1507.หลวงปู่หงษ์ สัจจวาจา…ปืนแตก

หลวงปู่หงษ์ สัจจวาจา…ปืนแตก

หลวงปู่หงษ์ ได้เดินธุดงค์ จากเวียดนามสู่ประเทศกัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง ขณะรุกขมูลอยู่กกลางป่าใหญ่นั้น จึงเต็มไปด้วยสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ช้าง ม้า เสือ กวาง กระต่าย งู นานาพันธุ์ที่น่าแปลกยามใดที่หลวงปู่ปักกลดพักแรมเวลาค่ำคืน ณ ที่ใดก็ดี มักจะมีช้าง กวาง กระต่าย งูมาเป็นเพื่อนล้อมอยู่โดยรอบ

ซึ่งหลวงปู่หงษ์ จะมีความสุขมากยามที่เงียบสงบ และได้พบกับสัตว์ป่านานาชนิดมาร่วมอยู่ข้างตัว ท่านเรียกว่า “เพื่อนของเรา” จนเวลารุ่งอรุณหลวงปู่หงษ์ จะบอกแก่สัตว์ทั้งหลายว่า ให้กลับเข้าป่าไป เดี๋ยวพวกคนป่า หรือนายพรานมาพบเข้าจะทำร้ายเอาให้รีบกลับเข้าป่าไปอย่างเป็นระเบียบ แต่น่าสงสารยังมีกวางท้องแก่ตัวหนึ่ง ท้องแก่มากเดินไม่ค่อยไหว เพราะต้องอุ้มท้องเดินต้วมเตี้ยมๆ อุ้ยอ้ายอยู่หลังสุด

สักครู่ก็มีพรานป่าออกมาจากริมป่า พร้อมด้วยอาวุธปืนประทับบ่าเตรียมพร้อม จ้องสู่เป้าหมายคือกวางแม่ลูกอ่อน แต่ในยามนั้น ได้ลุล่วงสู่ฌาณสมาบัติของหลวงปู่หงษ์ จึงได้แผ่บารมีธรรมคุ้มครองป้องกัน ทั้งได้กล่าวด้วยเมตตาธรรมแห่งสัจจะวาจาว่า “อย่ายิงกวางแม่ลูกอ่อนนะ ถ้ายิงเดี๋ยวปืนมันจะแตก” ด้วยความไร้เมตตาและขาดคุณธรรมของนายพราน แถมยังดื้อดันมิยอมเชื่อฟัง คำห้ามปรามของภิกษุสงฆ์ ซึ่งขออภัยทานในชีวิตของสัตว์อีก

จึงได้ยกปืนยาวขึ้นประทับบ่า แล้วลั่นไกปืนขึ้นทันที ทันใดนั้นเองปากกระบอกปืนของนายพรานดื้อก็ลั่นเสียงดัง เปรี๊ยะ! แต่เป็นเพียงให้หลาบจำมิได้เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่ประการใด ด้วย

ความกลัวและตกใจ พรานป่าผู้ใจบาปจึงยอมลดปืนลง เบื้องหน้า พร้อมกับก้มกราบขอขมาต่อหลวงปู่ว่าจะไม่ประพฤติทำเช่นนี้อีกหลวงปู่จึงได้เมตตาให้โอวาทตักเตือน และให้พรจากนั้นพรานป่าจึงได้ลากลับสู่ครอบครัวของตน

พระธาตุปรากฏ

คุณหมอชัชชัย ด่านสุนทร นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลบุรีรัมย์ได้หยิบพระพิฆเนศปางอ้อมจักรวาลเนื้อชานหมากกับพระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมันให้ชมพร้อมกล่าว “แปลกนักพระเนื้อชานหมากทั้ง 2 นี้ได้มีเม็ดพระธาตุผุดเรียงเต็มไปหมดบางองค์ก็มากบางองค์ก็น้อย

แต่ส่วนใหญ่ที่พิจารณาแล้วพระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมันจะมีเม็ดพระธาตุขึ้นมากกว่าจึงได้พิจารณากันว่าพระธาตุที่ผุดขึ้นมีสีขาวทราบภายหลังว่า ในการผสมผงสร้างพระชุดนี้ ได้นำผงพระธาตุสิวลี ซึ่งหล่นอยู่ก้นโหลแก้วครั้งที่ คุณพี่ประดิษฐ์ สุขประเสริฐ ทายาทศิษย์สายหลวงพ่อดิ่ง วัดบางบัว จ.ฉะเชิงเทรา นำมาถวายหลวงปู่จึงได้นำผงพระธาตุสิวลีผสมกับผงของพระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมัน ชุดนี้ด้วยประการแรก

ประการที่สองเล็บของหลวงปู่นั้นงอกยาวได้ใสบ้าง เป็นเม็ดใสก็มี ประการที่สามอันว่าธาตุขันธ์ในกายของหลวงปู่ เช่น เกศ เล็บ น้ำลายผสมอยู่กับชานหมากก็ตาม เหล่านี้กระมังที่มาประชุมธาตุจนทำให้พระพิมพ์ ขุนแผนชัยวรมัน กับพิมพ์พระพิฆเนศ เนื้อผงชานหมากเหล่านี้ ปรากฏเป็นธาตุขึ้นได้

หรือแม้แต่พระผงรุ่นแรกพิมพ์นิยม พิมพ์ไกเซอร์ก็ดี พระพิมพ์สมเด็จ พระประธานก็ดี รุ่นฉลองชัยที่กดพิมพ์มือล้วนกรรมวิธีการสร้างแบบโบราณ คือ กดด้วยมือตัดขอบด้วยผิวไผ่หรือมีด ผึ่งลมตามธรรมชาติ เมื่อนำมาสักการบูชา ก็ปรากฏว่างอกได้ฟูได้ มีเม็ดพระธาตุงอกขึ้นเต็มทั้งองค์เช่นกัน

หลวงปู่หงษ์ กล่าวว่า”เราตั้งใจทำให้จริงๆแล้วก็ทำให้อย่างดีด้วย เพราะว่าคณะศิษย์ตั้งใจทำเพื่อฉลองอายุครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์มิมีสิ่งใดที่จะตอบแทนน้ำใจ ก็มีแต่ศีลปฏิบัติภาวนาและน้ำจิตที่เป็นบุญเป็นกุศลสะสมมาแต่กาลก่อน อธิษฐานขอช่วยลูกศิษย์ให้ได้ดีทุกคนตามแต่ปรารถนา ขออย่างเดียวอย่าดื่มเหล้าหรือผิดลูกเมียผู้อื่นเขา อะไรก็ทำอันตรายมิได้เลย

สำหรับเรื่องนี้ทำให้นึกถึงคุณหมอชัชชัย หมอดีฝีมือเยี่ยมแห่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ จำได้ว่าวันที่ คุณหมอชัชชัย ได้ไปกราบหลวงปู่พร้อมกับผู้เขียนได้นำครอบน้ำมนต์ถวายหลวงปู่ได้ประสิทธิพร้อมขอน้ำมนต์ของหลวงปู่เติมไว้เป็นปฐม หลวงปู่เมตตาตักให้พร้อมกล่าวว่า”ให้นำน้ำธรรมดามาเติมใช้ได้ดี 108 ประการ”

ครั้นกลับมาบ้านคุณหมอก็นึกถึง หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ว่าเวลาท่านสร้างพระมักนำพระแช่น้ำมนต์ 1-2 วัน นำขึ้นมาผึ่งก็บังเกิดมีพระธาตุผุดขึ้น เอ! ถ้าหลวงปู่ของเราก็น่าจะทำได้เช่นกัน เพราะบารมีธรรมจริยปฏิปทา จึงทำให้เกศาที่บูชาก็ยังเป็นแก้วเป็นธาตุได้ ครั้นเวลากลางคืนได้ฝันถึงหลวงปู่มาบอกว่า “ให้นำพระขุนแผนชัยวรมัน แช่น้ำมนต์ ซึ่งประเดียวก็เห็นเอง”

คุณหมอชัชชัย สะดุ้งตื่น แต่มีความรู้สึกว่าหลวงปู่มากล่าวพูดเช่นนั้น จึงได้อาราธนาพระขุนแผนชัยวรมันองค์ละ 100 บาท แช่น้ำมนต์ประมาณ 1-2 วันแล้วนำมาผึ่งวางไว้ พอเวลาค่ำได้พบเห็นว่า พระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมัน เกิดมีธาตุใสได้ จึงปลื้มปิติยินดีอย่างที่สุด

ปฐมศรัทธา

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าพระที่ชอบอยู่กับงู พระที่ชอบปล่อยงู พระที่มีงูเป็นทหารในยุคนี้หมายถึงพระภิกษุรูปใด หนึ่งเดียวในสยามแห่งอีสานใต้ที่กระทำการดังกล่าวนี้เชื่องสุดๆ ประดุจปลาไหล เพราะหลวงปู่ท่านเป็นพระผู้มากด้วยเมตตาจิตต่อสัตว์ป่า แผ่บารมีธรรมสู่สัตว์โลก แม้แต่งูก็อยู่กับหนูได้ใต้โพรงหินไม่กัด ไม่กินกันหรืองูอยู่กับกบในสระน้ำไม่ทำร้ายกัน เป็นต้น สร้างความฉงนแก่ผู้พบเห็นนัก

ยังมีเหตุการณ์หนึ่งที่ผู้เขียนได้พบเองสมัยครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเสียงของหลวงปู่ใหม่ๆ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว โดยได้ยินบุคคลต่างๆทั่วไปกล่าวขานกันว่า หลวงปู่องค์นี้อยู่กับงู ชอบปล่อยสัตว์นานาชนิด จึงสนใจใคร่ติดตามไปจนถึงสำนักของหลวงปู่หงษ์ และต้องหายสงสัยหมดสิ้น ขณะนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเช้า หลวงปู่นั่งออกรับญาติโยม สักครู่ต่อมาได้มีกระรอกขาวตัวหนึ่งไต่สายไฟจากป่ามายังที่หลวงปู่นั่งรับแขกโดยมิเกรงกลัวบุคคลที่นั่งเต็มไปหมด โดยวิ่งด้วยเท้าทั้ง 4 แล้วมาหยุดอยู่ข้างหน้าหลวงปู่ทันใดนั้นกระรอกยกขาคู่หน้าชูขึ้นคล้ายกับทำความเคารพ พลางส่งเสียงร้อง “จิกๆ” แล้ววิ่งมาทางด้านข้างขวาของหลวงปู่หงษ์ ที่มีจานองุ่นตั้งอยู่ เจ้ากระรอกก็วิ่งรอบจานองุ่นวิ่งกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้น

โดยมิกล้าถือวิสาสะกินเองจนหลวงปู่ได้ยินเสียง “คลุกๆ” ไปมาจึงได้หันมาทางจานองุ่นด้วยอากัปกริยาอมยิ้มแล้วพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เอาซิๆ” เท่านั้นและเจ้ากระรอกก็ตรงเข้ากัดกินองุ่นในจาน จากนั้นหลวงปู่ก็หันหน้ากลับมาทางญาติโยมแล้วเอ่ยว่า “เขากินไม่มากหรอกลูกสองลูกประเดี๋ยวก็ไป” และก็เป็นไปตามคำพูดของหลวงปู่เพราะเจ้ากระรอกเขากินเพียงสองเม็ดจริงๆ แล้วคลานออกไป

แต่ที่แปลกประทับใจทุกคนที่ได้พบเห็นก็คือ ก่อนที่เจ้ากระรอกจะไปได้คลาน 4 เท้า ข้ามาพอถึงด้านหน้าหลวงปู่ก็ยกเท้าคู่หน้าชูคล้ายกับพนมมือแล้วส่งเสียงร้อง “จิกๆ” แล้วจึงหันหลังวิ่งไต่สายไฟกลับสู่ป่าอันเป็นที่อยู่อาศัย สิ่งเหล่านี้คืออะไร ทำไมสัตว์ป่าจึงต้องทำความเคารพทั้งมาและไป ทุกคนต่างนึกต่างคิด ต่างฉงนมึนงงไปตามๆกัน

แต่สุดท้ายที่ทุกคนสรุปก็คือ หลวงปู่องค์นี้มิใช้พระธรรมดาแน่แม้นแต่สัตว์ป่ายังกระทำความเคารพ แล้วทำไมเราเป็นคนมิลองศึกษาจริยาวัตรข้อธรรมและปฏิปทาของท่าน ครั้นเดินลงมายังข้างศาลาก็ต้องผงะหงายเพราะได้เจอกับอสรพิษนามว่าแสงอาทิตย์ นอนกลิ้งหงายไปมาประดุจว่ามีแต่เขาเพียงตัวเดียวอยู่บนโลกนี้ แต่ผู้เขียนเองเมื่อได้มอง เห็นแล้วว่าน่ารักดีดูแล้วเหมือนลูกสุนัขที่กลิ้งหงายไปมายามต้องแสงสุริยาเพลาเช้าอย่างนั้น

จึงได้ถึงบางอ้อ! อ๋อ! หลวงปู่หงษ์ ท่านชอบปล่อยงู ตะขาบ แมงป่อง ก่อนจะปล่อยหลวงปู่จะเป่าเสกให้ก่อน แล้วจึงปล่อยสัตว์ทั้งหลายไปเพื่อให้เขาเชื่องไม่ทำร้ายคน เป่าเพื่อเป็นเกราะกำบังคุ้มครองสัตว์นั้นๆ เป่าเสกเพื่ออธิษฐานให้สัตว์เหล่านั้นเมื่อละโลกนี้ไปแล้วขอให้เกิดเป็นคน อย่าได้เป็นสัตว์ต้องทุกข์ทรมาน เหล่านี้คือน้ำจิตอันเยือกเย็นแผ่ไพศาลยังสรรพสัตว์ทั้งหลายของโลก ให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ละเลิกจากความเบียดเบียนซึ่งกันและกันย่อมเป็นสุข

หลวงปู่สอนให้อดทนข่มใจ

หลวงปู่หงษ์ ได้เมตตาให้กั้นลวดหนามเพื่อป้องกันสัตว์ลงไปเล่น เป็นที่น่ายินดีที่ทำงานเสร็จภายใน 1 วัน ด้วยการใช้กำลังแรงงานเพียง 80 คน ซึ่งรวมระยะเวลาล้อมประมาณ 7 ไร่กว่า หลวงปู่กล่าวว่าปลื้มใจที่ทุกคนตั้งใจร่วมใจกันทำงานอย่างขมีขมันมีความรับผิดชอบ ใครมีหน้าที่อย่างไรก็ทำตามหน้าที่ของตนก็สัมฤทธิผลได้ในกิจการนั้นๆ งานใดสิ่งใดก็ตาม เรามีความตั้งมั่น มีความ มุมานะ มีความขยันหมั่นเพียร รู้จักอดออมเก็บความรู้สึกไว้ให้ได้ ผู้นั้นก็ย่อมประสบผลสำเร็จในกิจการนั้นๆ

อีกสิ่งที่สำคัญคือจิต มีความไวมากในการสัมผัสรับรู้ หากเราไม่รู้เท่าทันตัวจิตนี้แล้วเราก็ต้องตกเป็นเหยื่อของสิ่งภายนอกที่เข้ามากระทบทุกๆเรื่องไป และถ้ายิ่งมีการปะทะโต้ตอบกันไปมาไม่รู้จักข่มใจตนเองสิ่งที่จะตามมาคือความเสียหาย ดังนั้นขอให้ลูกหลานรู้จักอดออม ข่มใจตนเอง ใครเขาจะว่าอย่างไรก็ขอให้นิ่งเฉยเสียเขาว่ามานั้นมิได้เจ็บปวดแต่ประการใด ถ้าจิตใจของเราไม่ไปปรุงแต่งในคำพูดของเขานั้นๆว่าเจ็บปวด ทุกสิ่งทุกอย่างขอให้ทุกคนดูตัวเอง ดูใจตัวเองว่าตัวเราเอง ตำหนิใจตัวเอง จนหาคำว่าตัวเราเองไม่ได้แล้วว่าไม่ดีจึงค่อยว่าผู้อื่นเขา ขอให้ระลึกนึกถึงว่า คนเราทุกวันนี้มักมีอายุไม่ค่อยยืนยาว อยู่กันไปไม่ถึง 100 ปี ก็ต้องจากกันไปทุกคน นี้คือความจริงแท้แน่นอน

ทุกคนที่ได้สดับรับฟังต่าง ปิติยินดีที่หลวงปู่ได้เมตตาแนะนำกระแสธรรมให้มีจิตระลึกได้ เพราะคนเราทุกวันนี้ลืมนึกไปว่าเกิดแล้วไม่ตาย จึงต่างขวนขวายชิงดีชิงเด่น เอารัดเอาเปรียบกันสารพัด ขาดทมะ คือ ขาดความข่มใจ ไม่รู้จักการให้อภัย ขาดความเมตตาต่อกัน โลกเราทุกวันนี้จึงมีแต่ความร้อนระอุเร่าร้อนกัดกร่อนในการจัดสร้างความดี ก็คงต้องช่วยกันเรียกร้องให้พวกเราทุกคน รู้จักการให้อภัยมีเมตตาต่อกันและกัน สร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดีงาม เชื่อว่าโลกนี้จักสวยงามน่าอยู่สืบไป

นอกจากนี้หลวงปู่หงษ์ยังเป็นครูบาอาจารย์ที่คอยพูดให้เราเห็น แสดงอาการกระทำให้เรารู้เป็นตัวอย่างทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ ด้วยจิตปรมัติตั้งมั่นให้ลูกหลานทุกคนสร้างความดี หนีความชั่ว ด้วยการตั้ง “กองทัพศีลห้า”

ซึ่งตอนนี้หลวงปู่หงษ์กำลังเปิดรับสมัครกองพลทหารศีลห้า หลักกติกาไม่มีอะไรมาก ไม่จำกัดเพศและวัย ใบสมัครไม่ต้องใช้ สิ่งที่ต้องตระเตรียมก็คือ กาย วาจา และใจ ด้วยการกรองข้อมูลทางวาจาสู่ใจ “ว่าข้าพเจ้าจะรักษาศีลห้าปฏิบัติตามคำสอนของหลวงปู่อย่างเคร่งครัด” เท่านี้ก็เป็นการบันทึกข้อมูลแล้วและหลวงปู่ท่านก็รับเป็นลูกศิษย์ ผลที่จักได้รับ คือบุญกุศลความดีที่ติดตามไปยามมีเหตุคับขันให้ภาวนา “นะเมติ” หลวงปู่และครูบาอาจารย์ของท่านจักลงมาช่วยคุ้มครองเอง นึกคิดประสงค์สิ่งใดจักสมใจปรารถนาทุกประการ หลวงปู่มักกล่าวเสมอๆว่า “เทวดาครูบาอาจารย์เขาช่วยคนดี ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้”

คุ้มศิษย์ต่างแดน

“ประสบการณ์ต่างแดนหลวงปู่คุ้มครองลูกศิษย์ ณ ประเทศเยอรมันได้อย่างไร คงเป็นผลพวงจากการที่ คุณสุพิชา คงทอง นั้นได้สมัครเข้าเป็นกองกำลังพลกองทัพศีลห้า” ของหลวงปู่กระมัง เพราะโดยลำพังแล้วคุณสุพิชา คงทอง เป็นสตรีผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือบุคคลอื่นๆ

และมีนิสัยเฉพาะตัวอีกอย่างหนึ่งเป็นคนชอบพูดคุย ใจคิดอย่างไร ปากก็จักพูดตามไปเช่นกัน และเมื่อต้นปีได้เดินทางไปทำงาน ณ ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีคนไทยเป็นเจ้าของกิจการ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของบุคคลทั่วไป เมื่อเป็นคนมาใหม่ก็ย่อมถูกลองของ หรือกลั่นแกล้งจับผิดจากเพื่อนร่วมงานพูดง่ายๆ เสมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ตนจึงต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่ด้วยความเป็นคนช่างพูดเห็นสิ่งใด ไม่ถูกต้องก็จะพูดกล่าวไป ครั้งเวลาพลบค่ำจะต้องสวดมนต์ไหว้พระระลึกนึกถึง หลวงปู่ทุกวัน

จึงได้ฝันเห็นหลวงปู่ถึง 3 วันติดๆ ในคืนวันที่ 4 ได้เกิดเหตุการณ์ แปลกกว่าทุกวัน เพราะหลวงปู่ได้นำกำหญ้าคามาปิดปากคุณสุพิชา รุ่งเช้าคุณสุพิชา ได้โทรเล่าเรื่องให้ผู้เขียนฟังพร้อมกับกล่าวว่า ทำไมหลวงปู่ท่าน จึงเอาไม้พรมน้ำมนต์มาปิดปากหนู

ผู้เขียนกล่าวว่า “เขาเรียกกำหญ้าคา สำหรับพรมน้ำมนต์” นั้นแหละหนูพูดไม่ถูกแต่เอ! ท่านจะไม่ให้หนูพูดหรืออย่างไรค่ะ? ผู้เขียนตอบ “แน่นอนถูกต้องตามที่คุณเข้าใจ เราเป็นคนใหม่อยู่คนเดียวกับอีกฝ่ายเขารวมกันเป็นหมวดหมู่ อย่างไรก็ตามไม้ซีกจะไปงัดกับไม้ซุงย่อมไม่เป็นผล” จะเห็นได้ว่าหลวงปู่นั้นท่านไปได้ทุกเมื่อทุกประเทศ เอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง เยอรมัน ฯลฯ ขอเพียงให้ลูกศิษย์เป็นคนดีมีศีลห้า แล้วสิ่งใดๆ ก็ทำมิได้ ครูบาอาจารย์ท่านคุ้ม ไปอยู่เมืองไหนประทศไหน หลวงปู่หงษ์ ก็ตามไปคุ้มครองได้

อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องแปลกสดๆร้อนๆ โดยใช้ชื่อเรื่องว่า “อยากเป็นลูกศิษย์หลวงปู่” เมื่อวันก่อนคุณเอนก ได้พาเพื่อนๆ มากราบรูปเหมือนหลวงปู่ที่กองทุนปลูกป่าหลวงปู่หงษ์ ซ.นวลจันทร์ คุณเสกสรรผู้เป็นเพื่อนได้นั่งพินิจพิเคราะห์พิจารณารูปหล่อเหมือนหลวงปู่กับนึกคิดอยู่ในใจว่า เอ! ทำไมเดียวนี้คนจึงหันมากราบหลวงปู่กันเยอะจึงได้น้อมจิตระลึกนึกถึงหลวงปู่ว่า กระผมขออธิษฐานขอเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ด้วยคนเถิด หากหลวงปู่รับทราบขอจงได้แสดงให้ลูกได้รู้ได้รู้ ด้วยเถิด

จนเวลาพลบค่ำได้เวลานอนขณะนั้นเอนกายสู่หมอนยังมิทันได้หลับก็ปรากฏว่า หลวงปู่มายืนอยู่ข้างเตียงของผมพร้อมกับพูดว่า “เรียกมาทำไม” สักครู่ก็หายไป ผมดีใจปลื้มใจเป็นที่สุดที่หลวงปู่ได้เมตตารับผมเป็นลูกศิษย์แล้วหลวงปู่นี้เป็นที่สุดจริงๆ ผมได้เห็นแล้ว จากคนที่ไม่เคยแขวนพระ หรือเครื่องรางใดๆ เลย ก็ต้องกลับหาพระของหลวงปู่ขึ้นอาราธนาคล้องคออย่างสบายใจทำให้เป็นที่กังขาแก่มิตรสหาย ว่าทำไมเพื่อนเราจึงหันมานิยมพระเครื่องทั้งที่เป็นคนสมัยใหม่

เผาขน อบต.

เหตุการณ์ครั้งหลังจากที่คุณสุเมธ ถูกรอบยิงแสกหน้าแบบเผาขนที่สุสานทุ่งมน แต่กระสุนมิได้ออกเลยกับแตกคาปากกระบอกปืน ส่วนที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นญาติของคุณนิดรู้จักกับผู้เขียนดี โดยผู้เขียนได้มอบเหรียญพ่อรักลูกให้คุณนิดๆ ได้นำเหรียญขุดสระนี้มอบให้กับน้าชายได้ไม่ถึงสัปดาห์ ขณะเดินทางไปตลาดถูกคู่อริที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน นำปืนลูกโม่จ่อยิงเผาขนจนหมดโม่ แต่ผลไม่ระคายผิวหนังเลยเช่นกัน

จากนั้นผู้ร้ายก็วิ่งหนีไป ประชาชนชาวเพชรที่อยู่ละแวกนั้นต่างตรงรี่เข้ามาขอดูว่าคุณแขวนพระดีอะไร? น้าของคุณนิดกล่าวว่ามีเหรียญของหลวงปู่หงส์รุ่นขุดสระ หลานชายมาจากกรุงเทพฯ มอบไว้ให้ พลางสั่งกำชับไว้ว่าให้เก็บไว้ให้ดี เพราะเป็นเหรียญรุ่นแรกและเคยมีประสบการณ์มาแล้วเมื่อหลังจากวันเสร็จพิธีพุทธาภิเษก โดยนายตำรวจได้นำเหรียญขุดสระเนื้อสำริดไปลองยิงดูปรากฏว่าปืนไม่ลั่น แต่ยกขึ้นฟ้าไกปืนทำงานตามปกติจนถึงลูกที่สามก็ยิงไม่ออกเช่นกัน หลวงปู่ท่านทราบและสั่งห้ามว่าทำดีแล้วไม่ต้องลอง แล้วจักเห็นเองยามคับขัน การกระทำเช่นนั้นเป็นการประมาทต่อครูบาอาจารย์ทีหลังอย่าทำอีกเล่นเอาตำรวจผู้นั้นหน้าหง๋อยไป

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมชาวบ้านเขาจึงพร้อมใจกันยอมนอนคว่ำให้หลวงปู่ท่านเดนบนหลังของวกเขา ชาวบ้านทุกคนเคารพรักหลวงปู่เสมือนเป็นเทพเจ้าของพวกเขาทีเดียว เพราะมิใช่ว่าหลวงปู่หงษ์ จะป้องกันภัยให้พวกเขาได้อย่างเดียว แต่หลวงปู่หงษ์ได้แผ่เมตตาปล่อยสัตว์ ขุดบ่อ ขุดสระ สร้างฝายน้ำล้น ปลูกผ่า ปล่อยช้าง วัว ควาย เต่า งู ตะขาบ สัตว์ทุกชนิด และสั่งห้ามมิให้ชาวบ้านทำลายป่าไม้โดยอบรมสั่งสอนให้เห็นคุณ และโทษของการไม่มีป่าได้ไม่มีน้ำจะ เกิดความเดือดร้อนนานาประการ พร้อมทั้งสอนให้ชาวบ้านทุกคนถือศีลห้า ห้ามดื่มเหล้าเมายา แล้วครูอาจารย์ของหลวงปู่ท่านจะคุ้มครอง ทุกคนเคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม จึงมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก ศิษย์มีครู

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: