1426.หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาลอง หลวงพ่อเขียน(ให้หวย20งวด)

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาลอง หลวงพ่อเขียน(ให้หวย20งวด)
หลวงพ่อเขียนรู้เลขหวย หลวงพ่อเขียนนี่อยู่วัดสำนักอะไร ขุนเณร อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ในปี พ.ศ. 2494 ปีนั้น ดูเหมือนว่าเลขท้าย 3 ตัว เลขท้าย 2 ตัว พึ่งจะระบาดมาในกรุงเทพฯ หรือว่าระบาดมานานเท่าไรแล้วก็ไม่ทราบ แต่ว่าอาตมาผู้พูด พึ่งจะรู้ข่าว คือว่าเอาเรือยนต์ไปจอดที่ประตูน้ำเจ้าเจ็ด เห็นเขาพูดกันถึงเลขท้าย 3 ตัว ของรางวัลที่ 1 ถามพวกภรรยาของพวกทำงานที่ประตูน้ำ เขาบอกว่าเขาไปซื้อเลขท้าย 3 ตัว รางวัลที่ 1 ก็เลยบอกว่ารางวัลที่ 1 มีเลข 6 ตัว แล้วคุณจะซื้อยังไงได้ 3 ตัว เขาก็บอกว่า เขียน มีเจ้ามือ เขารับ แล้วเขาจ่าย บาทละ 600 ไอ้นี่ก็น่าคิด แล้วเขาก็บอกว่าเขาไปขอหวยกับพระที่วัดสะแกในเขตอำเภอป่าโมกจังหวัดอ่างทอง ก็สงสัยว่าพระท่านให้หวยได้ยังไง
พอกลับมาถึงวัด 2 – 3 วัน ก็รวบรวมคนได้ 3 คน ออกเดินทางด้วยเรือยนต์ส่วนตัว ความจริงเรือยนต์ส่วนตัวนี้ชาวบ้านเขาสร้างให้ ไม่ได้สร้างเอง เขาสร้างไว้ให้ใช้เพราะเกี่ยวกับงานก่อสร้าง ดูแลงานก่อสร้างถ้าจะจ้างเรือจ้างไป มันไม่ทันเวลา ไปตามวัดต่างๆ คราวนั้นลงทุนประมาณ 3 – 4 เดือนไปขอหวยพระ บอกว่าไม่เล่น แต่ขอให้ท่านบอกเลขตรงๆ ที่หลายวัด ไม่เห็นตรงสักวัด บางวัดเลข 3 ตัว แต่ให้มาถึง 9 ตัว 3 แถว 3 ตัว 3 แถว มันก็ 9 ตัว บางวัดให้มาแถวเดียว 3 ตัว แต่ไม่ตรง ไอ้ 9 ตัวนี่ ตรงแน่ แต่บังเอิญเลข 0 ก็ขาดไปเสียอีก มันเป็นยังงั้น หาพระที่รู้หวยจริงๆ ไม่ได้ ก็เดินทางมาถึงอำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ได้ยินเขาลือกันว่า หลวงพ่อเขียน วัดบางขุนเณร อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ท่านรู้ห้วยได้จริง ก็เลยพากันขึ้นรถ คราวนี้ทิ้งเรือแล้ว เอาเรือฝากเขาไว้ เดินทางไปอำเภอบางมูลนากจังหวัดพิจิตรา ทั้งๆ ที่ไม่รู้ทาง ไม่เคยไปสักที
พอลงที่อำเภอบางมูลนาก ก็มีรถมอเตอร์ไซค์ 2 ล้อรับจ้างไปส่งถึงวัดของหลวงพ่อเขียน การไปคราวนั้นไปด้วยกัน 3 คน มีฆราวาส 2 คน แล้วก็พระ คือ อาตมาองค์หนึ่ง วันนั้นเป็นวันหวยออกพอดี มีวิทยุกระเป๋าหิ้วชนิดแบตเตอรี่ก้อนเบ้อเร่ออยู่ 1 เครื่องถือไปด้วย หวังจะไปลองดีท่าน หมายความว่าอยากจะรู้ตามความเป็นจริงว่าท่านจะจริงหรือไม่จริง
ในขณะที่ไปถึง ปรากฏว่ามีคนนั่งล้อมหลวงพ่อเขียนอยู่ประมาณสัก 200 คน พวกนี้มาขอหวยทั้งนั้น เป็นเวลาบ่ายประมาณสัก 4 โมงเศษๆ เวลานั้นหวยออกเวลา 5 โมงเย็น พอขึ้นไปพ้นบันได หลวงพ่อเขียนมองมาท่านก็พูดดังๆ ท่านบอกว่า
วันนี้คนดีๆ เขามาหาเราน่อ เขาจะลองดีเราน่อ แต่ว่าเราก็มีดีอวดเขาน่อ ท่านใช้คำลงท้ายว่าน่อ
เข้าไปถึงก็กราบท่าน ท่านถามว่า “มาธุระอะไร”
ก็กราบเรียนท่านว่า “หลวงพ่อทราบแล้วใช่ไหม”
ท่านบอกว่า “รู้”

เมื่อบอกว่ารู้ ก็บอกว่า “มาตามนั้นแหละขอรับ หลวงพ่อ กระผมอยากจะรู้นักว่าพระน่ะ รู้หวยได้ยังไง”
ท่านก็มองหน้าบอกว่า “คุณ อตีตังสญาณที่มาจากทิพยจักขุญาณสามารถให้รู้ได้ ถ้าเรามีจิตไม่โลภเสียอย่างเดียว แล้วมีสัจจะว่าเราจะไม่บอกใครตรงๆ เว้นไว้แต่คนนั้นเขาจะมีลาภ”
พอท่านพูดขึ้นมาเท่านี้ก็เข้าใจ ความจริงพระองค์อื่นไม่เห็นพูดแบบนี้ มีหลวงพ่อเขียนองค์เดียว สมัยนั้น เรียกว่ามีเป็นองค์แรกที่รู้ว่ามีหวย ให้หวยกันได้ แล้วก็ต้องอาศัยอตีตังสญาณ หรือว่าอนาคตังสญาณ อตีตังสญาณหมายความว่าตรวจลาภของคนที่จะมารับเลขว่าเลขที่เขานำไปจะไปหาเงินนี่น่ะ เขามีบุญญาธิการพอหรือเปล่า แล้วต่อมาถ้าหวยมันยังไม่ออก ก็ใช้อนาคตังสญาณว่าเลขที่มันจะออกข้างหน้า นี่มันเป็นเลขอะไร อย่างนี้ของท่านตรงดี ฟังแล้วก็เลื่อมใส คุยกันไปได้ครู่หนึ่งเวลาก็ใกล้หวยจะออก ท่านถามว่า
“จะเอาเลขหรือยังล่ะ”
บอก “เอาขอรับ”
ท่านถามว่า “จะเอารางวัลที่เท่าไหร่”
ก็เลยกราบเรียนว่า รางวัลที่ 1
ถามว่า “กี่ตัว”
กราบเรียนท่านว่าเอา “3 ตัว”
ท่านบอกว่า “รางวัลที่ 1 มันมี 6 ตัว คุณเอา 3 ตัวมันก็ไม่ครบ”
ก็เลยกราบเรียนท่านว่า “ถ้ายังงั้นขอ 6 ตัว เลยขอรับ”
ท่านก็หันหลังไปแล้วก็เขียน เขียนเลข 6 ตัว แล้วท่านก็ถามว่า
“เลขท้าย 3 ตัวหมุน 4 ครั้งเอาไหม”
ก็กราบเรียนท่านว่า “ถ้าให้ได้ก็ดีขอรับ”
ท่านก็เขียนท้าย 3 ตัวหมุน 4 ครั้ง เขียนมาให้ 4 ชุด ในที่สุดท่านก็บอกว่า
“แถมเลขท้าย 2 ตัวให้อีกชุดหนึ่ง”
แล้วท่านก็ถือเลขไว้ ยังไม่กางออกมา ท่านถามชาวบ้านบอกว่า
“เวลานี้เล่นทันไหม”
ชาวบ้านบอกว่า “ใกล้แล้วขอรับ เจ้ามือเขาไม่รับซื้อ”
ท่านก็เลยประกาศว่า
“คนที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมดนะ ใครจะลุกไปที่อื่นไม่ได้ ถ้าลุกไปตาแตก”
เพียงเท่านี้ชาวบ้านก็นั่งนิ่งเพราะเกรงวาจาศักดิ์สิทธิ์ของท่าน
พอใกล้หวยจะออก ท่านก็ถามว่า
“มีวิทยุมาไม่ใช่หรือ”
ก็กราบเรียนท่านว่า “มีมาขอรับ”
ท่านก็เอาแผ่นกระดาษวางลง กางเลขให้ดูว่า นี่รางวัลที่ 1 นี่เลขท้าย 3 ตัว 4 ครั้ง นี่เลขท้าย 2 ตัว พอล๊อตเตอรี่ออก ปรากฏว่าเลขของท่านตรงเป๋งไม่ต้องกลับตัว ไมมีพลาดเลย เมื่อเห็นจริงแบบนั้นก็กราบขอขมาท่าน เพราะเกรงว่าจะเป็นโทษ ท่านก็บอก
“ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่มีโทษ คนต้องการความจริงแบบนี้ฉันต้องการ แล้วเธอก็ไม่เล่นหวยใช่ไหม”
ก็กราบเรียนท่านว่า “ขอหลวงพ่อตรวจดูซีขอรับว่าผมเล่นไหม”
ท่านบอก “รู้แล้วไม่เล่น เป็นคนไม่โลภ ฉันจะเขียนให้ไปดูเล่นสัก 20 งวดข้างหน้า แล้วก็ถ้าเธออยากรวยละ งวดที่ 21 มาเอาจากฉันนะฉันจะให้”
แล้วท่านก็เขียนอย่างไม่ต้องคิด หยิบกระดาษมาได้ก็เขียนเลย เขียนๆๆ มาให้ก็พับส่งมาให้ บอกใส่กระเป๋าเสีย ประเดี๋ยวไอ้ 2 คนมันจะขอดู ท่านก็หันไปทาง 2 คนที่ไปด้วย บอก
“เอ็งอย่าดูของเขานะ เอ็งดูเมื่อไรตาแตกเมื่อนั้น”
เอาเข้าอีกแล้ว แบบนี้ชาวบ้านสะกิดเจ้าสองคนบอกว่า “ดูไม่ได้ ดูไมได้หรอก ดูได้ก็ตาแตก”ท่านพูดแบบไรเป็นแบบนั้น”
เป็นอันว่าวันนั้นก็ต้องนอนค้างกับท่าน 1 คืน เชื่อใจความสัจจริงของท่าน
เวลากลางคืนประมาณตี 2 ท่านก็ออกมาหา ถามว่า
“ไม่หลับรึ”
ก็กราบเรียนกับท่านว่า “หลับไปพักหนึ่งขอรับ แต่ว่าเวลาตี 2 เป็นเวลาเจริญพระกรรมฐานเกล้ากระผมทำเป็นปกติ”
ท่านบอกว่า “แบบนี้ดีน่อ อย่าไปสนใจเลยนะ เรื่องหวยเรื่องโป”
บอกว่า “กระผมไม่ได้สนใจ ที่มาก็ปรารถนาจะหาความเป็นจริง เพราะพระที่ให้หวยได้ พบมาหลายองค์แล้ว 10 กว่าองค์ ไม่เห็นตรงสักองค์”
ท่านก็หัวเราะชอบใจว่า “นั่นเขาไม่ได้รู้เลขหรอก เขามีอุปาทานเป็นเครื่องยึด ถือความฝันบ้าง คิดเอาเองบ้าง คิดเลขล๊อคบ้าง มันไม่รู้จริง”
ก็เลยนั่งคุยกับท่านพักหนึ่ง ท่านถามว่า “อยากจะรู้เรื่องอะไร “
ก็เลยกราบเรียนท่านว่า “เรื่องหวยหมดสงสัยขอรับ กระผมก็ไม่สนใจจะเรียน”
ท่านก็บอกว่า “ไม่ต้องเรียนหรอก ต่อไปข้างหน้าถ้าจิตเข้าถึงก็รู้เอง เรื่องนี้ไม่สำคัญ”
เลยกราบเรียนท่านว่า “อะไรสำคัญ”
ท่านก็บอกว่า “เรื่องที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ การสร้างสั่งสมบารมี ขอให้พยายามสั่งสมบารมีให้มาก ท่านถามว่าเธอปรารถนาพุทธภูมิใช่ไหม”
เวลานั้นกำลังปรารภพุทธภูมิ ท่านก็บอกให้ทราบว่า “เธอบำเพ็ญบารมีมามาก แต่ก็สงสัยว่าจะลาจากพุทธภูมิเสียละน่อ”
ท่านว่ายังงั้น เวลานั้นกำลังใจยังดี ยังหนุ่มอยู่ จึงกราบเรียนถามท่านว่า “ทำไมจึงจะลาขอรับ กระผมมีกำลังใจปรารภด้านพุทธภูมิเป็นพิเศษ”
ท่านบอกว่า “ถ้าชาตินี้ไม่ลา ก็เดินไปจนถึงที่สุดน่อ แต่เกรงว่าปลายมือชาตินี้จะลา”
ก็กราบเรียนถามท่านว่า “จะลาเพราะอะไร”
ท่านก็บอกว่า “จะเจอะพระเน่าเข้าน่อ เมื่อเห็นพระเน่ามากๆ เธอก็เบื่อ ในที่สุดก็ลาพุทธภูมิ ปรารถนาไปเลย”
ก็ถามท่านว่า “ถ้าปรารถนาไปเลยนี่จะไปได้ไหม”
ท่านก็ยิ้ม “บอกว่าไม่ยากเลยน่อ เพราะกำลังมันเกินแล้ว ถ้าจะไปเลยละ กำลังมันเกินแล้ว ไปเมื่อไรก็ได้”
เป็นอันว่าฟังท่านไว้ แล้วท่านก็สอนอรรถธรรมแบบง่ายๆ บอกว่า
ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่มีอะไรเกินธรรมดา ท่านสอนให้ยอมรับนับถือกฎของธรรมดา วางทุกข์เสียให้รู้ว่า สิ่งนี้เป็นธรรมดา อะไรก็ตามเถอะ ถ้ามันเกิดขึ้นกับเรา มันเป็นธรรมดาของโลกทั้งนั้น ในเมื่อร่างกายเรามีอยู่ในโลกเท่านี้เอง
เป็นคำสอนของท่านเป็นใจความแต่รู้สึกว่ามีความหมายดี พอตอนเช้าก่อนจะกลับ เจ้าสองคนที่ไปด้วย ความจริงไม่ใช่ลูกศิษย์ที่เอามาจากวัด แต่ว่าเป็นเพื่อนกันไปสมัยเด็กๆ คนหนึ่งเป็นนายอำเภอ คนหนึ่งเป็นผู้บังคับกองตำรวจแต่ขอสงวนนาม เวลานี้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ไปแล้วก็มี แล้วตายไปเสียคนหนึ่งแล้ว นายตำรวจทราบว่าไปเป็นผู้กำกับแล้วก็ตายเสียด้วย ตายเพราะอะไร เพราะว่าแกชอบเหล้ากับผู้หญิงมาก แล้วผู้หญิงกับเหล้าก็ไม่รังเกียจแก แกก็เป็นคนดีเมตตามาก แต่โรคที่เป็นไม่ใช่โรคผู้หญิง ไม่ใช่โรคกินเหล้าเมาตาย เป็นโรคตับแข็งตาย นี่เป็นอานิสงส์ เป็นเรื่องของแก
ก่อนจะกลับ เจ้าสองคนก็เข้าไปกราบบอกหลวงพ่อขอรับ การเดินทางมาคราวนี้ ผมต้องออกค่ารถค่าเรือทุกอย่างพระไม่ได้ออกเลย หลวงพ่อให้หวยแต่พระ ไม่ให้ผมบ้างก็แย่ ลูกเมียผมก็ยากจน ท่านก็มองๆ ดูไอ้สองคนนี่เป็นข้าราชการ แต่ความจริงไม่ได้แต่งเครื่องแบบ
“คนนี้เป็นนายตำรวจ คนนี้เป็นนายอำเภอใช่ไหม”
สองคนก็กราบเรียนท่านว่า “ใช่”
ท่านบอกว่า “เงินเดือนก็มีมากแล้วน่อ จะเอาไปทำไม”
เจ้าพวกนั้นก็บอกว่า “เงินเดือนก็แค่ไม่ถึงเดือนขอรับ ผมโกงเขาไม่เป็น ก็เลยไม่ค่อยจะพอใช้”
ท่านนั่งประเดี๋ยว บอก “เอ้อจริงน่อ จริง โกงไม่เป็นน่อ เมื่อโกงไม่เป็นพ่อก็จะสงเคราะห์ก็ได้ ให้สัญญากับพ่อนะ ให้เลขไปละก็ เล่นกันอย่าให้เกินคนละ 20 บาท ถ้าใครซื้อเกินคนละ 20 บาท คนนั้นเป็นง่อยน่อ”
ท่านก็เขียนเลขท้ายรางวัลที่ 1 ให้สามตัว บอก “เอาไปเล่นได้ไม่ต้องกลับ”
พอกลับมาในรถไฟ เจ้าสองคนก็นั่งบ่น ไอ้ความโลภของมันมาก มันก็บอกว่า “เล่นกันคนละ 20 บาท 20 บาทก็ได้หมื่นสองพัน”
ความจริงเงินมันก็มาก แต่มันบอกว่า ไม่พอ ก็เลยบอกว่า
“นี่เราเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่นะ คนนี้ก็เป็นร้อยตำรวจเอก เจ้านี่ก็เป็นข้าราชการชั้นโท เป็นนายอำเภอ ไอ้เจ้านี่เป็นผู้บังคับกอง ทำไมมันถึงโง่บัดซบแบบนี้วะ ท่านบอกมาแต่เพียงว่าใครเล่นเกินคนละ 20 บาท คนนั้นเป็นง่อย ตานี้เอ็งไปถึงบ้านเอ็งก็เล่น 20 บาท แล้วให้เมียเล่น 20 บาท ลูกทุกคนคนละ 20 บาท ท่านไม่ได้จำกัดมานี่ว่าให้เล่นคนเดียว แล้วก็ไม่เกิน 20 บาท”
แหมเจ้า 2 คนนั่นก็ดีใจใหญ่ บอกว่า “เอ็งมันโง่แบบนี้ ไม่ได้ฟังเสียงพระ พระพูดน่ะมีคำจำกัด เพราะว่าท่านบอกแต่เพียงว่า ถ้าใครเล่นเกินคนละ 20 บาท คนนั้นเป็นง่อย แต่ว่าหวยอันนี้ เลขอันนี้จะให้คนภายนอกเขาเล่นไม่ได้นะ อย่าให้เขารู้ เพราะว่าไม่ใช่เป็นเลขสาธารณะ”
เขาก็รับคำ เป็นอันว่ามาถึงบ้านเขาก็ให้เมียเล่น 20 บาท ลูกกี่คนคนละ 20 บาท ตัวเขา 20 บาท หวยงวดนั้นให้ผลจริงๆ ออกตรงเป๋งไม่มีการกลับ เป็นอันว่าได้เงิน ตานี้ ต่อมาเขาก็มาถามเลขที่หลวงพ่อให้มาดู ตอบว่า “ไม่ได้ ท่านให้มาดูอย่างเดียว จะบอกแกก็ไม่ได้ ฉันจะเล่นก็ไม่ได้ ใครเล่นก็ได้ ถ้าใครลักไปก็หมายความว่าคนนั้นตาแตก”
เจ้าสองคนก็บอกว่า “ท่านแช่งทับแบบนี้ผมก็แย่”
บอกว่า “ก็ควรจะแย่ เท่านั้นพอแล้ว”

ต่อมาเมื่อข่าวนี้ปรากฏขึ้น อาตมามาป่วยอยู่ปี พ.ศ. 2500 มานอนป่วยอยู่ที่กรมแพทย์ทหารเรือ หลังจากนั้นมาก็หลายปี มีชาวราชบุรี คือ นายแจ่ม เปาเล้ง นายสาลี่ เปาเล้ง นายเฉลิม คงทอง มาเยี่ยม เอาเงินมาถวายคนละพันช่วยค่ารักษาตัว แล้วเขาก็ถามว่า
“อาจารย์มีหวยไหม ผมขอหวย”
ตอบว่า “หวยมี แต่หวยฉันเจ้ามือมันชอบกินอย่าเอาเลย ทางที่ดีถ้าอยากได้หวย ให้ไปขอหลวงพ่อเขียนวัดบางขุนเณร อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร เวลาไปสังเกตดูนะ ถ้าคนมากๆ อย่าพูดอะไรกับท่าน พูดปกติธรรมดาอย่าขอ ถ้าหากว่าคนไม่มี มีคนว่างละก็ถวายดอกไม้ธูปเทียน แล้วก็กราบเรียนท่านว่า ขอหวยสักครั้ง จะไม่รบกวนเป็นครั้งที่ 2 เท่านี้พวกเธอจะถูกหวย จำไว้ให้ดี”
เขาก็จำไว้ รุ่งขึ้นเขาก็เดินทางมา แต่ไอ้คนที่ไม่มีวินัยไม่มีระเบียบวินัยมันมีอยู่ คือคนพ่อตา ได้แต่นายแจ่ม เปาเล้ง พ่อตานายเฉลิม คงทอง พี่ชายนายสาลี่เปาเล้ง พอมาถึงแล้วคนมีหลายคน ก็กราบเรียนท่านว่า จะมาขอเลขหวย ท่านก็เขียนให้สาม – สี่ชุด เขียนอย่างไม่ยาก ใครถามก็เขียนเลย ท่านบอกท่านชื่อเขียน ท่านชอบเขียน เขาจึงให้ชื่อเขียน ในที่สุดใครมาขอท่าน ท่านก็เขียน
ในเมื่อคนหมดแล้ว นายสาลี่กับนายเฉลิมเอาดอกไม้ธูปเทียนไปถวายท่าน บอก
“เกล้ากระผมจะมาขอเลขหวยขอรับ แต่จะขอรบกวนหลวงพ่องวดเดียว ไม่รบกวนเป็นวาระที่ 2 ขอเอาไปตั้งตัว”
ท่านมองดู มองหน้ามองหลังเห็นไม่มีใครก็หยิบเศษกระดาษมา เขียนให้ 4 ชุด ชุดละ 3 ตัว ท่านบอก
“เก็บไว้นะ ถ้าชาวบ้านแถวนี้ขอดูละก็อย่าให้”
เป็นอันว่าตอนเช้า 3 คนนั้นก็เดินทางกลับ กลับเขาก็มาแวะที่อาตมาที่กรมแพทย์ทหารเรือ เขาถามว่า
“คราวนี้จะเล่นอะไร”
ก็มองๆ ดูเลขแล้วเห็นมันเลข 4 ชุด อันนี้ถูก 2 ชุด ในใจมีความรู้สึกนะ ก็บอกเขาว่า “ไอ้เลขที่มีเลขท้าย 30 นี่น่ะ งวดนี้ออก แต่ถึงเลขอื่นยังไม่ออกก็ควรจะกันไว้ จะเชื่อฉันไม่ได้ ฉันก็ไม่แน่ใจในตัวฉัน แต่ฉันฝันว่าเห็นเลข 0 มันอยู่ท้าย”
ฉันว่ายังงั้น เป็นอันว่าซื้อกัน นายทหารในนั้นก็ซื้อ แต่ก็มีนายทหารหลายคนไม่ชอบหลวงพ่อเขียน เขามีตัวเก็งของเขา เจ้าเรือโทสนั่นกับเรือโทสอาด สองคนสงสารมันว่ามันพยาบาลดี มันช่วยสงเคราะห์อนุเคราะห์ในการจัดหาอาหารอะไรต่ออะไรก็ตามเถอะ ตอนที่ไปป่วยน่ะ เขาปฏิบัติดี แต่มันไม่เล่นกัน ก็บอกว่า
“สองคนนี่เล่นตัวนี้สักบาทซิ เอาสักบาทเดียวไม่ต้องมาก”
เป็นอันว่าเขาก็ยอมเล่นกันคนกี่บาทไม่ทราบ เลขตัวนั้นออก 3 ตัวตรงๆ พอรุ่งขึ้นอีกงวดมันก็เหลือ 3 ชุด ก็เลยบอกเขาว่า
“คราวนี้ฉันจะไม่บอกละว่าชุดไหนมันจะออก แต่ว่ามันจะถูกแค่ 2 ตัว ให้ตัดตัวหน้าทิ้งไป ฉันรู้แค่นั้นนะ หรือพวกเราจะเผื่อกันไว้บ้างก็ได้ เผื่อมันจะถูกทั้งหมด อย่างนี้ฉันรับรองไม่ได้”
เป็นอันว่างวดนั้นเขาถูกกันอีกคราว ก็เลยบอกว่า “เลขชุดนี้หมดไป ไม่ต้องเล่นอีก ไม่ออก”
แล้วแต่มาเด็กสาวๆ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2 คน อายุประมาณ 18 – 19 กะๆ ดู ถามดูอายุไม่ถึง 20 รูปร่างหน้าตาดีมาเยี่ยมที่กรมแพทย์ทหารเรือ คุยกันไป คุยกันมา ก็บอกว่า แม่คนเดียว พ่อก็ไม่มี ไอ้ตัวเธอก็คนหนึ่ง มีน้องกำลังเรียน ยากจน อยากจะขอเลขหวย ก็เลยบอกว่า
“ไม่มีหรอกอีหนูไปหาหลวงพ่อเขียนซี”
แนะนำให้ไป เธอก็ไปตามนั้น พอไปถึงแล้ว ท่านก็เขียนให้สี่ชุดเหมือนกัน แบบเดียวกันนะ บอกว่าจะขอคราวเดียว แต่อีกคนหนึ่งมี่ลาภ ท่านก็บอกว่า
“คนที่ตามมานี่น่ะไม่มีลาภ แต่อีหนู ถ้าคนนี้เขาเล่นอะไรละ เอ็งเล่นตัวนั้นนะ เล่นตามเขา ถ้าเอ็งไม่เล่นตามเขาละก็เอ็งจะไม่ได้อะไรเลย จะขาดทุนในการเดินทาง”
แล้วท่านก็บอกด้วยว่า “คนที่จะถูกน่ะ มีลาภหมื่นเดียว หมื่นกว่าๆ” เรียกว่าเธอมีลาภ 20 บาท ไอ้ตัวที่จะถูกน่ะ 20 บาท แต่ว่าตัวไหนท่านไม่บอก ท่านบอกแต่เพียงว่า
“ตัวที่เอ็งจะถูกน่ะ แค่ 20 บาทเท่านั้นแหละ ไม่ต้องไปเล่นเกิน เล่นมันตัวละ 20 บาท ถ้าตัวไหนเล่นเกิน 20 บาท ตัวนั้นไม่ถูก”
แล้วก็คนนั้นที่ไปด้วยน่ะ เวลาเล่นจริงๆ ปรากฏว่าไม่อยากเล่นไอ้ตัวที่ถูก เพื่อนก็เลยบอกว่า
“เอ้า หลวงพ่อสั่งมาแล้วว่าฉันเล่นอะไรแกต้องเล่นตัวนั้น”
ก็เลยตามไอ้ตัวที่ถูกเขาไป 5 บาท ในที่สุด ไอ้ตัวที่อีหนูคนนั้นเล่น 20 บาท ก็ถูก เพื่อนก็เลยพลอยถูกด้วย 5 บาท
นี่แหละ บรรดาท่านผู้ฟัง เรื่องหวยน่ะ พระรู้ได้จริงๆ มี แต่เมื่อรู้หวยแล้วท่านก็รู้ลาภของคนรู้บุญของคนด้วย ฉะนั้น คนที่จะถูกหวยหรือไม่ถูกหวย พระที่ได้ญาณพิเศษท่านรู้ แล้วโปรดอย่าเหมา อย่าคิดว่าพระเป็นโจรปล้นเจ้ามือเลยนะ พระรู้ได้แต่เล่นไม่ได้ เพราะความโลภถ้ายังมีอยู่เพียงใด เลขหวยก็มองไม่เห็นเพียงนั้น ถ้าเห็นก็เห็นเป็นหวยปลอม บางครั้งก็ถูก บางครั้งก็ผิด ถ้าหากว่าหวยจริงๆ หวยดีๆ ก็ต้องจิตบริสุทธิ์
เอาละ เรื่องของหลวงพ่อเขียนก็ระงับกันแค่นี้นะ รู้กันว่าพระรู้หวยได้แล้วรู้ว่าคนจะรวยได้ หรือไม่ได้เหมือนกัน
http://www.dharma-gateway.com/…/monk_biography/lp-kean/lp-k…

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: