1582.อำนาจญาณหลวงพ่อคงวัดบางกะพ้อม

อำนาจญาณหลวงพ่อคงวัดบางกะพ้อม

ปาฏิหาริย์แห่ง “ญาณ” หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
มีเรื่องเล่าถึงการรู้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าของหลวงพ่อคงว่า ครั้งหนึ่งมีคนๆ หนึ่งมาหาหลวงพ่อคง เป็นนายทหารชั้นนายพันโท จะเป็นหลวงเสนาณรงค์ หรือหลวงสุรณรงค์ หรือ หลวงอาสาณรงค์ หรือหลวงสวัสดิรณรงค์ คนใดคนหนึ่งก็จำไม่ได้แน่ อายุประมาณ 50 เศษ หลวงพ่อคงได้ให้ของดีที่สุด ซึ่งหลวงพ่อคงไม่เคยให้ใครมาก่อนเลย

ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดก็พากันสงสัย จึงถามว่า คนใหญ่คนโตกว่านี้มาหาท่านบ่อยๆ เป็นพระยาก็มี เป็นนายพลก็มี แต่หลวงพ่อไม่เคยให้ของดีเช่นนี้เลย คนนี้เป็นเพียงคุณหลวง มียศเป็นนายพันโทเท่านั้น ทำไมหลวงพ่อจึงให้ของดีเช่นนี้

หลวงพ่อคงได้ตอบไปว่า
“คุณไม่รู้ นายทหารคนนี้ ต่อไปจะได้ดีเป็นใหญ่เป็นโตมาก จะได้เป็นราชองครักษ์ของพระเจ้าอยู่หัว ต้องให้ของดีเขาไปคุ้มตัว คุ้มพระเจ้าอยู่หัวด้วย”
ต่อมานายทหารผู้นั้นโชคดี ได้เลื่อนยศโดยรวดเร็วเป็นถึงนายพลเอก ตำแหน่งสมุหราชองครักษ์ของพระเจ้าอยู่หัว เรื่องนี้เป็นเครื่องแสดงว่า หลวงพ่อมีญาณพิเศษดูลักษณะคนออกอย่างแจ่มแจ้ง และท่านรู้ล่วงหน้าถึงโชคชะตาของคนได้แม่นยำมาก อย่างกับตาเห็นทีเดียว

หรืออย่างเรื่อง “เรือยนต์ตายคอยรอ” ซึ่งเป็นเรื่องที่มีประจักษ์พยานเล่าขานอย่างตรงกันว่า
คราวหนึ่งหลวงพ่อคงจะไปราชบุรี ไปฉันเพลมาจากบ้านที่เขานิมนต์เสร็จแล้วก็รีบเดินกลับวัด มีคนทักว่า “หลวงพ่อจะรีบไปไหน”
หลวงพ่อคงว่า “สักประเดี๋ยวจะไปราชบุรี”

คนผู้นั้นก็ทักท้วงว่า “เรือยนต์ผ่านไปแล้วนะหลวงพ่อ เสียงผ่านไปเมื่อสักครู่นี้เอง หลวงพ่อไปไม่ทันเรือหรอก”

สมัยนั้นเรือเมล์แดงที่เดินระหว่างแม่กลองกับราชบุรีก็เดินเป็นเวลา เรือขึ้นราชบุรีผ่านไปแล้ว คนได้ยินเสียงเรือผ่านไปแล้วจึงทักเช่นนั้น หากแต่หลวงพ่อคงว่า “ทันหรอก”

แล้วหลวงพ่อคงก็ขึ้นกุฏิทำธุระสักครู่หนึ่งก็ลงจากกุฏิไปท่าเรือ ที่ริมฝั่งแม่น้ำในระยะเวลานั้นเอง เรือยนต์ที่ผ่านไปเมื่อสักครู่นั้น เครื่องยนต์เกิดเสีย เรือจึงลอยตามน้ำไหลเรื่อยลงมาถึงท่าน้ำที่หลวงพ่อคงยืนคอยอยู่

เมื่อหลวงพ่อคงลงเรือ จังหวะพอดีกับที่คนขับเรือได้แก้ไขเครื่องยนต์ติดพรืด เรือตายเพราะเครื่องยนต์เสียกว่าชั่วโมงก็แล่นต่อไปได้ เมื่อหลวงพ่อคงลงเรือ ยังความแปลกประหลาดแก่คนขับเรือและผู้โดยสารเป็นอย่างยิ่ง ที่หลวงพ่อคงบอกว่า “ทันหรอก” จึงเป็นจริงเหมือนหลวงพ่อคงจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ว่าเรือลำนี้จะเสียแล่นไม่ได้ จนกว่าหลวงพ่อคงจะลงเรือเสียก่อน

ยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งหลวงพ่อคงได้ทำนายไว้ให้ลูกศิษย์แต่เมื่อแรกสงครามมหาเอเชียบูรพาระเบิดขึ้นบนแผ่นดินไทยว่า
“คอยดูเถอะ ญี่ปุ่นจะแพ้สงคราม ฝรั่งจะชนะ”
และระหว่างสงครามนั้น หลวงพ่อคงไม่ได้หลบภัยไปอยู่ที่ใด ท่านยังคงปฏิบัติศาสนกิจและเจริญภาวนาเป็นปกติอยู่บนกุฏิ แต่เผอิญในคืนนั้น ตรงกับวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2485 ที่อัมพวามีงานจุดไฟสว่าง

เมื่อเครื่องบิน บี 29 บินผ่านมาดับไฟกันไม่ทัน พอได้ยินเสียงก็เห็นบินอยู่บนหัวเสียแล้ว บินวนอยู่ 2 รอบ แล้วก็ทิ้งระเบิดลงมา 2 ลูก ตกลงไปในท้องร่องและดงกล้วย แต่ลูกระเบิดด้าน ไม่ระเบิดทั้ง 2 ลูก เรื่องนี้ชาวอัมพวาเชื่อว่าเป็นไปด้วยอานุภาพของหลวงพ่อคง เพราะเวลาที่เครื่องบินบินผ่านอำเภอนี้ หลวงพ่อคงจะต้องขึ้นไปเจริญภาวนาบนกุฏิทุกครั้ง

ความจริงปาฏิหาริย์แห่งหลวงพ่อคงยังมีต่อ โดยเฉพาะกับที่ก่อเกิดแต่ “เหรียญพระเครื่อง” ของหลวงพ่อ ดังที่ “ท. สุนทรศารทูล” ได้บันทึกไว้ใน “ของดีที่บางช้าง” หนังสืออนุสรณ์งานวางศิลาฤกษ์อุโบสถวัดจุฬามณี ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม 15 สิงหาคม 2511 ว่า

“อานุภาพของเหรียญนี้ ที่ผู้ใช้เคยประจักษ์มาแล้ว ข้าพเจ้าได้ยินเขาเล่าให้ฟังเหมือนกัน ขอนำมาเล่าต่อสัก 2 เรื่อง ที่มีหลักฐานตัวบุคคลยืนยัน

รายแรก นายสง่า เพชรนารายณ์ เล่าว่า บุตรชายนายผล ยิ้มละมัย ครูเทศบาลอำเภออัมพวา ไปมีเรื่องถูกพวกรุมซ้อมเสียแทบแย่ แต่ไม่มีบาดแผลเลือดตกยางออกเลย

รายที่สอง นางวรรณี ลิปิสุนทร เล่าว่าไปเที่ยวเพชรบุรีเที่ยวเพลินไปจนค่ำหารถกลับไม่ได้ รถคันไหนก็ไม่ยอมมาส่ง ค่ารถแท็กซี่เช่าจากเพชรบุรีมาสมุทรสงคราม ก็ประมาณ 80 บาท ถึง 100 บาท แต่ไม่มีใครยอมมาส่ง มีเหรียญหลวงพ่อคงคล้องคออยู่เหรียญหนึ่ง จึงอาราธนาขอให้ช่วยลูกด้วย สักครู่มีรถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นมา ขอให้ไปส่งสมุทรสงคราม ก็มาส่งโดยดี คิดราคาคนละ 10 บาท 3 คนก็ 30 บาท แถมยังส่งถึงท่ารถยนต์แม่กลองเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีผู้เล่าให้ฟังอีกหลายคน แต่จำชื่อผู้เล่าและเรื่องราวไม่ได้จึงไม่ขอนำมาเล่า ขาดพยานหลักฐานยืนยัน เรื่องอย่างนี้สุดแล้วแต่ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นส่วนตัว คนจะเชื่อไม่เล่าให้ฟังก็เชื่อ คนไม่เชื่อต่อให้อมพระมาพูดก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี”

ยังเรื่องที่พระครูโกวิทสมุทรคุณ (เนื่อง โกวิโท) อดีตเจ้าอาวาสวัดจุฬามณี เล่าว่า คราวหนึ่งมารดาท่านป่วยหนัก เกรงว่าจะไม่รอดจึงไปหาหลวงพ่อคงให้ช่วยตรวจดู หลวงพ่อคงว่า ร้อนเป็นกำลัง แต่ไม่เป็นไรหรอก พระครูโกวิทสมุทรคุณไม่เชื่อใจเพราะความห่วงมารดา จึงสอบถามหลวงพ่อแช่มตรวจดูแล้วก็บอกตรงกัน ในที่สุดโยมมารดาท่านก็พ้นอันตราย

หรืออย่างในเรื่อง “ใบ้หวย” จากการบอกเล่าของนายวิเชียร แสงชูโต ว่าครั้งหนึ่งได้เข้าไปหาหลวงพ่อคง กราบเรียนท่านตรงๆ ว่า ไม่มีเงิน อยากได้เงินใช้ขอหวยสักตัว เพื่อจะได้ไปแทงเอาเงินมาใช้ ถ้าหลวงพ่อนั่งเห็นเลขจริง ก็ขอให้บอก ถ้าไม่เห็นจริงก็อย่าบอก
ท่านตอบว่า
“เห็นนะมันเห็นหรอก แต่บอกก็ไปแทงไม่ถูก”
คุณวิเชียรไม่เชื่อ ว่างั้นขอให้บอก หลวงพ่อคงก็เขียนเลขให้ตรงๆ คุณวิเชียรได้เลขมาก็ให้คนไปแทงตามนั้น แต่ไปไม่ทัน หวยออกเสียก่อน และออกตามที่หลวงพ่อคงบอกตรงเผงเลย

ในหนังสือ “เหรียญพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เล่ม 2” ของ เฉลียว จันทรทรัพย์ ในเรื่องของหลวงพ่อคง มีกล่าวถึง “ปาฏิหาริย์” ของหลวงพ่อคงไว้อย่างน่าสนใจว่า

“คราวที่คุณเภา (เภา ศกุนตะสุต) เอง ถูกรถยนต์ของบริษัทขนส่งชนที่สี่แยกปทุมวัน ท่าน (หลวงพ่อคง) อยู่ที่วัดบางกะพ้อม ทราบเรื่องในทันที พร้อมกับที่คุณเภาถูกรถชน ท่านบอกกับคนที่มาเยี่ยมท่านว่า
“ทิดเภาฯ ถูกรถชนที่กรุงเทพฯ แต่ไม่เป็นไรอีกสองวันจะมาหา”
แล้วคุณเภา ก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ สมดังที่ท่านพูดและได้ไปขอรดน้ำมนต์ในวันรุ่งขึ้นหลังจากถูกรถชน”

ซึ่งจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่บังเกิด “ปาฏิหาริย์” แห่งหลวงพ่อคง ล้วนแล้วแต่เกิดจาก “ญาณ” ที่หลวงพ่อคงได้ล่วงรู้ บางคนเชื่อว่าหลวงพ่อคงสำเร็จฌานสมาบัติได้ทิพยจักษุญาณ
“ฌาน” พจนานุกรม ฉบับ “มติชน” ให้ความหมายว่า “ความสามารถหยั่งรู้เป็นพิเศษ, ความรู้, ปัญญา, ปรีชาหยั่งรู้, ความที่กำหนดรู้”

อันจะเห็นได้ชัดจากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยปกติแล้วพระภิกษุที่จะไปรุกขมูลหรือธุดงค์มักจะมาลาหลวงพ่อคงก่อนออกเดินทาง และขอให้ท่านคุมให้ การคุมของหลวงพ่อคงไม่ใช่การร่วมไปในคณะแต่อย่างใด หากแต่คุมอยู่ที่วัดบางกะพ้อม ด้วยอำนาจจิต อำนาจฌาน

คราวหนึ่งพระภิกษุม้วน พร้อมด้วยพระภิกษุรูปอื่นๆ อีกประมาณ 40 รูป มาขอลาท่านไปธุดงค์ที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยพระภิกษุม้วนเป็นหัวหน้าควบคุมในการไปธุดงค์คราวนั้น
เมื่อพระภิกษุม้วนเดินทางไปแล้ว วันหนึ่งเวลาประมาณบ่ายโมง ขณะที่หลวงพ่อคงรับแขกอยู่ ท่านหลับตาสักครู่หนึ่ง แล้วเอามือตบกระดานที่นั่ง 4-5 ครั้ง ผู้ใหญ่บ้านทรัพย์ ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ ถามท่านขึ้นว่า “หลวงพ่อไล่อะไร”

หลวงพ่อคงตอบว่า
“พระรุกขมูลสายคุณม้วน ไปปักกลดเมืองกาญจน์ ควายป่า 50 กว่าตัว กำลังวิ่งมาทางกลดที่ปักไว้ ถ้าไม่ช่วย กลดก็พังสิ่งของก็เสียหายและจะได้รับอันตรายด้วย”

เมื่อพระภิกษุม้วน พร้อมด้วยคณะได้เดินทางกลับจากธุดงค์ และมานมัสการหลวงพ่อคง และเล่าให้ฟังว่า ตอนอยู่เมืองกาญจน์ ไปปักกลดผิดที่ ควายป่าวิ่งเข้ามาใกล้เกือบจะถึงกลดแล้ว ได้ยินเสียงเปรี้ยงๆ 4-5 ครั้ง ควายป่าเลยชะงักแยกไปทางอื่น ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเสียงอะไร ออกธุดงค์หลายครั้งเพิ่งเคยได้ยินคราวนี้

พวกที่วัดรู้เรื่องนี้มาก่อน จึงเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อคงตบกระดานที่นั่งอยู่ที่วัด บอกว่าควายมันจะพังกลดท่านม้วน พระภิกษุม้วนและพระที่ร่วมธุดงค์จึงกราบขอบพระคุณหลวงพ่อคง
อีกเรื่องหนึ่ง ผู้ที่อุปสมบทมักมาขอบวช และลาสึกกับหลวงพ่อคงกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาจะสึก เพราะน้ำมนต์ของหลวงพ่อคงศักดิ์สิทธิ์ และท่านมีวาจาสิทธิ์ เมื่อละจากเพศบรรพชิตไปแล้วออกไปประกอบอาชีพจะได้มีความสุขความเจริญ

ในการสึกนั้น หลวงพ่อคงจะต้องทำมงคลไว้ล่วงหน้า เท่ากับจำนวนพระที่มาขอสึกเสมอ ไม่ขาดไม่เกิน
คราวหนึ่งมีคนไปนับมงคลที่ท่านทำไว้ มีจำนวน 22 มงคล แต่พระที่จะสึกในวันนั้นเท่าที่ทราบ มีเพียง 18 รูป เลยเข้าใจว่าท่านหลง พอใกล้ฤกษ์สึก พระที่จะสึกก็คงมีอยู่เท่าเดิม พวกศิษย์ก็นึกว่าหลวงพ่อคงหลงแน่แล้ว

พอใกล้ถึงเวลาจะสึกจริง คือเวลาประมาณ 4 ทุ่ม มีพระมาอีก 4 รูป เท่ากับจำนวนมงคลที่ท่านทำไว้พอดี พระที่มาใหม่บอกว่า เอาเรือมาไม่ได้เพราะน้ำแห้ง ต้องเดินมาจึงช้า และโยมที่ตามมาด้วยบอกว่า พระทั้ง 4 รูป ตกลงใจจะสึกเย็นวันนั้นเอง จึงไม่ได้มาบอกล่วงหน้า พอตัดสินใจสึกก็เดินทางมา”

ที่มานสพ.ข่าวสด คอลัมน์ มุมพระเก่า สรพล โศภิตกุล

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: