1569.หลวงพ่อจง สอน หลวงพ่อเมี้ยน ให้หวย

หลวงพ่อจง สอน หลวงพ่อเมี้ยน ให้หวย

หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา ท่านเชี่ยวชาญวิชาการประสานกระดูกและการรักษาโรคภัยต่าง ๆ แต่ท่านมีความเลื่อมใสในวิชากัมมัฏฐานตามแนวทางของหลวงพ่อจง

เรื่องการใบ้หวยหรือการล่วงรู้เหตุการณ์ภายหน้าของหลวงพ่อจงนั้นล้ำเลิศนัก เพราะท่านได้เห็นแจ้งมากับตาถึงสามครั้งสามหน หลวงพ่อเมี้ยนจึงเดินทางไปที่วัดหน้าต่างนอกอีกครั้งหนึ่ง หลวงพ่อจงท่านก็ถามขึ้นเหมือนดั่งรู้ความในใจของหลวงพ่อเมี้ยนว่า

“อยากจะลองเรียนดูหรือ”
“ขอรับ” หลวงพ่อเมี้ยนตอบรับ
“รอเย็น ๆ นะ” เพราะขณะนั้นมีผู้คนอีกมากมายที่รอพบท่านอยู่
เมื่อหลวงพ่อจงว่างจากการรับแขก ในตอนพลบค่ำ หลวงพ่อเมี้ยนจึงได้เข้าพบ หลวงพ่อจงได้พาหลวงพ่อเมี้ยนเข้าไปในกุฏิใหญ่ แล้วให้หลวงพ่อเมี้ยนนั่งลงตรงหน้าโครงกระดูกตาเอี่ยม ณ ที่นั้นเองหลวงพ่อจงก็เริ่มสอนให้หลวงพ่อเมี้ยนเรียนวิชาให้หวยหรือการล่วงรู้เหตุการณ์เบื้องหน้า

หลวงพ่อจงเริ่มสอนด้วยการให้หลวงพ่อเมี้ยนนั่งสมาธินำจิตเข้าอสุภกัมมัฏฐาน เพ่งจิตเข้าสู่โครงกระดูกตาเอี่ยมแล้วภาวนา “อะระหัง” ทุกลมหายใจเข้าออก เมื่อหลวงพ่อเมี้ยนนั่งกัมมัฏฐานได้สักครู่หนึ่งหลวงพ่อจงก็ถามว่า

“ติดตาไหม”
“ไม่ติดขอรับ” หลวงพ่อเมี้ยนตอบ
“งั้นลองใหม่” หลวงพ่อจงพูดต่อไป เมื่อหลวงพ่อเมี้ยนเข้ากัมมัฏฐานสักครู่หนึ่ง หลวงพ่อจงก็ถามอีกว่า
“ติดตาหรือยัง”
“ยังขอรับ” หลวงพ่อเมี้ยนตอบ
“งั้นตามมานี่” หลวงพ่อจงบอกให้หลวงพ่อเมี้ยนลุกออกมาจากหน้าโครงกระดูกตาเอี่ยม เดินตาม่านเข้าไปยังหน้าพระพุทธรูปซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ในกุฏิใหญ่ แล้วก็ให้หลวงพ่อเมี้ยนนั่งเข้ากัมมัฏฐานที่หน้าพระพุทธรูปนั้น เมื่อหลวงพ่อเมี้ยนเข้ากัมมัฏฐานได้สักครู่หนึ่ง หลวงพ่อจงก็ถามว่า

“คราวนี้ติดตาไหม”
“ติดตาแล้วขอรับ” หลวงพ่อเมี้ยนตอบ
“งั้นเริ่มต้นใหม่นะ” หลวงพ่อจงบอกต่อไป
“เมื่อติดตาแล้วก็ทำจิตให้สูงขึ้น เหมือนกับเราขึ้นไปอยู่บนยอดไม้ ย่อมมองเห็นโคนต้นไม้นั่นแหละ”

นับตั้งแต่ที่หลวงพ่อจงพูดว่า “ทำจิตให้สูงขึ้น เหมือนกับที่เราขึ้นไปอยู่บนยอดไม้ย่อมมองเห็นโคนต้นไม้นั้น
” หลวงพ่อเมี้ยนก็เริ่มฝึกปฏิบัติต่อไป จนกระทั่งนิมิตเห็นตัวเลขลอยขึ้นทีละตัว ๆ จนกระทั่งครบหกตัว แล้วตัวเลขทั้งหกนั้นจากเดิมที่เป็นสีขาวก็จะกลับกลายเป็นสีทองสุกสกาว ในขณะนั้นเองหลวงพ่อจงก็ถามว่า

“เห็นแล้วใช่ไหม”
“เห็นแล้วขอรับ” หลวงพ่อเมี้ยนตอบ
“นั่นแหละเป็นของที่เราเห็นได้ แต่มันเป็นกิเลส เป็นลาภจร ไม่ควรนำไปบอกใคร”
สอนเพื่อเป็นอนุสติ

“ขอรับ” หลวงพ่อเมี้ยนรับคำ
พอรุ่งเช้า หลวงพ่อเมี้ยนก็เข้าไปลาหลวงพ่อจงแต่เช้าตรู่ เมื่อตอนที่ลานั้นหลวงพ่อจงก็สั่งกำชับอีกว่า “พูดไม่รู้ รู้ไม่พูด”
หลวงพ่อจง นั้นท่านมีอุบายในการทดสอบจิตใจคนแยบยลนัก

ขอขอบพระคุณ คุณสมศักดิ์ พงษ์พูนลาภ(เสียชีวิตแล้ว)
ผู้บันทึกประวัติหลวงพ่อจง ให้ชนรุ่นหลังได้มีโอกาสรับรู้ถึงคุณงามความดีของท่านไว้ ณที่นี้ด้วย

นอกจากนี้หลวงพ่อเมี้ยน ยังเก่งด้านรักษาโรคมาก เพราะเรียนวิชามาจากหลวงพ่อปาน จนชาวบ้านต่างขนานนามว่า “พระหมอแห่งทุ่งบางบาล”

และยกย่องท่านให้เป็น 1 ใน “3 เสือแห่งกรุงศรี”ยุคนั้น ร่วมกับศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันกับ หลวงพ่อจง คือ หลวงปู่ทิม และ หลวงพ่อมี
ที่มา ศิษย์มีครู

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: