1755.ตำนานเล่าขานหลวงพ่อสุด วัดกาหลง ไม่มีใครเผาท่านได้นอกจากตัวท่านเอง

✫ตำนานเล่าขานหลวงพ่อสุด วัดกาหลง พระเถราจารย์ผู้มีอาคมขลังแห่งจังหวัดสมุทรสาคร มีพลังจิตตานุภาพสูงส่ง เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มากด้วยอิทธิคุณและบุญฤทธิ์ หลวงพ่อสุด เกิดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2445 ท่านได้บรรพชาป็นสามเณรตอนเมื่ออายุ 16ปี โดยมีพระครูเม้าเป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาท่านได้เป็น เจ้าอาวาสวัดกาหลง และได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูสมุห์ธรรมสุนทร ท่านเป็นผู้ที่แก่กล้าทั้งทางด้านคาถา อาคมและทางด้านธรรมปฏิบัติ จวบจนท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2526 สิริรวมอายุได้ 81 ปี

#หลวงพ่อสุดร่ำเรียนวิชาจาก
หลวงปู่เม้า วัดกลางพนมไพร (วัดกลางอุดมเวทย์ อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด ในปัจจุบัน)
หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ
หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม เป็นต้น

#ยันต์ตะกร้อ เป็นยันต์ที่หลวงพ่อสุดได้ปลุกเสกขึ้นมา โดยตอนปลุกเสกนั้นหลวงพ่อท่านได้ลงคาถาอาคมโดยใช้ภาษาขอม เขมร และลาว โดยที่บทสวดที่ท่านสวดมีใจความว่า

“จะกระสุนก็ดี จะไฟก็ดี ก็ไม่สามารถจะทำอะไรเนื้อหนัง และกระดูกได้”
นอกจากนี้ยันต์ตะกร้อยังเป็นที่กล่าวขานและเป็นที่นิยมกันใน ชาว จ.สมุทรสาคร อีกด้วย

#ปาฎิหาริย์เผาศพ

มีการเผาศพอยู่กรณีหนึ่งซึ่งเป็นข่าวดังทางหน้าหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับ เกี่ยวกับศพของพระครูสมุห์ ธรรมสุนทร หรือ “หลวงพ่อสุด อดีตเจ้าอาวาสวัดกาหลง เกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของ “ตี๋ใหญ่” ที่มีพิธีพระราชทานเพลิงศพไปเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2545 ที่ผ่านมาที่วัดกาหลง

เนื้อข่าวน่าสนใจที่ว่าศพของท่านโดนไฟเผาไหม้ไม่หมด แม้ว่าร่างจะเป็นเนื้อหนังกระดูกเผาหมดแล้วแต่กระดูกหรืออัฐิยังอยู่ในภาพที่สมบูรณ์มาก ไม่บิ่นหรือแตกร้าวเป็นชิ้นๆ แบบการเผาศพอื่นไปเลย ทำให้หลายคนไม่อยากเชื่อ จึงต้องไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา

ที่มาแห่งเหตุอัศจรรย์นี้มีนิมิตเกิดแก่พระศิษย์เอกของหลวงพ่อสุดรูปหนึ่งซึ่งปัจจุบันท่านรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกาหลง ท่านเล่าว่า

“ก่อนหน้าที่จะเผาประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมาอาตมาฝันเห็นหลวงพ่อสุดมาบอกว่าไม่มีใครเผาท่านได้นอกจากตัวท่านเอง อาตมาเลยถามกลับไปว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร ท่านบอกให้จัดดอกไม้จันทน์มาบายศรีขอขมาไว้และให้อาตมาเป็นคนจุดไฟเผา โดยให้อาตมาจับมือท่านเผาร่างท่านเอง อาตมาก็นำเรื่องความฝันไปเล่าให้ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดฟัง

ต่อมาในวันพระราชทานเพลิงศพ ช่วงพิธีเผาจริงเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาครท่านมาเป็นประธานจุดไฟ ปรากฏว่าเกิดเหตุประหลาดขึ้นเมื่อไฟที่จุดกับดอกไม้จันทน์ดับลงเฉยๆ ต้องวางเอาไว้อย่างนั้น อาตมาเห็นจึงเข้าไปจุดไฟเผาตามที่ฝันเอาไว้

“ปกติแล้วศพโดยทั่วไปใช้เวลาเผาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ไหม้หมด แต่นี่เวลาเผาท่านก็ใช้น้ำมันเชื่อเพลิง ระดับไฟร้อนมากประมาณ 300 องศา ขณะที่เผาก็จะมีเจ้าหน้าที่ไปกลับร่างท่าน แต่เมื่อได้เวลาราไฟ ปรากฏว่ายังเห็นร่างของท่านยังอยู่เป็นโครงกระดูกทั้งโครงทั้งที่เผามานาน”

คุณอุบลรัตน์ ใยไหม กำนันตำบลกาหลง ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า

“ก่อนวันประชุมเพลิงท่าน คณะกรรมการก็ได้เตรียมงานแต่เนิ่นๆ โดยได้เคลื่อนสรีระร่างของท่านมา หลวงพ่อคล้ายคนนอกหลับ ร่างท่านมีแต่หนังหุ้มกระดูกไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า จีวรเก่าแต่ก็ไม่เปียกคราบน้ำเหลืองเลย ที่เผาท่านเป็นคนสุดท้าย เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดให้ดูก็เห็นภาพที่ว่าท่านยังเป็นโครงกระดูกอยู่นะ พี่ก็แปลกใจเลยตะโกนบอกว่า “หลวงปู่ไม่ไหม้” แล้วชาวบ้านก็วิ่งไปดู เพราะชาวบ้านก็ยังไม่กลับ เขาจะรอดูที่ว่ากันว่าหลวงปู่จะเผาไม่ไหม้จะเป็นจริงมั้ย เขาก็เลยอยากพิสูจน์ แล้วก็เป็นจริง หนังท่านไหม้แต่กระดูกท่านยังไม่หลุด”

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านละแวกนวัดและประชาชนทั่วงไปที่สนใจมั่นใจมากขึ้นว่าเป็นปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อสุดเพราะท่านสำเร็จวิชาอยู่ยง

คงกระพันชาตรีศาสตร์ลี้ลับที่ทำให้ฟังขารของท่านไม่อาจเผาให้ไหม้หมดอย่างคนธรรมดาทั่วไปได้…

#ตามประวัติของหลวงพ่อสุดแห่งวัดกาหลง จ.สมุทรสาคาเจ้าตำรับยันต์ตะกร้อและเสือเผ่น ท่านเป็นชาวอำเภอพนมไพร จ.ร้อยเอ็ด เกิดในตระกูลชาวน้าในสมัยราชกาลที่ 5 ท่านบวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ 16 ปี ที่วัดกลางพนมไพร จ.ร้อยเอ็ด แล้วเดินทางรอนแรมจากร้อยเอ็ดไปแสวงหาวิชาและความรู้ในทางธรรมตามที่ต่างๆ จนกระทั่งได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดกาหลง จนมรณภาพ

เรื่องราวของหลวงพ่อสุดเกี่ยวกับพลังอำนาจจิตที่อยู่ในรูปการสักยันต์ตะกร้อปละเสือแผ่นนั้นโด่งดังมากแม้แต่ “ตี๋ใหญ่” ขุนโจรชื่อดังที่เขาลือกันว่าหนังเหนียวและแคล้วคลาดอยู่ตลอดยังนับถือ ไปมาหาสู่หลวงพ่ออยู่บ่อยๆ “ตี๋ใหญ่” มีของดีคือมีผ้ายันต์กับตะกรุดของหวงพ่อสุดไว้ป้องกันตัว ขนาดถูกตำรวจเป็นร้อยล้อมจับก็ยังหนีเอาตัวรอดไปได้ จนใครๆ ลือกันว่าตี๋ใหญ่มีวิชาล่องหนหายตัวได้!

มีเรื่องเล่าถึงวันที่ “ตี๋ใหญ่” สิ้นชื่อ คือวันนั้นก่อนที่จะหนีไปหลบซ่อนตัว “ตี๋ใหญ่” ให้ลูกน้องขับรถพามาหาหลวงพ่อสุดที่วัดกาหลง แต่มาแล้วไม่พบหลวงพ่อจึงกลับออกมา ระหว่างที่รถวิ่งออกมาก็โดนถล่มจากเจ้าหน้าที่ทั้งสองข้างทาง นับไม่ถ้วนว่ากี่นัด

จะเห็นว่าคนเราเมื่อดวงขาดมันก็ต้องมีอันเป็นไป และเหตุที่ตี๋ใหญ่มาหาลวงพ่อสุดนั้นเป็นเพราะว่าพวงพระและตะกรุดของตี๋ใหญ่หายไปก็เลยจะมาขอใหม่จากหลวงพ่อ จึงมาพบจุดจบในวันนั้น

หลายคนกล่าวว่าถ้าผ้ายันต์กับตะกรุดยังอยู่ ตี๋ใหญ่อาจจะยังไม่ตาย แต่ถึงอย่างไรตี๋ใหญ่ก็ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากพลังอำนาจจิตหรืออิทธิฤทธิ์ใดๆ ก็มาอยู่ “เหนือกรรม” ไม่ได้ สุดท้ายตี๋ใหญ่ก็ต้องจบชีวิตลงท่ามกลางการสาปแช่งของผู้คน และใครจะรู้ว่านั้นเป็นสิ่งที่หลวงพ่อสุดกำหนดให้เป็นไปด้วยหรือไม่?

ก็ยังมีเรื่องเล่าถึงอดีตนาวิกโยธินคนหนึ่งที่ได้เครื่องรางของหลวงพ่อสุดไปเป็นเหรียญเสือเผ่นและรอยสัก ขณะที่รับราชการอยู่เขาถูกส่งไปปราบผู้ก่อการร้ายที่ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ในปี พ.ศ.2519 แล้วโดนถล่มขณะอยู่บนรถจีเอ็มซี เพื่อนคนหนึ่งถูกยิงจนตาตุ่มหายไปทั้งแถบ ส่วนตัวเองถูกยิงห้านัด กระสุนเข้ากลางหลังตรงยันต์พอดี เสื้อทะลุเป็นรูแต่กระสุนกลับไม่เข้าเนื้อและไม่มีบาดแผลเพียงแต่เป็นรอยจ้ำๆ เท่านั้น

ส่วนอีกคนเป็นศิษย์หลวงพ่อสุดเหมือนกันคนนี้เป็นโรคที่ตา ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราช ระหว่างการรักษาต้องฉีดยาเพื่อผ่าตัด เข้าใจว่าเป็นยาชา แต่พอฉีดเข็มฉีดยากลับไม่เข้าเนื้อ เพราะคนนี้หลวงพ่อสุดสักน้ำมันครอบไว้ ผลสุดท้ายต้องมานิมนต์หลวงพ่อสุดไปโรงพยาบาลเพื่อทำพิธีถอน คนป่วยจึงได้รับการฉีดยาและผ่าตัดเรียบร้อย

ปัจจุบันทางวัดกาหลง จ.สมุทรสาคร ได้นำร่างที่เป็นโครงกระดูกของหลวงพ่อสุดบรรจุไว้ในโลงแก้วตั้งให้ประชาชนไปกราบนมัสการอยู่ที่ชั้นสองของศาลาการเปรียญภายในวัดซึ่งทุกวันจะมีประชาชนและลูกศิษย์ที่เลื่อมใสแวะเวียนไปกราบสรีระร่างของท่านไม่ขาดสาย

ขอบคุณที่มา ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญา ครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชา

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: