1735.คาถาเสือมหาอำนาจ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ

หลวงพ่อเปิ่นสนใจในเรื่องของไสยศาสตร์ มาตั้งแต่สมัยเด็กอาศัยว่าครอบครัวของท่านอยู่ใกล้กับวัดบางพระซึ่งในสมัย นั้นมีพระคุณเจ้าที่จำพรรษาอยู่ที่วัดบางพระมีความเก่งกาจมีความเชี่ยวชาญใน สายไสยศาสตร์ หลายองค์ เด็กชายเปิ่นจึงเข้าออกเพื่อความอยากรู้อยากใฝ่หา ในวิชาอยู่กับวัดบางพระเป็นประจำ นายเปิ่น ศึกษาวิชากับหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก ได้รับการถ่ายทอดยาสมุนไพรรักษาโรค คาถาอาคมต่างๆ

โดยเฉพาะวิชาสักยันต์อันเกรียงไกร จากหลวงพ่อหิ่ม อินฺทโชโต เจ้าอาวาสวัดบางพระซึ่งท่านท่านรักและเมตตาศิษย์หลวงพ่อเปิ่นเป็นพิเศษ วิชาการต่าง ๆ ท่านจึงถ่ายทอดให้โดยไม่ปิดบัง ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๑ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน จึงเข้าสู่บรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยมี เจ้าอธิการหิ่ม อินทโชโต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทองอยู่ ปทุมรัตน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เปลี่ยน ฐิตฺธัมโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อเปิ่น ได้นามว่า “พระฐิตคุโณ”

การศึกษาเล่าเรียนใด ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด แม้หลวงพ่อเปิ่นได้รับจากหลวงพ่อหิ่มมาก็ยังไม่อิ่มในรสแห่งพระธรรม เสร็จจากงานฌาปนกิจศพของหลวงพ่อหิ่มแล้ว ก็ตั้งใจจะแสวงสัจจะธรรมต่อไปอีก หลวงพ่อเปิ่นได้เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อโอภาสี (พระมหาชวน)วัดบางมด ซึ่งได้อบรมแนะนำสั่งสอนพระกัมมัฎฐาน ศึกษาปฏิบัติกับหลวงพ่อโอภาสีเป็นเวลา ๑ ปีเศษ

หลวงพ่อเปิ่นก็กราบลาเพื่อออกธุดงค์วัตรต่อไปทางภาคเหนือของประเทศไทย แล้วธุดงค์ลงใต้ พบอาจารย์ที่ไหน ก็จะเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ เพื่อศึกษาธรรมจากท่าน ย้อนกลับขึ้นมาที่สุราษฎร์ธานี ได้กราบนมัสการ หลวงพ่อพุทธทาส แห่งสวนโมกข์ และ หลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย

หลังจากนั้นข่าวคราวของหลวงพ่อเปิ่นเงียบหายไปอย่างสนิทกระทั่งปลายปี พ.ศ.๒๕๐๔ บ่ายแก่ของวันหนึ่ง พระธุดงค์วัยเกือบสี่สิบมาปักกลดอยู่ชายทุ่ง ใกล้กับวัดทุ่งนางหรอก อำเภอลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรี พระธุดงค์องค์นี้ได้สร้างศรัทธาให้แก่ชาวบ้านอย่างมากมาย ทั้งปฏิปทาที่เคร่ง ทั้งสายวิชาพระเวท ทั้งยาสมุนไพรช่วยเหลือชาวบ้าน ยิ่งเกิดศรัทธาอันสูงสุดของชาวบ้านที่พุ่งตรงสู่พระธุดงค์รูปนี้ หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ คือองค์พระธุดงค์องค์นั้น

“เสือ” เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจราชศักดิ์สำแดงฤทธิ์ทำให้เป็นที่ครั่นคร้ามเกรงกลัว นับถือแก่ปวงชน และสัตว์ทั้งหลาย ผู้ใดเกิดปีขาล หรือปีเสือ โหราจารย์ท่านมักจะทำนายทายทักตามตำราพรหมชาติว่า “ผู้นั้นมักกล้าแข็ง เวลาจะไปหาผู้ใด มักไม่เกรงใจ ผู้อื่นเสียอีกกลับต้องกลัวเกรง ผู้คนมักสรรเสริญเยินยอว่าดีต่อหน้าเสมอ”

ตามคติความเชื่อของคนเล่นของเชื่อว่า “เสือ” เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจราชศักดิ์ สำแดงฤทธิ์ ทำให้เป็นที่คร้ามเกรง นับถือแก่ปวงชนทั้งหลาย ผู้ที่พกหรือใช้เครื่องรางประเภทเสือ ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวเสือแกะ ตะกรุดหนังเสือ ผ้ายันต์รูปเสือ รวมทั้งการสักยันต์ลายเสือ จะมีพุทธคุณเด่นด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด รวมทั้งมหาอุด

ถ้าหากนำติดตัวไปหนทางใกล้ไกล หรือเดินทางเข้าป่าดงพงพี เผชิญฝูงสัตว์ร้ายและภูตผี จะมิกล้าทำอันตรายใดๆ เป็นคงกระพันมหาอุดและแคล้วคลาดเป็นที่สุด
นอกจากนี้แล้วยังมีคติความเชื่ออย่างหนึ่ง เรื่องการบริกรรมคา เชื่อกันว่ามีคาถาอยู่ ๒ บท ที่คนมักใช้บริกรรม เพื่อบังเกิดมีสง่าราศรี มีตบะเดชะ เป็นที่ครั่นคร้ามของคนทั้งปวงให้เกรงกลัว เช่น ไปพบผู้ใหญ่ เจ้านาย รวมทั้งหรือเผชิญศัตรู

บทแรก คือ คาถาพญาเสือโคร่ง ให้บริกรรมโดยเริ่มจากตั้งนะโม ๓ จบ และตามด้วย “พยัคโฆ พยัคฆา สัญ ญา ลัพ พะ ติ อิ ติ หิ หัม หึม”

บทที่สอง คือ คาถาพญาเสือมหาอำนาจ ให้บริกรรมโดยเริ่มจากตั้งนะโม ๓ จบ “ตะมัตถัง ปะกาเสนโต ตัวกูคือ พญาพยัคโฆ สัตถาอาหะ พยัคโฆ จะ วิริยะ อิมังคาถามะหะ อิติ ฮ่ำ ฮึ่ม ฮึ่ม”

บทที่สาม คือ ตั้งนะโม ๓ จบ ระลึกถึงหลวงพ่อเปิ่น แล้วว่าดังนี้ “กุรุสุกุ รุสุกุกุ สุกุกุรุ กุกุรุสุ”

อุปเท่ห์การใช้คาถาอาคมขลัง สิทธิการิยะท่านว่า สาธุชนใดบูชาเขี้ยวเสือ ตะกรุดหนังเสือ ผ้ายันต์เสือ ติดตัว ห่อใส่ผ้าเช็ดหน้า รวมทั้งใส่ไว้ในรถยนต์ ย่อมเป็นที่ครั่นคร้ามเกรงอำนาจดีนัก ถ้าหากนำติดตัวไปหนทางใกล้ไกล หรือเดินทางเข้าพงพี เผชิญฝูงสัตว์ร้าย และภูตผีจะมิกล้าทำอันตรายใดๆ เป็นคงกระพันมหาอุด รวมทั้งแคล้วคลาดเป็นที่สุด

ขิบคุณที่มา amuletcenter

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: