1572.หลวงพ่อชม วัดพุทไธสวรรค์

หลวงพ่อชม วัดพุทไธสวรรค์

หนึ่งในตำนาน เบญจภาคีพระเหรียญ ของอยุธยา (พระเหรียญที่มีราคาเล่นหาแพงสุด ในอยุธยา ๕ องค์) หลวงพ่อชม เป็นพระอีกองค์ในอยุธยาที่ปัจจุบันไม่ค่อยมีการพูดถึง เพราะพระเครื่องของท่านหายากมาก และพระเครื่องของท่านถูกจัดอยู่ในเบญจภาคีพระเหรียญ อยุธยา อันได้แก่

“หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ”
“หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก”
“หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ”
“หลวงพ่อชม วัดพุทไธสวรรค์”
“หลวงพ่อเพ็ชร วัดนนทรีย์”

หลวงพ่อชม มีพื้นเพหรือภูมิลำเนาเดิมอยู่ในภาคอีสาน ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 6 ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 26 พฤษภาคม 2411 โยมบิดาชื่อ นายดี โยมมารดาชื่อ นางนี กุลไพศาล ที่บ้าน อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี

จนกระทั่งอายุครบ 20 ปี (เมื่อประมาณ พ.ศ.2431) ท่านได้รับการอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดบ้านแดง ตำบลหน่อม อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี พระครูทา (สันนิษฐานว่าคงจะเป็นเจ้าคณะแขวงนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ และเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า “พรหมโชติ ” หลังจากที่ได้อุปสมบทแล้วก็ยังคงศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสำนักของ พระอาจารย์ โส วัดบ้านฟ้าเลื่อม เรื่อยมา

**สำนักนี้ดังมากในแถบอีสาน เทียบกับอยุธยา ก็เหมือนกับสำนักวัดประดู่ทรงธรรม เทียบกับภาคใต้ ก็เหมือนสำนักเขาอ้อ**

เมื่ออุปสมบทได้แล้ว 9 พรรษา ทราบข่าวว่าทางภาคกลางมีพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในวิชาเหล่านี้ จึงได้กราบลาพระอาจารย์โส ออกเดินทางจาก วัดบ้านฟ้าเลื่อม เดินธุดงค์ล่องลงมาทางใต้

หลวงพ่อชม ได้ศึกษาเล่าเรียนและพักจำพรรษาอยู่ในกรุงเทพฯเป็นเวลานานพอสมควร ต่อมาได้ยินข่าวว่า วัดธรรมิกราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสำนักเรียนทั้งด้านปริยัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน และด้านคาถาอาคม ที่มีความรุ่งเรืองเป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วไป จึงได้เดินทางขึ้นมาฝากตัวเข้าศึกษาเล่าเรียนในสำนักวัดนี้กับ หลวงพ่อฟัก ( พระครูธรรมิกาจารคุณ )

หลวงพ่อชม จำพรรษาและศึกษาเล่าเรียนอยู่ใน สำนักวัดธรรมิกราช กับ หลวงพ่อฟัก จนมั่นใจว่ามีวิชาความรู้พอสมควรแล้ว ได้กราบลา หลวงพ่อฟัก ย้ายไปจำพรรษาอยู่วัดต่างๆ ในเขตอยุธยาและท้องถิ่นใกล้เคียงอีกหลายวัด

ท่านมักจะพูดกับลูกศิษย์อยู่เสมอว่า ท่านไม่ชอบอยู่วัดไหนนาน ยิ่งเป็นวัดที่เจริญแล้วมั่นคงแล้วยิ่งไม่อยากอยู่ ท่านชอบแสดงฝีมือในการก่อสร้างบูรณะ โดยอาศัยวิชาความรู้ที่ได้เล่าเรียนมาเป็นเครื่องช่วยค้ำจุนหนุนนำ ทำให้เกิดความสำเร็จอย่างรวดเร็วทุกวัด วิชาความรู้ทางด้านไสยเวท แพทย์แผนโบราณและคาถาอาคมต่างๆ

วัดที่ หลวงพ่อชม ย้ายไปจำพรรษาอยู่นั้น เสนาสนะที่สำคัญและเป็นหลักของวัด เช่น โบสถ์ และการเปรียญ ล้วนแล้วแต่สำเร็จลงด้วยฝีมือและวิชาความรู้ของท่านทั้งนั้น และยังมีอีกหลายวัดที่ถึงแม้ว่า หลวงพ่อชม จะมิได้ไปอยู่จำพรรษา แต่ได้รับการอาราธนาขอร้องให้ไปเป็นประธานในการก่อสร้างโบสถ์ (ซึ่งจะต้องใช้ปัจจัยและกำลังมากกว่าอย่างอื่น) จนสำเร็จเรียบร้อย แล้วรับเป็นประธานในการผูกพัทธสีมาให้ด้วย เช่น วัดสนามไชย วัดหนองโดน วัดโนนตาลเสี้ยน และ วัดตอยาง และอีกมากมาย

จน พระญาณไตรโลก ( ฉาย คงฺคสุวณฺโณ )เจ้าคณะจังหวัด ซึ่งได้ทราบกิตติศัพท์เกี่ยวกับวิชาความรู้และฝีมือในการก่อสร้างบูรณะวัดของ หลวงพ่อชม มานานแล้ว ได้ปรึกษาหารือเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรอาราธนา หลวงพ่อชม ให้ย้ายมาครอง วัดพุทไธศวรรย์ ในตำแหน่งเจ้าอาวาส

ในส่วน ถ้าจะพูดกันถึงด้านคาถาอาคม หลวงพ่อชม ก็เก่งและมีผู้ประจักษ์ในความขลังกันหลายคน ครั้งหนึ่ง มีลูกศิษย์ อ้อนวอนขอให้ท่าน หลวงพ่อชม แปลงร่างเป็นเสือให้ดูเป็นขวัญตา วันหนึ่งท่านอารมณ์ดี เห็นศิษย์มาพร้อมกันแล้ว จึงนั่งสมาธิชั่วอึดใจเดียว ร่างกายของท่านก็กลายเป็นเสือโคร่งลูกศิษย์ต่างแตกตื่นหนีด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้จึงเอาน้ำมนต์มาราดตัวเสือ กลับเป็น หลวงพ่อชม นั่งสมาธิตามเดิม

ขอบคุณข้อมูลดีๆจากพระเกจิอยุธยา
แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: