1901.หลวงพ่อเงิน สอนคนขอหวย

หลวงพ่อเงิน สอนคนขอหวย
หลวงพ่อเงิน จะเก่งทางคาถาอาคมอย่างไร มีเมตตามหานิยมขนาดไหน พระเครื่องรางของขลังจะศักดิ์สิทธิ์อย่างไร ก็เป็นเรื่องของลูกศิษย์ลูกหาจะพูดจาเล่าลือกันไปต่าง ๆ นานา แต่คนที่รู้จักหลวงพ่อเงินจริง ๆ แล้ว ก็จะรู้แก่ใจดีว่า หลวงพ่อไม่เคยคุยอวดอะไร เวลาท่านจะแจกพระเครื่ององค์เล็ก ๆ หรือเหรียญรูปตัวของท่าน ท่านก็พูดว่า

“เอาไปเป็นที่ระลึกนะ”

“คนเขาเอาไปใช้ติดตัวเขาว่าดี”

ท่านไม่ได้พูดจาอวดอ้างเอาเอง หรือรับรองว่าของนี้ขลัง ของนี้ศักดิ์สิทธิ์ ของนี้ดี วิเศษทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกะพันชาตรีอะไรเลย คราวหนึ่งพบท่าน ท่านเห็นว่าผู้เขียนเป็นลูกศิษย์ไปรับราชการอยู่ต่างหัวเมืองไม่ได้ไปหาท่าน ท่านก็พูดว่า

“ฉันสร้างพระผงเมตตาไว้รุ่นหนึ่งนะ อยากได้ก็ไปที่วัด”

แต่ผู้เขียนก็ไม่ได้ไปขอรับจากท่าน วันหนึ่งพบหญิงคนหนึ่งเป็นคนชาวนครปฐม พูดถึงพระผงเมตตาของหลวงพ่อเงินว่าอยากได้ เขาก็ส่งให้องค์หนึ่ง ทำด้วยผงสีเหลืองอมแดง ขนาดสัก 5 คูณ 10 มิลลิเมตร รูปสี่เหลี่ยม ผู้หญิงที่ให้พระคนนั้น เป็นใคร ชื่อไรก็ไม่รู้จัก ข้าพเจ้านึกในใจว่า นี่หลวงพ่อรักเราจึงอุตส่าห์ฝากให้หญิงคนนี้มาให้ คราวหนึ่งรำลึกว่าเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อยังไม่มี อยากได้ก็ได้มา 2 เหรียญ ยังเก็บไว้จนบัดนี้

คราวหนึ่งมีงานทำบุญครบ 6 รอบ อายุ 72 ปีของหลวงพ่อเงิน ท่านสร้างเหรียญทองแดง รูปตัวท่านอายุ 6 รอบแจก เมื่อผู้เขียนโผล่ไปในงาน พอเห็นหน้า หลวงพ่อก็เดินผ่านคนจำนวนมากบนศาลาการเปรียญเข้ามา หาล้วงย่าม หยิบเหรียญรุ่น 6 รอบ พ.ศ.2505 ส่งให้ 1 เหรียญ ไม่ได้พูดอะไรเลย

คราวหนึ่งเมื่อผู้เขียนจะเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ที่เมืองสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2498 ได้ไปกราบลาท่านขุนเชาว์ปรีชาศึกษากร ท่านขุนเชาว์ก็ไปหยิบเอาพระเครื่องหลวงพ่อเงินมอบให้เป็นที่ระลึก 1 องค์ เพราะท่านขุนเชาว์ปรีชาศีกษากร เป็นลูกศิษย์และเป็นกรรมการวัดดอนยายหอมคนหนึ่ง มีหน้าที่เกี่ยวข้องอยู่ในการสร้างพระเครื่องดินเผารุ่นนั้น

อย่างไรก็ดี ทุก ๆ คนไม่ว่าใครที่เป็นลูกศิษย์หรือเคยไปหาหลวงพ่อเงินจะเป็นที่รู้กันอย่างซาบซึ้งแก่ใจดีว่า คนที่ไปหาหลวงพ่อเงินจะได้รับการต้อนรับโอภาปราศรัย เป็นที่ชื่นอกชื่นใจแก่ทุกคน ทุกคนจะได้รับสิ่งที่เป็นวัตถุติดมือไปเป็นที่ระลึก เป็นสิริมงคลแก่ตัวตามที่ออกปากขอท่าน จะให้รดน้ำมนต์ ท่านก็อ่านโองการเวทย์มนต์รดน้ำมนต์ให้ จะขอเหรียญ ท่านก็หยิบยื่นให้ แต่สิ่งที่ได้รับไปพร้อมกันก็คือ “ธรรมะ” ที่ฝากแฝงอยู่ในคำสนทนาปราศรัยนั้น บุคลิกลักษณะ ผิวพรรณ วรรณะ ของท่านก็ผ่องใส สง่าผ่าเผย มีแววแห่งความเมตตาแฝงอยู่ในน้ำเสียง และฉายแสงออกมาจากดวงตาคู่นั้น น้ำเสียงกังวาลแจ่มใส ผสมกลมกลืนกันอย่างประหลาดระหว่างความมีอำนาจและความเมตตา กิริยาก็สง่าผสมกับความละมุนละไม และความสงบเสงี่ยมเยือกเย็น ถ้อยคำที่กล่าวออกมาแต่ละคำแต่ละประโยคก็น่าฟัง น่าคิด น่าจดจำ น่าเคารพกราบไหว้อย่างสนิทใจ เรียกว่า “กราบเท้ากราบตีนได้อย่างน่าชื่นใจ ยกเอาเท้าขึ้นใส่หัวใส่เกล้าได้อย่างเคารพบูชา” คำพูดนั้นเหมาะแก่กาลเทศะ เหมาะแก่บุคคล เหมาะแก่เหตุการณ์ มีคำอุปมาอุปไมยทางโลกทางธรรมอย่างแยบคาย อันนี้แหละมีคุณค่ายิ่งกว่าคาถาอาคม เครื่องรางของขลังใด ๆ ทั้งสิ้น ดูเหมือนว่าน้ำมนต์ พระเครื่องเหรียญอะไรเหล่านั้นเป็นแต่เพียงสื่อสารระหว่างตัวเรากับตัวท่านยามที่อยู่ห่างไกลกันเท่านั้น ถ้าหากว่าพระเครื่องของท่านจะขลังและศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายได้จริง ๆ ก็เป็นเพราะ ผู้นั้นระลึกถึงท่าน ยึดเอาท่านเป็นที่พึ่งที่ระลึกในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ เมื่อยามอยู่ห่างไกล มิได้อยู่ต่อหน้าท่านเท่านั้น

แต่เมื่อยามอยู่ต่อหน้าท่านนั้น แม้คนที่ไม่เคยรู้จักไม่เคยเห็นหน้าตาหลวงพ่อมาก่อน พอเห็นท่านเข้าก็จะเกิดอาการสะดุดใจ บุคลิกลักษณะของหลวงพ่อมีเสน่ห์ดึงดูดใจคนตั้งแต่แรกพบทำให้สะดุดตาสะดุดใจคน เหมือนมีพลังงานแม่เหล็กดึงดูดฉะนั้น

คราวหนึ่งหลวงพ่อเดินอยู่บนระเบียงองค์พระปฐมเจดีย์ มีชายหญิงหมู่หนึ่ง แต่งตัวภูมิฐาน เป็นผู้ดีมีการศึกษา เดินผ่านหลวงพ่อไปโดยไม่รู้จัก ก็พากันหันมามอง แล้วก็พูดจาปรารภกันว่า

“หลวงพ่อองค์นี้มีสง่าราศีดีจัง พระที่ไหนนะ ?”

มีเรื่องเล่ากันว่าวันหนึ่ง มีหญิงชาวสุพรรณ 2 คน เดินทางมาหาหลวงพ่อเงินถึงวัดดอนยายหอม ที่รู้ว่าเป็นชาวสุพรรณ เพราะสำเนียงพูดก็เสียงเหมือนชาวดอนยายหอมนั่นแหละ แต่หางเสียงฟังออกว่าเป็นชาวสุพรรณ เมื่อพบหลวงพ่อแล้ว ก็พูดจาตรงไปตรงมาตามประสาชาวบ้าน

“เขาลือกันว่าหลวงพ่อเก่งนักเก่งหนา ฉันอยู่ไกล ก็ต้องอุตส่าห์บากบั่นมาหา เพราะความยากจนนั่นแหละ จะมาหาหลวงพ่อขอหวยไปแทงให้รวยสักที”

หลวงพ่อฟังแล้วก็ยิ้ม ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มีกังวาลแจ่มใสเหมือนดังมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เหมือนเสียงของพระอินทร์พระพรหมก็ปานกันว่า

“โยมการที่โยมอุตส่าห์บุกน้ำข้ามคลองมาแต่บ้านไกลเมืองไกล ก็เพราะศรัทธาเลื่อมใสในตัวฉัน ฉันก็เห็นใจโยมมากว่านับถือฉันจริง แต่ว่าฉันก็เสียใจที่ทำให้โยมต้องผิดหวังมาก ของที่โยมทั้งสองต้องประสงค์นั้น ฉันไม่มีจะให้ เพราะฉันก็ไม่ได้รู้จักกับขุนบาลหวยที่ไหนเลย จะได้รู้ว่าเขาออกตัวอะไร แล้วก็จะบอกให้โยมเอาไปแทง ถ้าฉันรู้ว่าหวยมันออกตัวอะไรแล้ว ฉันจะมัวโง่อยู่ทำไมล่ะโยม ฉันก็จะใช้ให้เด็กมันไปแทงเสียเองมิดีหรือ จะได้เอาเงินมาสร้างวัดให้มันสวยงามกว่านี้”

โยมทั้งสองผู้ศรัทธาก็นั่งงงอยู่

“อย่าไปหลงมันเลยโยม การพนันนั้นมันเป็นหนทางของคนตาบอดเขาเดินกัน คือมันมีแต่จะต้องเดาสุ่มเอา มองเห็นชัด ๆ อย่างคนตาดี ๆ นี้นะไม่มีหรอก โยมก็เป็นคนมีอายุมากแล้ว แต่ก็ยังดีที่ตาของโยมยังไม่บอดยังไม่ฟาง แล้วโยมจะทำตัวเป็นคนตาบอดตาฟางให้คนอื่นเขาหลอกลวงทำไม การพนันนั้น ไม่ผิดอะไรกับเบ็ดที่เขาเกี่ยวเหยื่อไว้ตกปลา ปลามันโง่ก็มองไม่เห็นเบ็ด คิดว่าเป็นอาหารจึงมากินเบ็ด หมดตัวเมื่อไรจึงจะรู้ว่าเดินทางผิด มีบ้างไหมคนที่เล่นการพนันแล้วร่ำรวย สร้างหลักฐานได้ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลท่านเป็นพ่อแม่เรา ท่านคงไม่ห้ามหรอก อีกอย่างหนึ่งเงินเป็นของมีค่ามีคุณ เป็นของที่ควรจะเก็บรักษาไว้ไม่ใช่ของเล่น ถ้าเอาเงินมาเล่นเสียแล้ว เงินจะอยากอยู่กับเราหรือ เพราะดูถูกเงิน เอาเงินไปทำเป็นของเล่นเสียแล้ว”

หญิงทั้งสองนั่งฟังเงียบ สงบนิ่ง จนได้ยินเสียงหัวใจเต้น หลวงพ่อจึงเทศน์โดยไม่ต้องติดกัณฑ์เทศน์ เป็นการเทศน์นอกธรรมาสน์ต่อไปอีกว่า

“สมบัติทางโลกนั้น มันไม่ใช่ของแท้แน่นอนอะไรหรอกโยม ถึงโยมจะถูกหวยรวยเงินอาจจะมีโจรมาทุบตีปล้นเอาไปได้ แต่ถ้าโยมทำบุญทำกุศลไว้ โจรที่ไหนมันจะมาปล้นเอาไปได้”

ขอบคุณที่มา พระเกจิ-คณาจารย์ นครสวรรค์
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: