1856.หลวงปู่ญาถ่านแสง อานันโท ศิษย์สำเร็จลุน ผู้ย่นย่อแผ่นดินได้ตามใจนึก

หลวงปู่ญาถ่านแสง อานันโท

ญาท่านแสง อานันโท พระอรหันต์แห่งบ้านหนองผือผู้ย่อแผ่นดินได้ ญาท่านแสงท่านเกิดเมื่อ พ.ศ.2430 ที่บ้านหนองไหล จังหวัดอุบลราชธานี (บ้านเดียวกันกับท่าน สิริจันโท จันท์) ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเรียนหนังสือมูลเดิม มูลกระจากในสำนักบ้านหนองไหล จนครบอายุอุปสมบท ซึ่งอุปสมบท ณ พัธสีมา วัดบ้านหนองไหลใน ในพ.ศ 2450 เมื่อเรียนมูลเดิม มูลกระจายย์สูตรจบ แล้วท่านได้ออกธุดงค์ ได้ยินชื่อเสียงเกิตรติศักดิ์สำเร็จลุน ญาท่านแสง ท่านได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ท่านสำเร็จลุน ที่ภูเขาควาย

ซึ่งขณะนั้น มีพระที่เข้าไปร่ำเรียนวิชาจากท่านสำเร็จลุนอยู่หลายรูป เช่น สำเร็จตัน ญาท่านตู๋ ญาท่านแพง ญาท่านโทน ญาท่านฤทธฺ์ ญาท่านพันธ์ ญาท่านผุย เป็นต้น วิชาที่ท่านได้ศึกษาจากสำเร็จลุน คือ วิชาย่อแผ่นดิน เข้าคำ เข้าเหล็กไหล วิชาทำตะกรุดต่างๆ วิชาจอดดูก รักษาคนเป็นบ้า และอีกหลายวิชารวมทั้งด้านช่าง ด้านก็สร้าง จากนั้นท่านได้กลับมาวัดบ้านเกิดคือวัดบ้านหนองไหล และได้ขึ้นเป็เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไหล พาชาวบ้านสร้างเสนาสนะ เช่น กุฏิ 3 ชั้น ในปี พ.ศ. 2480 สิ้นเงิน 864 บาท เสร็จภายในปีเดียวกันนั้น ชาวบ้านหนองไหลยังยกยองท่านเป็นพระช่าง พระหมอมนต์ ในโขงเขตนั้นล้วนเข้ามาหาท่าน ให้ท่านเมตตา ท่านยังได้ออกธุดงค์อยู่เรื่อยๆไปหาอาจารย์จนท่านสำเร็จลุนมรณะภาพ ท่านได้ร่วมออกธูดงค์ต่อกับคณะยาท่านตู๋ ญาท่านแพง ญาท่านตัน ญาท่านพัน ไปในสถานที่ต่าง เช่น พม่า ลาว ญาน เป็นต้น

ต่อมาในราว พ.ศ.2486 ท่านได้พาพี่พาน้อง คนที่ศรัธาในตัวท่านย้ายบ้านใหม่ไปอยู่บ้านหนองผือ และสร้างวัดขึ้น ชื่อว่าวัดสระบัว โดยได้รับบริจาคจากคนในอำเภอเขมราฐด้วยศรัทธาในจริยวัตร และคุณในตัวท่านเพื่อให้ท่านช่วยเหลือ จำนวน20 ไร่ แต่ตัวท่านขอรับไว้เพียง 6 ไร่ โดยท่านอ้างว่า (บ่อทนปัดทนกวาดดอกที่มันหลายเกินไป เอาเพื่อปฏิบัติบ่อเอาหลายดอก) ท่านได้สร้าง กุฏิ ศาสาใหญ่ขึ้นหลังใหญ่ 2 ขึ้น ดวยความร่วมมือของชาวบ้าน มีเรื่องเล่าจากปากดผุ้เฒ่าผู้แก่ชาวบ้านว่า ตอนสร้างศาลาใหญ่นั้นเกิดมี ช่างคนหนึ่งขึค้นตีอกไก่ ศาลาไม่ทันระวังตกจากศาลา ลงมา ถึงกับขาหัก 2 ท่อน ด้วยเมตตาญาท่านแสงท่านได้ใช้วิชาจอดดูก ในการรังษาอยู่ ประมาณ 7 วัน ช่างคนนั้นก็สามารถกลับมาทำงานได้ต่อ ซึ่งเป็นประจักแก่สายตาคนบ้านหนองผือมาแล้ว ในช่วง ปี 2496 มี ท่านได้พาพี่น้อง บ้านหนองผือไปทำบุญสังฆทานที่บ้านเกิด ที่บ้านหนองไหล เมื่อถึงตอนกลับท่านได้ให้คนกลับก่อน ญาท่านแสงท่านมีธุระที่จะทำต่อก็เป็นเวลาบ่ายแก่แล้ว เดี๋ยวท่านจะนำกลับเอง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านจะกับแบบไหน ทั้งรถราในขณะนั้นก็หายาก แต่ชาวบ้านที่ร่วมขบวนก็บ่อได้เอะใจ เมื่อชาวบ้านกลับมาถึงบ้านหนองผือจะเอาของไปเก็บที่วัด ก็พบญาท่านแสงใส่อังสะนั่งอยู่ในกุฏิ ชาวบ้านจึงได้เข้าไปถามว่าหลวงปู่มาได้จังได๋ ยาท่านแสงบ่อตอบ ได้แต่ยิ้มเฉยๆแล้วเดินเข้ากุฏิไป นี้ก็เป็นที่ลำ่ำเรืองอีกเรื่องหนึ่งที่ว่า ญาท่านแสงย่อแผ่นดินได้ตามใจนึก กระทั่งยังเป็นเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาให้ลูกให้หลานฟังเท่าทุกวันนี้

เกี่ยวกับปราฏิหารย์ของญาท่านแสง บางครั้งเมื่อถึงวันดีมื้อดีท่านก็จะทำพิธีเข้าทองให้ จากทำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ ในบ้านหนองผือ ท่านจะทำการเป้าทอง เข้าทองเข้าตัว แต่ไม่ได้ตอก หรือเจาะเขา ทานจะมีทองเป็นเม็ดในมือ้มื่อเป่าเล่วท่านกจะลูบไปที่ท้องแขน ท่องนั้นก็จะหายเข้าในตัวได้เอง เมื่อจับดุจึ่งเห็นอยู่ในเนื้อใต้ท้องแขนแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก แตกต่างกลับการฝังโดยตอกเข้าแบบในปัจจุบัน ซึ่งคนที่ได้รับการเข้าทองคนสุดท้ายของบ้านหนองผือได้ตายไปแล้ว ซึ่งท่านอายุถึง 86 ปี ข้อหามของท่านในการเข้าคำ คือไฝ่ผู้ไปกับนำ้ ข้วมน้ำ ข้วมทะเล อันตราย เพราะว่าคนเขาคำตัวจะหนักลอยน้ำอยาก ปราฏิหารย์อภินิหารของญาท่านแสง มีอีกมากมาจนสุดที่จะนำมาบอกกล่าวได้ ท่านมีเหรียญอยู่รุ่นหนึ่งที่ท่านท่านได้เสก คือเหรียญปี 2486 ซึ่งเป็นเหรียญที่ลูกศิษย์จากจังหวัดนครสวรรค์สร้างถวายท่าน จำนวน 120 เหรียญ ซึ่งเป็นเหรียญรูปญาท่านแสงห่มดองนั่งสมาธิเต็มองค์คล้ายเหรียญหลวงพ่อเดิม ด้านบนเป็นอักขระตัวขอม หัวใจธาตุ ด้านล่างองค์ท่านเป็นอักขระขอม อ่านว่า พระแสง อานันโท ด้านหลังเหรียญจะเรียบ ซึ่งเป็นเหรียญที่หายากมาก ในพื้นที่ไม่มีให้เช่าต่างหวงแหน ทุกวันแทบจะไม่มีให้เห็นแล้วครับ ญาท่านแสง อานันโท ท่านได้ถึงแก่มรณะภาพอย่างสงบด้วยโรคชราในปี พ.ศ. 2508(อายุ 78 ปี 66 พรรษา) ด้วยท่านั่งสมาธิในกุฏิของตัวท่านเอง ยังความโศกเศร้าแก่ลูศิษย์ทั้งหลายที่เคารพในองค์ท่าน

ขอบคุณที่มา ประวัติพระเกจิ อาจารย์ทุกนิกาย
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: