย บางคนก็ขอไม่รู้จบให้ตัวเองไม่พอให้ลูกให้หลาน จิตเลยส่ายหาบุญไม่ได้”

๓.การอธิษฐาน กรวดน้ำ รับพร อย่างไร”

……..”อธิษฐานให้พ้นทุกข์ หรือขอให้พบแต่ความดีตลอดไปจนพ้นทุกข์ ถ้าเป็นภาษาบาลี ก็ว่า สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสวะขะ ยาวะหัง นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ คนเราจะพ้นทุกข์ได้ ต้องพบกับความดี มีความสุขใช่ไหม ไม่ต้องอธิษฐานยืดยาวหรอก”…. การกรวดน้ำ “ใช้น้ำใจ น้ำจิต ของเรากรวดก็ได้ เขาเรียกกรวดแห้ง ไม่ต้องกรวดเปียก

.การอธิษฐานรับพร

“ข้าพเจ้าขอรับพรที่ได้นี้ขอให้ติดตามข้าพเจ้าตลอดไปในชาตินี้ชาติหน้า”

๔..ชีวิตนี้ เอ็งอย่าไปไหน ให้จิตอยู่กับจักรพรรดิ อยู่กับไตรสรณคมภ์ อยู่กับพระ อยู่กับข้า..เอ็งจะสร้างบารมีได้เร็ว..อยู่กับรูปลักษณ์ของข้า รูปจักรพรรดิ กำพระ..เอ็งจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้.เอ็งจะเห็นภพวิญญาณ เอ็งจะช่วยเขา และสร้างเมตตาบารมี..ทุกวันนี้เราติดกับกรรมเก่า..เอ็งเขียนไว้เลย.ในชีวิตนี้จะอยู่กับบทจักรพรรดิ.

๕..เอ็งเรียนทางโลก ก็ใช้ได้แค่ชาตินี้..เอ็งฝึกทางธรรม..เอาไปใช้ได้หลายอสงไขยชาติ..จะยืน เดิน นั่ง กินข้าว ก็สวดมนต์ .เป็นเดือน เป็นปี หลายปี…จนจิตเอ็งจะเป็นเนื้อเดียวกับจักรพรรดิ อยู่กับข้า…อย่าหยุดสวดมนต์ภาวนา

.๖..”ที่แกปฏิบัติอยู่ให้รู้ไว้ว่าไม่ใช่เพื่อข้า แต่เพื่อตัวแกเอง”..เอ็งนอนที่ไหน สวดให้หลับทุกครั้ง แล้วเอ็งจะเข้าใจ..”

๗.”ตราบใดก็ตามที่แกยังไม่เห็นความดีในตัว ก็ไม่นับว่าแกรู้จักข้าแต่ถ้าเมื่อใดที่เริ่มเห็นความดีในตัวเองแล้วเมื่อนั้น ข้าว่าแกรู้จักข้าดีขึ้นแล้ว”

๘..”ตัวตายน่ะ ตัวสำเร็จ” “นิพพาน อยู่ฟากตาย” “ถ้าไม่เอา(ปฏิบัติ) เป็นเถ้าเสียดีกว่า”

๙.”ถ้ามันไม่ดีหรือไม่ได้พบความจริงก็ให้มันตาย ..ถ้ามันไม่ตายก็ให้มันดี หรือได้พบกับความจริง”

๑๐..”แกจะรู้เหรอว่า แกจะตายเมื่อไหร่ ..ถ้าไม่ฝึกไว้..จะไปตามกรรม..ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ เวลากระทบ คือ ความรู้สึกทางโลก..ต่อเมื่อใจเราอยู่กับบทจักรพรรดิ..แล้วจะเข้าใจธรรม..จิตเราจะห่างจากโลก.
เมื่อตอนนี้แกยังไม่ได้ทำบาปกรรมอะไร ยังไง ๆ ก็ให้มีศีลไว้ก่อน ….ถึงจะมีศีลขาดก็ยังดีกว่าไม่มีศีล”

๑๑.”ขยันก็ให้ทำ ขี้เกียจก็ให้ทำ ถ้าวันไหนยังกินข้าวอยู่ก็ต้องทำ ..สวดเรื่อยๆ..ใจจะเบาไปเรื่อยๆ..คลื่นไม่ดี ความทุกข์มันเข้ามาไม่ได้….วันไหนเลิกกินข้าวแล้ว นั่นแหละ จึงค่อยเลิกทำ”.เอ็งโชคดีที่เกิดมาเจอข้า

๑๒.ตำแหน่งโลกมนุษย์เปลี่ยนไปเรื่อย แต่ตำแหน่งโลกวิญญาณไม่เปลี่ยน เปลี่ยนแต่ผู้ดำรงตำแหน่ง

๑๓..มองภาพสบายๆ (ไม่ต้องเพ่ง).. สวดไปด้วย พอภาพหายไป ลืมตาดูใหม่..เมื่อใดภาพยิ้มได้ คือสื่อกับรูปได้แล้ว.หนักเข้า จะพูดกับข้าได้..ข้ายังอยู่…ข้ายังเกิดอยู่…(บารมียังไม่รวม)

๑๔.. ทุกคนเกิดมารับเศษกรรม คนรวย คนจน..ไม่ต่างกันในโลกนี้…มันเท่ากัน ตรงที่เกิด และ ตายเท่ากัน.โลกมนุษย์มันมีทุกกระแส..จะต่างกันตอนที่วิญญาณออกจากร่าง..ถ้าไปข้างล่างคือทุกข์ ไปสวรรค์มีแต่สุข ไปพรหมมีแต่เบาสบาย..เอ็งจะไปเกิดภพภูมิไหน ก็เตรียมตัวเกิด…เราจึงต้องทำกรรมใหม่ คือ กรรมฐาน

๑๕..พวกฤาษีที่ฝึกจิตเก่งๆ. ไม่ป่วยตาย ..มีแต่ตายตามอายุขัย บางท่านใช้วิธีเปลี่ยนร่าง ใช้จิตเดิม โดยไม่ต้องเข้าท้องคน….นี่คือพลังจิต. คนมีกำลัง…ความสุขแท้จริง คือ ความสงบ ความเบา สบาย..ดังนั้นพระฤาษีจึงไม่สนใจในทรัพย์

๑๖..ถ้าจิตเอ็งอยู่กับจักรพรรดิมากเท่าไร..คลื่นไม่ดีอื่นๆ..จะเข้ามาไม่ได้ เพราะจิตมันไม่รับ จิตมันเบาสบาย.สวดแล้วจะไม่มีทุกข์..ห่างจากโรค…ต้องฝึกจิตให้เหนือธาตุ

๑๗..การแผ่บุญให้คน ถ้าเขากำลังมี.อารมภ์โลภ โกรธ หลง มันไม่รับ..มันกระแสคนละคลื่น ..ให้บอกเทวดาที่ดูแลเขาให้ดลใจทำสิ่งที่ดี…ไม่เหมือนวิญญาณมันเห็นแสงได้..

ขอบคุณ​ที่มา​ ธรรมะของพระอรหันต์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: