1848.สวัสติกะ สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์สากล

สวัสติกะ สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์สากล
สวัสติกะ หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี และคนรุ่นใหม่รู้จักเนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของพรรคนาซี โดยมีฮิตเลอร์จอมเผด็จการเป็นผู้นำ จึงทำให้คนรุ่นหลังเข้าใจผิด มองสัญลักษณ์นี้ไปในทางที่ไม่ดี แต่ในแท้จริงแล้ว สวัสติกะ เป็นสัญลักษณ์มงคล เป็นสิ่งแสดงแห่งพลังการขับเคลื่อน ความอุดมสมบูรณ์ และเป็นเครื่องหมายที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายนานหลายพันปี ตั้งแต่ยุคหินตอนปลาย และเชื่อว่าสวัสติกะเป็นเครื่องรางมงคลอับดับแรกๆของมนุษยชาติ เนื่องจากพบลายสวัสติกะติดอยู่ที่อาวุธหินในยุคนี้

หลายคนที่เข้าใจว่า สวัสติกะนั้นคือสัญลักษณ์ของศาสนาฮินดูและพุทธนั้น เป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สวัสติกะ ไม่ใช่สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของชนชาติใดชนชาติหนึ่ง หรือของลัทธิศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เนื่องจากพบ สวัสติกะ ได้ตามซากปรักหักพัง มีอยู่ทั่วภาคเอเชีย และยุโรป ซึ่งชาวยุโรปสมัยกลาง นิยมสร้างสัญลักษณ์สวัสติกะไว้มากมาย ตามโบสถ์วิหารของคริตส์ศาสนา ฉะนั้น หลายคนที่เข้าใจว่า สวัสติกะเป็นของพุทธ หรือของพรามหณ์ฮินดู หรือเหมาตู่ว่าเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ประจำองค์ของเทพทางฮินดูองค์ใดองค์หนึ่งนั้น หาใช่ความจริงไม่

ขุนวิจิตรมาตรา ให้ความเห็นว่า สวัสติกะ เป็นสัญลักษณ์สากล ที่แพร่หลาย มาตั้งแต่มนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ให้ความยอมรับว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวของมันเอง ดังนั้น เทพเจ้าของศาสนาพรามหณ์ฮินดู และพระพุทธศาสนานั้นเกิดทีหลังสัญลักษณ์นี้อย่างแน่นอน
สันนิษฐานว่า สวัสติกะ อาจเป็นเครื่องหมายของลัทธิบูชาพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นปฐมลัทธิศาสนาของมนุษย์ในยุคสมัยโบราณ การนับถือพระอาทิตย์เป็นเทพสูงสุดปรากฏหลักฐานว่า ชาติพันธ์โบราณของลุ่มแม่น้ำสินธุ คือ อินเดีย แม่น้ำหวงโห คือ จีน และลุ่มน้ำไนล์ คือ อียิปต์ เมโสโปเตเมีย ต่างนับถือพระอาทิตย์เป็นสิ่งสูงสุด และปรากฏเครื่องหมายสวัสติกะ อยู่ทั่วไปในทุกภูมิภาคของโลก

ขุนวิจิตรมาตรา ให้ความเห็นว่า นักปราชญ์ตะวันตกสันนิษฐานว่า สวัสติกะที่ใช้ในลุ่มแม่น้ำสินธุมาจากภาษาสันสกฤตคำว่า “สุ อัสติ” แปลว่า ที่ดี และใช้เป็นเครื่องหมายแทนพระอัคนี กากบาทที่ไขว้กันสองอันนั้น เรียกว่า “อรณิ” หมายความว่า ถูกันเกิดเป็นไฟ ต่อเมื่อศาสนาพุทธเกิดขึ้น ในคติพุทธศาสนา จึงนำมาประกอบใช้เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน โดยมีการสันนิษฐานว่า เครื่องหมายสวัสติกะในรูปแบบกากบาทในวงกลม ก็คือ ธรรมจักร ที่พระพุทธองค์ทรงนำมาใช้ โดยแทนเป็นเสมือนล้อเกวียน ที่แสดงนัยความหมายของการหมุนเวียนในวัฏสงสารของชีวิต นอกจากนี้ เมื่อพระพุทธศาสนา นิกายมหายาน เผยแผ่เข้ามาในจีน ก็รับเอาเครื่องหมายนี้เข้ารวมไว้เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของนิกายมหายาน

ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีของเยอรมัน ก็มีความเชื่อในเครื่องหมายนี้จึงนำมาเป็นสัญลักษณ์มงคลประจำกองทัพ เพื่อเป็นการนำพาความเจริญรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์มาสู่กองทัพ แม้ในประเทศทิเบต ก็ยึดถือว่าสวัสติกะเป็นเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์อันทรงคุณค่า นิกายลามะใช้สวัสติกะทักษิณาวรรต (เวียนขวา) และนิกายปอนปะ ใช้สวัสติกะอุตราวัฏ (เวียนซ้าย) ไม่ว่าจะหมุนทางใด แต่ต่างก็นับถือเป็นสัญลักษณ์มงคลเช่นเดียวกัน
ในทางไสยศาสตร์ เชื่อว่า สวัสติกะ เป็นสัญลักษณ์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวของมันเอง แม้เพียงเขียนรูปสวัสติกะ แล้วนำไปติดไว้หน้าบ้าน ในบ้าน หรือสถานที่ใด ก็จะช่วยขับไล่สิ่งอัปมงคล เสนียดจัญไร ให้หมดสิ้น และนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ ความเป็นศุภมงคลแก่สถานที่แห่งนั้น ในศาสตร์ฮวงจุ้ยของจีนโบราณ นิยมนำมาติดไว้เพื่อปรับแก้ภูมิสถานที่เสีย ให้กลับกลายดี หรือในกลุ่มลัทธิหลอซู ของจีน จะนำรูปสวัสติกะ ไปติดไว้ในสถานที่พลังงานไม่ไหลเวียน (พลังชี่) หรือ ไหลเวียนไม่สะดวก เพื่อช่วยปรับแก้ให้พลังงานเกิดความสมดุล (หยิน-หยาง)

Cr.อัมรินทร์ สุขสมัย
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: