2015. ผมเป็นผี!!

ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน คุณคิงได้บวชอยู่ที่จังหวัดนครปฐมและกำลังจะสึกออกไป แต่ก็ได้มีพระอาจารย์เข้ามาถามคุณคิงว่า ยังไม่สึกได้มั้ย เดี๋ยวจะพาไปธุดงค์ คุณคิงก็ตอบตกลง พระอาจารย์ก็พานั่งรถไฟไปตั้งต้นที่อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น พอไปถึงก็เอาของไปเก็บที่วัด พระอาจารย์ก็จะพาคุณคิงไปปักกลด สมัยนั้นไม่ได้เป็นกลดแต่ใช้เป็นเต้นท์แทน ก็ไปกางเต้นท์กลางป่า แต่คุณคิงยังไม่รู้ว่าคือป่าช้าที่ดุ แล้วชาวบ้านแถวนั้นก็ไม่มีใครผ่าน ตะวันตกดินก็ไม่มีใครผ่านแล้ว

คืนที่ 1
คุณคิงก็ทำวัตร ปฏิบัติกิจสงฆ์ ตามที่พระอาจารย์ได้บอกไว้ว่าการที่มาอยู่ที่นี่ต้องปฏิบัติหน่อยถ้าหละหลวมเดี๋ยวเจอดี พอฟ้าเริ่มมืดก็จุดกองไฟไว้หน้าเต้นท์และเริ่มนั่งสมาธิ พอนั่งไปได้สักประมาณ 20 นาที ก็ได้ยินเสียงคนเดินเหยียบใบไม้เข้า ในตอนแรกเสียงเดินไม่รีบนักแต่พอเสียงเริ่มมาใกล้ๆก็รู้สึกว่าเหมือนเดินซอยเท้าถี่ๆเข้ามา เเล้วเสียงเดินนั้นก็มาหยุดอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกับกองไฟ ด้วยความสงสัยคุณคิงจึงลืมตาขึ้นมา เห็นเป็นผู้ชายผอมๆ ผมยาว ใส่เสื้อลายสก็อต ไม่ติดกระดุกเสื้อ ใส่กางเกงขาสั้น หนังหุ้มกระดูก และเบ้าตาจะลึก ถ้ามองภายนอกจะดูเหมือนขี้ยาเลยทันที

สักพักผู้ชายคนนั้นก็นั่งลง คุณคิงจึงถามไป ว่ามีอะไรรึป่าวโยม ผู้ชายคนนั้นก็ถามกลับมาแบบยิ้มๆว่า หม่อม หม่อมย่านผีบ่ (หลวงพี่กลัวพี่รึป่าว) คุณคิงก็อึ้งไป และก็คิดว่าน่าจะถูกคนลองดีหรือเป็นเจ้าถิ่นมาแกล้ง เพราะหลวงพ่อบอกไว้ว่าการมาธุดงค์นั่นจะมี 2 อย่างคือคนลองดีกับผีลองของ แต่ประเด็นผีลองถ้าเราปฏิบัติดีก็ตัดออกไปได้เลย เพราะส่วนมากจะเป็นคนที่ชอบมาลองดี คุณคิงก็เลยตอบไปว่าไม่กลัวหรอกโยม ทำไมละที่นี่ผุดุหรอมีธุระอะไรรึป่าว ชายคนนั้นก็ตอบว่า ไม่มี ผมมาบอกเฉยๆว่าผมเป็นผีนะ แล้วก็ลุกเดินจากไป

คืนที่ 2 ก็มาแบบดิม เดินมาถามแบบเดิม ว่าหม่อม ย่านผีบ่
จนมาคืนที่ 3 ในระหว่างที่คุณคิงนั่งสมาธิก็ได้นึกถึงเรื่องเก่า ก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นเป็นจังหวะที่ชายคนนั้นเดินเข้ามา และถามมาแต่ไกลว่า หม่อม ย่านผีบ่ ด้วยความหงุดหงิดก็เลยตอบไปว่า โยม โยมไม่ต้องมาหลอกหรอ อาตมาไม่กลัวหรอก แล้วผีที่ไหนมันจะมาเดินนั่งแบบนี้ อยากได้อะไรก็เข้าไปหยิบเอาในเต้นท์ ถ้าครูบาอาจารย์ไม่ไปไหนอาตมาก็ไม่ไป ชายคนนั้นก็หน้าสลดลงแล้วพูดว่า ผมแค่จะมาบอกว่าผมเป็นผี คุณคิงก็โมโหว่ายังจะมาทำล้อเล่นอีก ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นเดินแล้วหันมามองที่นึงแล้วก็เดินคอตกไปด้วยความสลด เวลาผ่านไปชม.นึง คุณคิงก็รู้สึกผิดเพราะการที่เป็นพระก็ไม่ควรจะโมโห หรือหงุดหงิด ก็เลยตั้งใจว่าวันต่อมาก็ตั้งใจจะถามหาและไปขอขมาที่บ้าน

เช้าวันต่อมา คุณคิงก็ได้ออกบิณฑบาตและถามชาวบ้านถึงลักษณะชายคนนั้นว่า ผมยาว ผอมๆ ชาวบ้านก็บอกว่าไม่มีเพราะว่าวัยรุ่นทางขอนแก่นส่วนมากจะเข้ากรุงเทพกันหมด พวกที่อยู่ก็จะเป็นพวกบ้านๆเรียบร้อยๆ ที่ไว้ผมยาวจะไม่มีหรอกถ้ามีก็จะเป็นพวกคนบ้าหรืออาจเป็นคนหมู่บ้านอื่น คุณคิงก็บอกไปว่า เค้าเข้ามาหา 2-3 คืนแล้ว (แต่ไม่ได้บอกว่ามาแกล้งหลอกเป็นผี กลัวว่าจะโดนชาวบ้านไปด่าชายคนนั้น) มีปากเสียงกันนิดหน่อยเลยอยากจะขอขมาเค้า ถ้าไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร และคุณคิงก็เดินกลับไป

พอตกค่ำคุณคิงก็ปฏิบัติกิจเรียบร้อย ในใจก็คิดขอให้ชายคนนั้นมาอีกเพราะอยากขอขมา ไม่อยากมีกรรมต่อกัน และชายคนนั้นก็มาจริงๆเหมือนจะรู้ใจคุณคิง แต่ครั้งนี้เดินยิ้มมาเลย คุณคิงก็ยิ้มให้ทันทีที่ลืมตาจากสมาธิ ชายคนนั้นก็นั่งลงตรงกองไฟเหมือนเดิมที่เคยทำ และถามว่า หม่อมย่านผีบ่ คุณคิงก็หัวเราะและบอกไปว่า โยมนี่อารมณ์ดีนะ แต่ดีแล้วที่ไม่โกรธ อาตมาขอโทษนะที่เมื่อคืนเสียงดังไป ไม่มีอะไรหรอก มันก็เเค่อารมณ์ชั่ววูบ และคุณคิงก็เอาเงินที่ญาติโยมมาถวายประมาณ 6-7 พันบาท ให้กับชายคนนั้น

แต่ชายคนนั้นก็บอกว่า ผมไม่อยากได้หรอก คุณคิงก็บอกว่าให้ช่วยบอกชื่อว่าชื่ออะไร เป็นคนหมู่บ้านไหน ทำไมคนแถวนี้ถึงไม่มีใครรู้จักโยมเลย ทุกครั้งชายคนนั้นจะไม่เคยเข้าใกล้คุณคิงเลยแต่ครั้งนี้กลับถือตะเกียงและเขยิบมาข้างๆ พร้อมกับรวบผมขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแบบยิ้มมุมปาก แล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆเกือบจะชนหน้าคุณคิง คุณคิงก็สะดุ้งถอยหลัง เพราะคิดว่าชายคนนั้นโมโหและจะชกรึป่าว

ชายคนนั้นก็ยกตะเกียงขึ้นมา ในตอนนั้นคุณคิงมองตาชายคนนั้น ตาเค้าลึกมากแต่ก็ยังมีลูกตาอยู่ แล้วบอกกับคุณคิงว่า เบิ่ง(ดู)หน้าผมให้ชัดๆสิ ผมชื่อบักสี โดนยิงตายมาได้ 2 เดือนแล้ว ตอนนี้ผมยังตามหาคนที่ยิงผมไม่ได้เลย ไปถามเค้าว่ารู้จักผมรึป่าว ถามเค้าดีๆถามอีกครั้งนึง คุณคิงก็รับปากแล้วชายคนนั้นก็ลุกขึ้นหัวเราะเดินไปได้ 3 ก้าวแล้วหันกลับมาบอกว่า ผมเป็นผีเด้อ แล้วก็เดินไปหัวเราะดังลั่น
คืนนั้นคุณคิงนอนไม่หลับเลย

เช้ามาคุณคิงก็ไปบิณฑบาตและบอกชาวบ้านว่า อาตมารู้เเล้วว่าเค้าชื่ออะไร เค้าชื่อบักสี ชาวบ้านที่กำลังจะใส่บาตรถึงกับทำข้าวเหนียวหล่น และปฏิเสธว่าไม่มีอะไร คุณคิงก็สังเกตุได้ถึงความผิดปกติ และมองหน้าอาจารย์ ท่านก็ยิ้มเหมือนท่านจะรู้อะไร ด้วยความอยากรู้คุณคิงก็บอกชาวบ้านว่า โกหกพระมันบาปนะ แล้วก็เดินกลับ ประมาณ 11 โมง ชาวบ้านเกือบ 50 คนก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เครียด คุณคิงก็กลัวคิดว่าไปพูดอะไรที่ผิดรึป่าว คุณคิงก็ได้ถามว่า โยมมีอะไรว่ามา ก็มีชายคนนึงถามว่า หม่อมย่านผีบ่

คุณคิงก็นึกสงสัยว่าทำไมถึงถามเหมือนกับชายคนเมื่อคืนจึงตอบไปด้วยความโมโห ไม่กลัว และก็ไม่คิดจะไปไหนถ้าอาจาร์ยไม่ไปไหนอาตมาก็ไม่ไป หรือว่าตรงนี้มันทับที่ใคร ชาวบ้านก็บอกว่าไม่มี แต่จะเล่าเรื่องผีให้ฟัง คนที่ชื่อบักสีที่มาหาหม่อมลักษณะเป็นยังไง ถือตะเกียงสีฟ้าใช่มั้ย คุณคิงก็บอกลักษณะไปแต่จำสีตะเกียงไม่ได้ ชาวบ้านก็บอกว่าหม่อมฟังดีๆนะ และก็นิมนต์ให้อยู่ต่อด้วยเพราะว่ามันมาแบบนี้มันคงมาดี คนชื่อสีเนี้ยมันโดนยิงตายได้ 2 เดือนแล้ว เป็นไม่มีพ่อไม่มีแม่นะ หาปูหาปลาไปเรื่อยแต่มันชอบลักขโมยของเค้า ก็ไม่รู้ว่าใครจะหมั่นไส้เอาแล้วก็กดเอา ตอนที่ไปเจอศพก็เจอเหรียญกับพระเต็มปากเหมือนกับไม่ให้พูด มันก็เกิดอาละวาด เพราะตอนตายมันไม่รู้ว่าใครฆ่าและไม่สามารถไปบอกใครก็ไม่ได้

แล้วชาวบ้านก็พอเด็กชายคนนึงมา ขาของเด็กชายคนนั้นยังดามเหล็กไว้อยู่ เด็กคนนั้นก็บอกคุณคิงว่า หลวงพี่ บักสีมันเฮี้ยนนะ ผมเนี้ยเห็นมันมากับตาในขณะที่มันตายแล้ว ผมเป็นคนที่รอดแต่เพื่อนผมอ่ะตาย ผมขับมอไซค์ไปกับเพื่อน แล้วจู่ๆก็มีคนมากวักมืออยู่เลยบอกเพื่อนว่าให้เบามอไซค์หน่อยมีคนกวักมือออกมาขวางทางแล้ว เพื่อนก็บอกว่าไม่เห็นมีเลย แต่ผู้ชายคนนั้นก็เดินมาอยู่ตรงหน้ามอไซค์ในขณะที่เพื่อนก็ไม่ได้ลดความเร็วลงเลยเหมือนกับว่าไม่เห็น ชายคนนั้นก็เอื้อมมือจับแฮนด์รถหักเข้าต้นไม้เพื่อนคอหักตายคาที่ แต่ตัวเองขาหัก และจำได้ว่าชายคนนั้นคือบักสี ชาวบ้านยังเล่าต่ออีกว่าช่วงนั้นบักสีอาละวาดหนัก คนเฒ่าคนแก่ก็โดนกันหมดเพราะด้วยความที่อยากรู้ว่าใครเป็นคนที่ฆ่า

ในตอนแรกชาวบ้านได้ซื้อที่ไว้เพื่อฝังศพไว้ แต่ด้วยความที่บักสีอาละวาดหนักก็เลยขุดศพขึ้นมาทำพิธีทางศาสนาให้ถูกต้อง ถ่ายรูปไว้และบอกว่าจะสร้างกำแพงและทำให้ถูกตามหลักศาสนาแต่ขอร้องให้เลิกอาละวาด ชาวบ้านก็ทำตามที่บอกไว้และได้นำรูปที่ถ่ายตอนที่ขุดศพขึ้นมาติดไว้ที่กำแพง คุณคิงจึงอยากเห็นว่าใช่คนเดียวกันรึป่าว ชาวบ้านก็เลยพาไปดูอีกหมู่บ้านนึงห่างกันประมาณ 10 กิโล คุณคิงจึงนึกขำว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่ผีจะเดินทางมา 10 กิโลเพื่อหลอกตน

พอไปถึงคุณคิงก็ต้องตกใจเพราะรูปที่ถ่ายถึงแม้ว่าจะถ่ายตอนเป็นศพแต่ก็คือโครงหน้าเดียวกัน และยังมีรอยสักที่กระเดือกเหมือนกัน ชาวบ้านเห็นคุณคิงนิ่งไปจึงพากลับและถามคุณคิงว่าแล้วหม่อมจะอยู่ต่อมั้ย ถ้าอาจารย์อยู่ก็คงต้องอยู่แต่ถ้าอารมณ์ส่วนตัวก็อยากจะไปเก็บของกลับทันที พอกลับไปถึงอาจารย์ก็ยิ้มและถามว่ารู้แล้วใช่มั้ยว่าอะไรเป็นอะไร คุณคิงก็ถามว่าท่านทราบหรอครับ อาจารย์ก็ตอบว่าพอเค้าคุยกับท่านเสร็จเค้าก็มาคุยกับผมอีกที แต่ด้วยความที่อาจารย์ท่านธุดงค์บ่อยก็เลยไม่กลัว อาจารย์บอกว่าจะพาคุณคิงกลับ

คุณคิงก็ได้ไปนั่งรอรถเพื่อจะไปจังหวัดประจวบฯ ที่ที่คุณคิงไปนั่งเป็นเสาต้นใหญ่ (ขาด2-3คนโอบ) ถัดออกไปอีกต้นอาจารย์ก็นั่งอยู่ ในขณะที่กำลังสัปหงกก็ได้ยินเสียงบอกว่า ขอน้ำกินหน่อย พอมองหาก็ไม่มีใครสักพักก็มีเสียง ใจดำแท้ ขอน้ำก็ไม่ได้ คุณคิงจึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ลุกเดินไปหาอาจารย์ ท่านก็บอกให้ไปที่ร้านค้าซื้อน้ำและจุดธูปบอกเค้าด้วย หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากวนอีก

หลังจากนั้นคุณคิงก็เดินทางไปวัดที่ประจวบ ซึ่งเป็นวัดที่ใครๆก็ว่าเฮี่ยน แต่โดยส่วนตัวคุณคิงนั้นคิดว่าทำดีและคิดว่าเป็นวัดไม่ใช่ป่าช้าก็คงไม่มีอะไร ซึ่งขณะนั้นได้มีพระอีกรูปนึงมาขอร่วมธุดงค์ด้วย พระรูปนี้บวชได้ไม่นาน ท่านบอกยังมีทุกข์ในใจยังติดเรื่องหวยอยู่ ทุกงวดไม่เคยพลาด พระรูปนี้ก็ได้มาขอหวยคุณคิงเพราะรู้ว่าคุณคิงไปเดินธุดงค์มา คุณคิงก็บอกว่าผมพึ่งไปที่เดียวเอง พระก็ถามกลับว่าเจออะไรมั้ย คุณคิงก็มองหน้าอาจารย์ จึงไม่กล้าเล่า และบอกว่าให้มันเป็นเรื่องระหว่างผมดีกว่า เพราะพระเราพูดไปมากก็ไม่ดี มันเป็นอาบัติที่รุนแรง

แกก็บอกว่าแต่ผมรู้นะว่าพวกท่านต้องมีอะไรบ้างแหละ ตรงท้ายวัดผมไปนอนมา 2 คืนแล้วยังไม่เห็นมีอะไรเลย เค้าบอกกันว่าที่นี่ดุ ผมยังไม่เจอเลย ผมอยากเจอจังๆแล้วให้หวย ตอนนั้นคุณคิงก็ได้ยินเสียงบอกข้างๆหูว่า เดี๋ยวเจอ ซึ่งเสียงนั้นก็เหมือนกับเสียงของบักสี คุณคิงก็หันไปมองหาว่าเสียงใคร ก็เห็นอาจารย์นั่งยิ้มอยู่แต่ไม่ได้พูดอะไร คุณคิงจึงบอกพระรูปนั้นว่าท่านอย่าท้าทายดีกว่า ไม่เจอดีกว่านะ พระรูปนั้นก็บอกว่า ผมไม่กลัวหรอก ผมอยากเจอนี่ก็ใกล้วันที่ 16 แล้วขอจังๆหน่อย คุณคิงก็เลยเงียบเพราะเตือนแล้วไม่ฟัง

ในคืนนั้นคุณคิงกับพวกเณรก็ได้นั่งรวมกันอยู่ในห้องปานะ อยู่คอมพิวเตอร์ที่อยู่ติดกับประตูด้านหลังก็เปิดขึ้นมาเองทั้งที่ๆไม่มีใครอยู่ใกล้ตรงนั้นเลย คุณคิงจึงรีบเดินออกมาข้างนอกทันที พอเดินออกมาก็เจอกับพระรูปนั้น ซึ่งทำหน้าหงุดหงิดใส่ ปากแกแตกและเดินกุมท้องเข้าห้องน้ำ จนถึงเช้าก็ออกบิณฑบาตก็เห็นพระรูปนั้นรีบเดินจ้ำๆออกไป คุณคิงจึงเข้าไปถามว่าโกรธอะไร พระรูปนั้นจึงบอกว่า

เมื่อคืนขณะที่กำลังนอน มีคน3-4 คนวิ่งขึ้นมากระทืบแก กระทืบแบบไม่ยั้ง และยังได้ยินว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ จึงโกรธและคิดว่าคุณคิงน่าจะพาพวกมากระทืบตนเอง เนื่องจากตนไม่เชื่อคำเตือนที่คุณคิงบอก คุณคิงจริงปฏิเสธว่าไม่ได้ทำและบอกว่าอาจเป็นโยมลักลอบมาทำร้ายรึป่าว จึงไปถามเด็กวัด เด็กวัดก็บอกว่าไม่เคยมีใครเข้ามาที่นี่ มันจะต้องเป็นสิ่งที่หลวงพี่ได้ยินแล้วจะต้องอึ้ง

จากนั้นเด็กวัดก็พาไปหาพระอีกรูปซึ่งอยู่วัดนี้มานาน และเคยเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน เจอขนาดที่โดนรุมกระทืบจนอุจจาระราด เพราะพระรูปนี้ก็ท้าทายเช่นเดียวกัน สรุปคืนนั้นบักสีก็มาบอกว่าตนได้พาเพื่อนๆไปกระทืบพระเอง เพราะไม่ชอบพระที่ปฏิบัติแนวนี้ แล้วพระรูปที่ถูกกระทืบก็ยังไม่เชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือคุณคิงแต่เป็นฝีมือบักสี

จากนั้นก็ออกเดินธุดงค์ต่อ ก็ยังตามมาด้วย ตามมาพูดใส่หู คุณคิงจึงไปบอกอาจารย์ว่า ช่วยผมหน่อย ผมไม่ไหวแล้ว ไม่งั้นผมจะสึกแล้วนะ อาจารย์จึงบอกว่าคืนนี้จะทำให้ ให้มานอนที่นี่ พอพ้นคืนนั้นไปอาจารย์ก็บอกว่าเค้าไปแล้วนะ เค้าแค่มาบอกว่าชอบใจท่าและไม่อยากให้ท่านสึก และขอให้อยู่ครบ 3 พรรษา ถ้าอยู่ไม่ครบก็จะหวนคืนมาอีก อาจารย์ยังบอกอีกว่าไม่ใช่ความอาฆาตแต่เป็นบุญสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ถ้าหากเค้ายังไม่ตายก็จะได้รับความอนุเคราะห์ แต่เค้าตายไปแล้วเค้าจึงมองเห็นแสงสว่างจากคุณคิงจึงคิดว่าน่าจะช่วยเค้าได้

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : Pantip (โดยคุณคิง)
ขอขอบคุณท่านเจ้าของรูปด้วยครับ

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่
แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji
Web Sit: www.appgeji.com
App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: