1379. ย้อนรอยตำนานหลวงพ่อเฟื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

….ประวัติของหลวงพ่อเฟื่องนั้น ไม่ได้มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรระยะแรก แต่ก็ได้มีการบอกเล่ากันต่อๆ มา พอจะสรุปได้ดังนี้ครับ หลวงพ่อเฟื่องท่านเกิดเมื่อประมาณ พ.ศ.2405 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อตอนเด็กท่านบวชเณรที่วัดบางงอนติดกับอำเภอพุนพิน มีพระอุปัชฌาย์เย็น เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาได้อุปสมบทที่วัดท่าโขลง อำเภอพุมดวง (ปัจจุบันคืออำเภอท่าโรงช้าง) พระอุปัชฌาย์ เย็น เป็นพระอุปัชฌาย์ เช่นเดิม

เมื่อท่านบวชแล้วก็อยู่จำพรรษาที่วัดท่าโขลง ราว 3 พรรษา ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานจากพระอุปัชฌาย์ของท่าน หลังจากนั้นก็ได้ออกธุดงค์ตามป่าเขาเรื่อยมา ท่านธุดงค์ไปจนถึงมะริด เข้าพม่าและลาว ท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า บางครั้งก็เจอโครงกระดูก และอัฐบริขารตามป่าลึก ซึ่งพระธุดงค์ได้มาเสียชีวิตกลางป่า ส่วนการบิณฑ บาตในป่าลึก ท่านเล่าว่า ในครั้งแรกๆ ก็ได้ฉันหัวมันตามป่าที่พอหาได้ ภายหลังท่านก็ได้อาศัยบิณฑบาตตามต้นไม้ใหญ่ๆ ก็มีคนมาใส่บาตรให้ท่านเสมอ เมื่อลูกศิษย์ถามว่าใครมาใส่บาตรให้ในป่าลึก ท่านก็หัวเราะฮึๆ เฉยเสียมิได้ตอบว่ากระไร

หลวงพ่อเฟื่องท่านคนร่างเล็ก สันทัดผิวดำแดง จุดเด่นของท่านคือมีนัยน์ตาดุมาก พูดน้อย ชอบอยู่เงียบๆ หลวงพ่อเฟื่องท่านล่วงรู้จิตใจคนได้ บางคนไปหาท่านยังไม่ได้เอ่ยอะไรเลย ท่านก็เอ่ยออกมาก่อนเหมือนล่วงรู้ว่าจะถามอะไร หลวงพ่อท่านคล้าย วัดสวนขันก็นับถือหลวงพ่อเฟื่องมากๆ ไปมาหาสู่หลวงพ่อเฟื่องเสมอๆ ท่านธุดงค์ไปเรื่อยๆ ในปี พ.ศ.2472 นายมั่น ศรีประสม และนางโซ้ยหั่น ชาวบ้านควนรัง ได้พบหลวงพ่อเฟื่องเดินธุดงค์ผ่านมาบังเกิดความศรัทธาจึงได้นิมนต์ให้ท่านปักกลดในเขตสวน โดยสองสามีภรรยาและน้องๆ ได้นำอาหารมาถวาย เมื่อถึงคราวเข้าพรรษาท่านก็ได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเกาะ ต่อมาในปี พ.ศ.2480 นายไข่ นายทองและคณะกรรมการวัดคงคาเลียบได้มานิมนต์หลวงพ่อให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดคงคาเลียบ โดยช่วยกันสร้างกุฏิไม้ไผ่ให้ท่าน ในขณะที่กำลังช่วยกันสร้างกุฏิอยู่นั้น ใกล้เวลาเที่ยง พวกคนงานที่มาช่วยบ่นหิวข้าว จะขอกลับไปกินข้าวก่อนค่อยมาใหม่หลวงพ่อเฟื่องท่านก็บอกว่า “ไม่ต้องกลับไปหรอก กำลังมีคนเอาข้าวมาส่งแล้ว แต่ทางมันยากมาช้า นี่ก็จวนถึงแล้ว” ต่อมาซักพักก็มีคนนำปิ่นโตและข้าวปลาอาหารมาถวายให้ท่าน และพวกคนงาน ต่างคนก็พากันทึ่งและนำไปเล่าต่อๆ กันฟัง

เมื่อท่านอยู่ที่วัดคงคาเลียบ ชาวนาละแวกนั้นต่างเคารพท่านมาก คราวหนึ่งมีหนูลงนาทำความเสียหายมาก เมื่อมีคนมาบอกและขอร้องท่าน ท่านจึงเอาก้อนอิฐมาเสกให้เอาไปไว้ในนาที่หนูลง ปรากฏว่าหนูไม่มาลงในนาอีกเลย หนทางไปวัดคงคาเลียบในสมัยนั้นยากลำบาก แต่ก็มีคนจากตลาดและละแวกใกล้เคียงไปหาท่านไม่ขาดระยะ บางคนไปขอหวย ท่านก็สอนไปว่า ให้ไม่ได้ ใครมีโชคก็มีเอง ใครไม่มีโชคก็ไม่มี แต่ผู้คนก็ชอบไปนั่งเฝ้าท่านและนำมาตีเป็นเลข ปรากฏว่าถูกไปตามๆ กัน

ในปี พ.ศ.2483 เกิดสงครามโลก มีการทิ้งระเบิดบริเวณสถานีรถไฟ มีคนตายกันหลายคน จึงมีคนไปขอร้องท่านและบอกเรื่องเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ท่านก็บอกว่า

“ฉันรู้แล้ว”นายมั่น ศรีประสม จึงขอให้ท่านช่วย ท่านจึงบอกว่า “เออจะให้มันเอาไปทิ้งทะเลสงขลา” ซึ่งปรากฏว่าต่อมาลูกระเบิดที่นำทิ้งต่างลงทะเลไปหมด เป็นที่อัศจรรย์แก่ชาวบ้านแถบนั้นมาก มีอีกเรื่องหนึ่ง มีชาวจนย่านตลาด อยากจะทดลองท่านจึงไปหาท่าน เมื่อคุยกันไปแล้ว ก็เหลือบเห็นต้นมันอยู่ข้างกุฏิของท่าน จึงถามท่านว่า “หลวงพ่อครับ มันตรงนี้มีกี่หัวครับ” หลวงพ่อก็บอกว่า “พวกเอ็งอยากลองภูมิข้างั้นเรอะ มันตรงนี้มี 7 หัว” แล้วท่านก็เข้ากุฏิไป พวกนั้นก็ลงไปขุดดูปรากฏว่ามี 7 หัวจริงๆ

หลวงพ่อเฟื่องท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่างเช่น ด้ายมงคลสีแดง น้ำมันงาและน้ำมันมะพร้าวเสกชานหมาก ตะกรุด พระเครื่องพิมพ์ชินราชเนื้อดินเผา ข้างหลังมีจารตัว ฟ หลวงพ่อเฟื่องท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 4 มกราคม ปี พ.ศ.2499 สิริอายุได้ 94 พรรษา 74 หลังจากหลวงพ่อเฟื่องมรณภาพแล้ว หลวงพ่อท่านคล้ายได้จัดทอดกฐินให้ทางวัดคงคาเลียบทุกปี และได้จัดสร้างพระเจดีย์เพื่อบรรจุอัฐิของหลวงพ่อเฟื่อง เริ่มสร้างในปี พ.ศ.2502 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2505 ตอนบรรจุอัฐิของท่านเกิดมหัศจรรย์ บังเกิดสายรุ้งเป็นรัศมีวงกลมขึ้นทั้งๆ ที่ท้องฟ้าแจ่มใส ผู้ร่วมงานต่างกล่าวสาธุ ปลื้มปีติกันถ้วนทั่ว..

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : เล่า เรื่อง “พระ “

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: