2085.”วิธีหนีนรกสำหรับผู้มีเวลาน้อย”

“วิธีหนีนรกสำหรับผู้มีเวลาน้อย”
คำสอนหลวงพ่อพระราชพรมหมยาน วัดท่าซุง
.. ท่านสาธุชนที่มีเวลาน้อย เพราะต้อง
ประกอบอาชีพ หาเวลาไปนั่งกรรมฐานก็
ทำได้ยาก เพราะเวลาว่างมีน้อย ก็ให้ทำ
ตามนี้จะมีผลสมบูรณ์แน่นอน และไม่เสีย
เวลาประกอบการงาน ตายแล้วรับรองไม่
ลงนรกแน่

1.#เจริญพุทธานุสสติแบบง่ายๆ
ให้จัดของบูชาพระพุทธรูปทุกวัน ที่ท่าน
เรียกว่า “ถวายข้าวพระพุทธรูป” ของที่
ถวายก็เอาอาหารเท่าที่มีอยู่ หรือผลไม้ที่
หาได้ง่าย เวลาเช้าหรือตอนสายก็ได้ นำ
ของที่หาได้ถวายพระพุทธรูปที่บ้าน ทำเป็นประจำวัน เวลาถวายคิดในใจหรือว่าออกเสียงก็ได้ ดังนี้
“ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายข้าวแกง
และน้ำแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพื่อเป็นการบูชาพระคุณ ขอผลบุญนี้
จงเป็นปัจจัยให้ข้าพระพุทธเจ้าได้เข้าสู่
พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด”
เวลาถวายให้ตั้งใจดูภาพพระพุทธรูป
ด้วยความเคารพ และจดจำรูปของท่านไว้ตั้งใจทำอย่างนี้ทุกวัน อารมณ์ใจจะมีความคิดถึงและห่วงใยในพระพุทธรูป จะคิดเสมอว่าวันนี้เรามีของอย่างนี้ถวายท่านวันพรุ่งนี้เราจะหาอะไรถวายท่าน การทำและคิดอย่างนี้เป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องคิดทุกวัน
เมื่อจิตมีอารมณ์ว่างจากงานอื่นจิตจะคิดขึ้นมาเอง และเราก็ห่วงการถวายของแก่ท่านทุกวัน ทำอย่างนี้จนมีอารมณ์ชิน ถึงเวลาต้องหาของเท่าที่จะพึงหาได้ถวายท่าน
อารมณ์ใจอย่างนี้ท่านเรียกว่า “มีฌาน
ในพุทธานุสสติกรรมฐาน” เป็นมหากุศล
ใหญ่ ตายเมื่อไรไปสวรรค์เมื่อนั้น

2.#เจริญธัมมานุสสติแบบง่ายๆ
ตั้งใจบูชาพระและสวดมนต์เป็นประจำ
เวลา จะวันละหนึ่งหรือสองครั้งหรือกี่ครั้ง
ก็ได้ “กำหนดเวลาไว้” ถ้าถึงเวลานั้นต้อง
บูชาพระและสวดมนต์ การสวดมนต์ก็
ไม่ต้องสวดมาก ขอให้สวดตามที่จะพึง
ทำได้ เช่น “อิติปิโสฯ” เป็นต้น
เท่านี้ก็มีบุญเหลือหลายแล้ว เพราะ
บท “อิติปิโสฯ” พรรณนาความดีของ
พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ครบถ้วน หรือถ้าสวดมนต์ไม่ได้เลย ก็บูชาแบบสั้นๆ แต่มีผลครบถ้วน เช่น
ตั้ง “นโมฯ” ๓ จบ แล้วว่า “พุทธัง
สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ” แปลเป็นภาษา
ไทยว่า “ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็น
ที่พึ่ง ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง ขอถึงพระ
อริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง” เพียงเท่านี้ก็ดี
มีอานิสงส์มากมาย
เวลาบูชา ตั้งใจจำภาพพระพุทธรูป
แล้วตั้งใจว่าตามที่กล่าวมาแล้ว ทำให้ชิน
จะทำเวลาไหนก็ได้ ถ้าเหนื่อยหรืออ่อน
เพลียมาก นั่งบูชาไม่ไหว นอนยกมือไหว้
แล้วตั้งใจคิดตามที่กล่าวมาแล้ว
ถ้าอยู่ในระหว่างการเดินทาง เมื่อถึง
เวลาบูชาพระก็คิดในใจตามที่ปฏิบัติมา
ถ้าทำอย่างนี้เป็นอารมณ์ชิน ถึงเวลาถ้า
ไม่ได้ทำไม่สบายใจ หรือถ้ามีเทปบันทึก
เสียงธรรม เวลานอนฟังเสียงธรรมที่
ชอบใจ
หรือบันทึกเสียงพระสวดมนต์ไว้ ตั้งใจ
ฟังก่อนหลับเป็นปกติ อารมณ์ใจขนาดนี้
ท่านว่า “มีฌานในธัมมานุสสติกรรมฐาน”
บุญใหญ่มาก ตายแล้วลงนรกไม่ได้ เกิด
ใหม่เป็นคนฉลาดเพราะมีปัญญามาก

3.#เจริญสังฆานุสสติแบบง่ายๆ
“หลวงพ่อปาน” วัดบางนมโค อ.เสนา
จ.พระนครศรีอยุทธยา ท่านสอนไว้แล้ว
พร้อมกับ “จาคานุสสติกรรมฐาน” และ
“ทานบารมี” ท่านให้ทำดังนี้
เมื่อถึงเวลากลางคืนท่านให้สวด
“คาถาวิระทะโยฯ” ๑ จบ พร้อมกับเอา
ข้าวสาร หรือข้าวเปลือก ๑ จอก หรือถ้วยเล็กๆ ก็ได้ ใส่อะไรก็ได้เพื่อเก็บไว้ถวายพระเมื่อรวบรวมได้มากพอควร
“คาถาวิระทะโยฯ นี้เป็นคาถามหาลาภ
ทำให้หากินคล่อง กำจัดความยากจน
เข็ญใจ” ถ้าทำจนชินกำลังใจทรงตัวที่
เรียกว่าเป็น “สมาธิ” จะมีความเป็นอยู่
ดีมาก หรือตอนเช้าถ้ามีเวลาพอ มีพระ
มาบิณฑบาต
ให้ใส่บาตรพระตามกำลังที่จะใส่ได้
เป็นประจำ ก่อนใส่บาตรให้ว่าคาถา
วิระทะโยฯ ๑ จบ ที่ท่านให้ทำอย่างนี้
ท่านบอกว่า เพื่อให้มีการหาเลี้ยงชีพ
คล่องตัว ไม่ยากจนเข็ญใจ แต่เนื้อแท้
แล้วผลมีตามนั้นแน่
ผลการแนะนำของท่าน นอกจากจะมี
ผลในการคล่องตัวในการครองชีพแล้ว
ก็เป็น “สังฆานุสสติกรรมฐาน” โดยตรง
เพราะจิตคิดถึงพระสงฆ์เป็นปกติ และ
คิดถึงการถวายของพระ เป็น “จาคานุส
สติกรรมฐาน”
จะใช้ข้าวหรือไม่มีข้าวใช้เงินแทนก็ได้
จะใส่ด้วยเงินมากน้อยสุดแล้วแต่จะพึงมี
ถ้าบังเอิญวันไหนไม่มีเงิน จะใช้เป็นผลไม้
หรืออะไรแทนก็ได้ ที่บริโภคได้หรือใช้
ประโยชน์ได้ เพื่อเอาไว้ถวายพระแทนเงินหรือข้าวเมื่อจัดไว้เพื่อถวายแล้วตอนนี้เป็น “ทานบารมี” ทานบารมีเป็นปัจจัยให้มีลาภมาก
หากบางท่านที่มีฐานะไม่สะดวกในการจัดหาข้าวหรือเงินใส่บาตรประจำวัน
ให้ปลูกพริก มะเขือ หรือฟักแฟง แตง
น้ำเต้า หรืออะไรที่กินได้ สักต้นหรือสองต้นคิดในใจและตั้งใจแน่วแน่ว่า ถ้ามีผล
ขึ้นมาเมื่อไร ผลจากการปลูกนี้เราจะเอา
ไปถวายพระเพื่อทำเป็นอาหาร เราจะไม่
บริโภคเอง ทุกวันที่เรารดน้ำพรวนดิน
หรือเห็นพืชต้นนั้น เราก็คิดว่าต้นนี้
ผลเราจะถวายพระ
ความรู้สึกประจำวันอย่างนี้ท่านเรียกว่า
“สังฆานุสสติกรรมฐาน” ถ้าคิดทุกวันเมื่อถึงเวลาจะทำ หรือคิดเตรียมจะทำเป็นประจำทุกวัน ท่านถือว่าเป็นฌานในสังฆานุสสติกรรมฐาน
คำว่า “อนุสสติ” ไม่ได้แปลว่า นั่งสมาธิ
ท่านแปลว่า “ตามนึกถึง” จะนึกถึงด้วย
จริยาอย่างไรก็ตาม ก็ถือว่านึกถึงเหมือนกันถ้านึกถึงเป็นประจำเมื่อถึงเวลาก็ถือว่า เป็น “ฌาน” ถ้าทรงกำลังนึกถึงพระไตรสรณคมน์ อย่างนี้เป็นประจำ จะหนีนรกได้ในชาตินี้แน่นอน
#แต่ไม่รับรองว่าจะหนีได้ทุกชาติตลอดไป เพราะกำลังใจที่ทรงความดีเพื่อหนีนรกตลอดกาลท่านยังทำไม่ครบ ถ้าจะหนีนรกให้ครบทุกชาติ จะเกิดอีกกี่ชาติก็ไม่ยอมลงนรก บาปเก่าที่ทำมาแล้วก็ไม่มีอำนาจที่จะดึงลงนรกได้อีก
ต้องเพิ่มศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐
ให้ครบถ้วนในอารมณ์ใจ และปฏิบัติ
ได้ครบสมบูรณ์ ..
(พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
ที่มาจาก.. พ่อสอนลูก เล่ม ๑ หน้าที่ ๒๓๖-๒๓๙

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: