2010.หลวงพ่อรุ่งปราบเสือสมิง

ஐ หลวงพ่อรุ่งปราบเสือสมิง ஐ
… หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ …
❀❀❀❀❀❀❀❀
…………
เรื่องนี้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เภา ศกุนตะสุต ท่านฟังเรื่องราวนี้ต่อมาจาก อาจารย์รอด สุขเจริญทรัพย์ สำหรับท่านอาจารย์รอดผู้นี้เดิมทีเคยบวชเป็นพระภิกษุ เป็นศิษย์เรียนอาคมกับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม และเรียนวิชาจากพระอาจารย์อีกหลายรูป ชอบศึกษาทางไสยเวทย์มาตั้งแต่เข้าสู่วัยหนุ่ม ภายหลังลาสิกขาเป็นอาจารย์ฆราวาสผู้เข้มขลัง ท่านอาจารย์รอดเล่าเรื่องราวสมัยเดินธุดงค์ร่วมคณะไปกับพระอาจารย์ของท่านมี หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง, หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ, หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี (สมัยยังหนุ่มศึกษาวิชากับหลวงพ่อรุ่ง) และยังมีพระที่ติดตามไปด้วย ๒-๓ รูป คราวนั้นธุดงค์ไปทางป่าเมืองกาญจนบุรี เทือกเขาตะนาวศรีเขตรอยต่อประเทศเพื่อนบ้าน เวลานั้นป่ายังอุดมสมบูรณ์มีสิงสาราสัตว์มากมาย รวมทั้งสิ่งลี้ลับอาถรรพ์ต่าง ๆ ที่ของไม่เห็นด้วยตา
…………
❀❀❀❀❀❀❀❀
…………
ในเวลานั้นอาจารย์รอดท่านยังเป็นพระภิกษุร่วมเดินทางไปด้วยคราวนั้น ท่านเล่าว่าวันหนึ่งเดินทางกันมาจนเหนื่อยอ่อน ตัดสินใจปักกลดที่เชิงเขาแห่งหนึ่ง ด้วยเป็นเวลาเย็นมาใกล้พลบค่ำแล้ว บังเอิญมีชาวบ้านป่าเดินผ่านมาเห็นคณะพระมาปักกลด ได้แวะเข้านมัสการพร้อมทั้งพูดด้วยความเป็นห่วงว่า ในพื้นที่แถบนี้ระยะที่ผ่านมามีเสือใหญ่ตัวหนึ่งอาละวาดทำร้ายผู้ฅน พอค่ำลงชาวบ้านจะไม่เดินทางไปไหนเลยในช่วงนี้ด้วยเกรงเสือใหญ่ตัวนี้ คณะพระธุดงค์เมื่อรับฟังแล้วก็เฉยเสียไม่ได้ว่ากะไร เพราะเมื่ออธิษฐานปักกลดแล้วจะไม่ถอนกลดหนีเด็ดขาดไม่ว่าอย่างไร เมื่อทราบดังนี้พระทุกรูปต่างแยกย้ายกันทำกิจต่าง ๆ ของตน แยกย้ายกันสรงน้ำแล้วก็พักต้มน้ำทำกิจต่าง ๆ พระอาจารย์หลายรูปทำวิชาอาถรรพ์กันตัวกันตามถนัด
…………
❀❀❀❀❀❀❀❀
…………
พระอาจารย์บางรูปเสกหินเสกดินไว้ตามทิศต่าง ๆ เพื่อกันภัย บ้างเสกฝุ่นดินทรายหว่านล้อมรอบกลดเป็นกำแพงแก้วกันภัย บางรูปเสกคาถากำแพงแก้วแล้วขีดลงบนพื้นธรณีเป็นอาณาเขต รวมถึงตัวอาจารย์รอดกับหลวงปู่โต๊ะพระหนุ่มที่ต่างป้องกันตัวด้วยอาคม เห็นมีเพียงหลวงพ่อรุ่งพระชราร่างเล็กรูปเดียวที่ไม่เสกกันตัวใด ๆ เลย เห็นท่านสรงน้ำล้างเนื้อตัวแล้วก็มานั่งเงียบหยิบด้ามกลดของท่านมาจากอักขระ ท่านจารอักขระเสร็จแล้วก็พูดบ่นพึมพำพอจับใจความได้ว่า **เอามาเถอะมึงมาเมื่อไรได้เจอดีกับกู** พอค่ำลงต่างเข้ากลอดสวดมนต์ภาวนากันตามสมควรแล้ว ตกดึกก็ส่งเสียงบอกกันให้ระวังตัวมีสติหากเห็นหรือได้ยินอะไรให้ภาวนา นึกเอาพุทธคุณเป็นที่พึ่งอย่าออกจากกลดเด็ดขาด
…………

…………
พอตกดึกน้ำค่างลงเสียงน้ำค้างหยดลงบนหลังคากลดเปาะแปะ ๆ แสดงว่าเวลาดึกมาแล้ว เสียงหรีดหริ่งเรไรกลางไพรร้องกันระงม แล้วจู่ ๆ เสียงเหล่านั้นก็เงียบลงเงียบสนิทลงพร้อมกัน สภาวะแวดล้อมรอบคณะพระธุดงค์เวลานี้เงียบสนิท แล้วจู่ ๆ ได้ยินเสียงเหยียบย่ำใบไม้แห้งดังกรอบแกรบใกล้เข้ามา เสียงนั้นทำให้พระทุกองค์ระวังตัว ได้ยินเสียงพระท่านกระแอมขึ้นเบา ๆ คล้ายเตือนให้ระวังตัว ในความมืดนั้นยังพอเห็นได้จากแสงจัดที่ทอดแสงลงมาในแนวไพร แลเห็นเสือตัวใหญ่ขนาดเท่าลูกม้า
…………
สีเหลืองดำที่เห็นให้รู้ว่ามันคือเสียลายพลาดกลอนขนาดใหญ่ราว ๖ ศอก เสือมันเดินวนไปตามกลดต่าง ๆ แต่ไม่อาจเข้าไปรบกวนพระท่านได้เลย มันไม่อาจข้ามผ่านแนวเขตอาถรรพ์ที่ไว้ มันเดินไปหาหลวงพ่อทองสุขวนมาจนเกือบครบทุกกลด แล้วมันเดินวนไปหากลดที่อยู่ห่างหมู่คณะที่สุด คือ กลดของหลวงพ่อรุ่งจอมอาคม เสือมันมันคงไม่รู้ว่าหลวงพ่อรุ่งท่านตั้งท่าคอยอยู่นานแล้ว เพราะว่าเมื่อเสือมันเดินไปหยุดยืนหน้ากลด หลวงพ่อรุ่งท่านก็เปิดกลดออกมาทันที แล้วหวดด้ามกลดลงที่กลางกระบาลเสือเต็มแรง เสียดัง โพล๊ะ !! เสียงดังฟังชัดเจนในความเงียบ เสือใหญ่ร้องโฮ๊ก !! สุดเสียง แล้วกระโจนหนีด้วยความตกใจสุดขีด หนีหายไปในความมืดทันที
…………
❀❀❀❀❀❀❀❀
…………
เมื่อเสือโดดออกไปแล้ว เห็นหลวงพ่อรุ่งมุดพรวดตามออกจากกลดตามติด ในมือท่านถือด้ามกลดไว้แน่นปากท่านก็ด่าเสียงขรมลั่นป่า ท่านร้องท้าทายด่าทอเสือดั่งอยู่นาน แล้วท่านก็กลับเข้ากลดเงียบทำภาวนา จนเช้าตรู่ชาวบ้านรีบน้ำภัตตาหารมาถวายด้วยความเป็นห่วง เกรงพระจะกลายเป็นเหยื่อเสือไปเสียหรืออย่างไร ? เมื่อเห็นพระท่านอยู่ดีก็โล่งใจ พอสายหน่อยมีชาวบ้านอีกกลุ่มเดินมาแจ้งว่า ที่บนเขามีพระธุดงค์อีกรู)หนึ่งที่ท่านมาจำพรรษาอยู่ในถ้ำมาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อเช้าชาวบ้านนำภัตตาหารไปถวายเห็นท่านนอนป่วยร้องครวญครางหน้าตาบวมปูด พูดจาพอจับใจความได้ว่าให้มาตามพระให้ช่วยไปรักษา พระทุกรูปจึงหันมามองแล้วชี้มือไปที่หลวงพ่อรุ่งว่า **ต้องถามท่านรูปนั้น** หลวงพ่อรุ่งท่านนั่งเงียบแล้วว่าจะให้ช่วยก็ให้พาตัวลงมาท่านไม่ขึ้นไป ชาวบ้านจึงพาพระธุดงค์รูปนั้นลงมาจากเขาหามกันมา หลวงพ่อรุ่งพอเห็นท่านก็นั่งหันข้างแบบไม่สนใจแล้วถามพระรูปนั้นว่า

หลวงพ่อรุ่ง :
**ไปทำอะไรมาถึงเป็นแบบนี้**

พระธุดงค์ :
เมื่อได้ฟังก็เงียบไม่ตอบ ได้แต่ส่งเสียงครางในลำคอดัง ฮือ ฮือ !! น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด

หลวงพ่อรุ่งท่านเห็นพระนั้นไม่ตอบท่านก็ว่า **ไม่ตอบมึงก็ตายไปเถอะ ไม่ตอบกูก็ไม่ช่วย** พระนั้นยกมือไหว้ท่านทำท่านขอขมา ดูแล้วเข้าใจว่าหลวงพ่อรุ่งท่านรู้ว่าพระรูปนี้ทำอะไรมา ท่านจึงกล่าวขึ้นว่า

หลวงพ่อรุ่ง :
**เป็นพระวิชาดี ๆ มีมากมายไม่เรียน ไปเรียนวิชาชั่ว ๆ ทำบาปทำกรรมเป็นบาปอกุศล ตายลงเมื่อไรก็ตกรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดได้เกิด เมื่อคืนนั้นมึงให้ไหมที่ลงมาให้กูตีนะ หากมึงไม่เลิกเสียกูก็ปล่อยให้มึงตายตกไปตามกรรม หากมึงจับปากว่าเลิกได้กูจึงจะช่วย**
…………
พระนั้นฟังก็เงียบร้องอึดอัด ๆ อยู่นาน เข้าใจว่าคงทรมานเพราะหน้าตาบวมขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนศพขึ้นอืด พอทนไม่ไหวก็หันมาทำหน้าพยักพเยิดส่งสัญญาณว่าตนยอมแล้ว พอเห็นดังนั้นพระที่นั่งเฝ้าอยู่ก็ร้องบอกหลวงพ่อรุ่ง ท่านเดินมายืนดูแล้วบ่นพึมพัมไม่เห็นท่านว่าคาถาอะไร หลวงพ่อรุ่งท่านยกฝ่าเท้าลูบไปที่หน้าพระที่นอนหน้าบวมอยู่ ครู่เดียวหน้าพระนั้นก็ค่อย ๆ ยุบลงและหายเป็นปกติเหมือนไม่ได้ป่วยเจ็บมาก่อน
…………
พระนั้นลุกขึ้นมาได้ก็กราบลงที่เท้าหลวงพ่อรุ่ง ท่านก็ยืนมองเลยไม่พูดอะไรแล้วหันหลังกลับเข้ากลดไป รุ่งขึ้นชาวบ้านมาแจ้งว่าพระรูปนั้นไปจากถ้ำแล้ว และพึ่งทราบว่าพระที่มาอยู่ในถ้ำนั้น ที่แท้เรียนวิชาเสือสมิงมา เพราะจากวันที่พระรูปนี้มาอยู่ก็เห็นมีเสือใหญ่มารบกวนชาวบ้านและสัตว์เลี้ยง แต่เสือสมิงแปลงดวงไม่ดีที่มาเจอหลวงพ่อรุ่งจึงโดนท่านต้อนรับด้วยด้ามกลดไป สุดท้ายโดนท่านล้างอาคมด้วยฝ่าเท้าเข้าไปของที่เรียนมาทั้งหมดจึงเสื่อมลงจนสิ้น ทั้งหมดเป็นเรื่องราวอิทธิฤทธิ์บางช่วงตอนของหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ

ขอบคุณที่มา ฅนขลัง คลังวิชา
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: