1942.คาถาปราบผีของหลวงพ่อเงิน..ตอนเดินธุดงค์

เรื่องจากหนังสือ “ลานโพธิ์” ฉบับที่ 886

“หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม” ท่านได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อครั้งที่ท่านได้เดินธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกทดสอบสมาธิจิต

ในป่าเขตประเทศพม่า ได้พบกับสิงสาราสัตว์มากมาย ทั้งสัตว์ดุร้ายน่ากลัวและสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น ช้าง เป็นต้น ท่านได้

เล่าว่า สัตว์ต่างๆเหล่านั้น ท่านก็ได้ใช้วิธีการแผ่เมตตาให้ทุกครั้งที่เผชิญหน้า ก็ได้ผลดี บางครั้งพบเสือชนิดประจันหน้า

ก็อาศัยการแผ่เมตตาช่วยทำให้เสือร้ายบ่ายเบนหลบทางไปได้ นับว่าบารมีแห่งการแผ่เมตตาตามแนวทาง

แห่งพระพุทธองค์นั้น เป็นประดุจเกราะแก้วคุ้มภัยได้ประเสริฐกว่าสิ่งต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวง ท่านเล่าว่า มีครั้งหนึ่ง

ที่ท่านเดินทางไปในป่าลึก ระหว่างทางพบกลดพระเก่าๆ หลายกลด ล้มระเนระนาด และมีเศษซากกระดูกคนซึ่งน่า

จะเป็นกระดูกพระที่มาปักกลดอยู่ ท่านได้พิจารณาเห็นว่าสถานที่ตรงนั้น น่าจะมีอะไรเป็นพิเศษซึ่งเป็นอันตราย

อยู่แน่นอน พระธุดงค์เหล่านั้นจึงมาจบชีวิต อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ ท่านจึงได้เก็บเศษซากกระดูกเหล่านั้นมาทำพิธีบังสกุล

อุทิศส่วนกุศลแล้วจัดการขุดฝังไว้ให้จนเรียบร้อยดี เพื่อพิสูจน์ว่าสถานที่ตรงนี้มีอะไรอยู่ ท่านจึงตัดสินใจปักกลดเพื่อ

ปฎิบัติธรรมตรงนั้น ท่านเล่าว่า พอเวลาใกล้ค่ำก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น อากาศบริเวณนั้นเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็ว

จนท่านแทบจะทนไม่ไหว จึงรีบเข้ากลดแล้วบำเพ็ญภาวนาเพื่อระงับความเยือกเย็น กว่าจะดับความเย็นก็ใช้เวลาเกือบดึก

แต่อากาศเริ่มเปลี่ยนเป็นอบอ่นและทวีความร้อนมากขึ้น จนท่านมีเหงื่อเริ่มออกที่จึวร ทันทีนั้นก็มีเสียงดังขึ้นรอบ ๆ

กลดเกรียวกราว คล้ายกับเสียงเหวียดร้องของสัตว์ร้ายที่ไม่เคยรู้จัก แล้วก็ทวีความดังขึ้นเรื่อย ๆ ท่านก็ได้แต่ภาวนาจิต

เข้าสู่สมาธิ พร้อมด้วยยกเอา ” คาถาตวาดฟ้าป่าหิมพานต์ ” ตามที่ได้เรียนมากับอาจารย์ เข้าสู่การภาวนาร่ายเป็นพุทธมนต์

ด้วยเสียงอันดังก้องกังวาลขึ้น เพื่อกลบเสียงร้ายเหล่านั้น พอร่ายพุทธมนต์จบ เหตุการณ์อันน่าสะพรึงเพริดก็บังเกิดขึ้น

กลดที่คลุมอยู่เปิดขึ้นตรงเบื้องหน้าท่าน ท่านตกใจมากลืมตามองออกไป ปรากฏแสงสว่างจ้า

ใบหน้าประหลาดเหมือนหน้าคนที่น่าเกลียด แต่เล็กเท่ากำปั้น ลอยอยู่มีเสียงพูดออกมาว่า

“หมดหรือยัง”

ท่านได้สติจึงได้รีบภาวนาร่ายพุทธมนต์ ต่อไปอีกหลายบท เพื่อไม่ให้ขาดเสียง

จนหมดไส้หมดพุง นึกคาถาหรือบทสวดมนต์อื่น ๆ ไม่ได้อีกแล้ว จึงเงียบเสียงลง

หลังจากเงียบเสียงลงได้เพียงครู่เดียว เหตุการณ์เช่นเดิมก็ปรากฏขึ้นอีก กลดถูกเปิดขึ้น

เสียงพูดจาจากคนหน้าตาน่าเกลียดหัวเล็กเท่ากำปั้นดังขึ้นว่า

“หมดแล้วรึ”

ท่านรู้สึกตกใจมาก เสียงนั้นย้ำต่อในทันทีทันใดว่า

“เอาล่ะนะ”

หลวงพ่อเงินเล่าต่อว่า พอสิ้นเสียง “เอาล่ะนะ” กลดทุกด้านเปิดขึ้นทันที ท่านตกใจมาก

ได้แต่ร้องคำเดียวว่า “อะ”

สิ้นเสียงร้อง “อะ” ของท่าน

กลดทุกด้านก็ปิดลง เสียงร้องหวีดโหยหวนก็ห่างไกลออกไปอย่างรวดเร็ว เหตุการณืเงียบสงบลง

เสียงวิเวกแห่งป่าดง หรีดหริ่งและกังวาลของสัตว์ป่าในราตรีแห่งนั้นก็เข้ามาแทนที่

ท่านเล่าว่า เมื่อเหตุการณ์สงบลงก็ได้พิจารณาเหตุที่เกิดขึ้น ก็ปลงใจว่า เจ้าตัวหัวเท่ากำปั้น ตัวเท่ากระพ้อมนั้น

คงเป็น “ปอบ” ชนิดหนี่งที่มีวิชาแก่กล้า จึงไม่เกรงกลัวบทคาถาต่าง ๆ แด่มาพ่ายแพ้ต่อคำว่า ” อะ” คำเดียว

ท่านเล่าว่า ต่อมาภายหลังพระภิกษุมาขึ้นธุดงค์กับท่าน ท่านมักมอบคาถา “อะ” ให้พระธุดงค์เพื่อนำไปใช้เมื่อ

พบเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สุดความสามารถก็ล้วนได้ผลดียิ่ง

ขอบคุณที่มา www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=1976
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: