1337. ลูกพี่ลูกน้อง..หลวงพ่อเดิม ปฐมบทมีดหมออันลือลั่น “หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองศรีนวล” กันคุณไสย กันผี คุ้มครองได้ทุกอย่าง อานุภาพ ๑๐๘ ประการ

มีดหมอหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล

หลวงพ่อรุ่ง ฆํคสุวณฺโณ วัดหนองสีนวล อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

วัดหนองสีนวล อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เป็นวัดดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับกองบิน ๔ มากที่สุด อยู่ห่างจากพื้นที่กองบิน ๔ ไม่ถึง๑ ก.ม. โดยอยู่ทิศเหนือของ กองบิน ๔ ( หลังกองบิน ๔ ) ซึ่งวัดนี้หลวงพ่อรุ่งเป็นผู้สร้าง และเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก

หลวงพ่อรุ่ง ฆํคสุวณฺโณ เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ.๒๔๑๒ ที่บ้านหัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ โดยบิดาชื่อ แป้น แป้นโต โยมมารดาชื่อ พุ่ม แป้นโต อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดมะปรางเหลือง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยมีหลวงพ่อปั้น วัดหัวถนน เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเงิน วัดมะปรางเมือง เป็นกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล เป็นอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษา ณ วัดมะปรางเหลือง

ศึกษา – พัฒนา ได้ศึกษาธรรมวินัยที่วัดมะปรางเหลืองกับพระกรรมวาจาจารย์ ทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระปรากฏว่าท่านสามารถหยั่งรู้ความเป็นไปของสัตว์ในคติภพต่างๆ เมื่อศึกษาจนเป็นที่พอใจในระดับหนึ่งแล้ว ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิดคือ วัดหัวหวาย และเมื่อวัดว่างเจ้าอาวาส ท่านก็ได้รับเป็นเจ้าอาวาสวัดหัวหวาย ในขณะที่พรรษาได้ประมาณ ๕ พรรษา ต่อมาที่บ้านหัวหวายมีความเดือดร้อนลำเค็ญเกี่ยวกับเรื่องน้ำและสภาวะบีบคั้นด้านอื่นๆ ท่านสงสารญาติโยมจึงได้จาริก แสวงหาทำเลที่ตั้งหมู่บ้านใหม่ โดยท่านได้ใช้วิชาที่ศึกษาเล่าเรียนมาเสี่ยงทายหาทำเลที่เหมาะสมประมาณ ๔-๕ ที่ จึงได้มาพบหนองน้ำที่มีนกเขาชุกชุมมากและมีนกเขาตัวหนึ่งสีนวลสวยงามเป็น จุดเด่นอยู่ด้วย ท่านจึงตกลงใจยึดทำที่เหมาะสมกลับไปนำญาติโยมจากบ้านหัวหวายอพยพมาอยู่ครั้งแรก ๓๐ ครอบครัว ต่อมาได้อพยพตามมาเป็นจำนวนมาก ท่านได้รื้อกุฏิและศาลาวัดหัวหวายมาสร้างที่ วัดหนองสีนวลด้วยโดยได้สร้าง วัดหนองสีนวล เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๔ ตรงกับรัชสมัยของพระปิยมหาราช ร.๕ ครั้งถึง พ.ศ.๒๔๕๓ ท่านได้พบพระแสงศร และได้นำทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๖ ด้วยตนเอง ซึ่งพระแสงศรดังกล่าวจัดเป็นของสำคัญอีกอย่างหนึ่งในรัชสมัยของพระองค์ด้วย

ความเกี่ยวพันกับหลวงพ่อเดิมฯ หลวงพ่อรุ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกับหลวงพ่อเดิม โดยโยมมารดาของท่านทั้งสองเป็นพี่น้องกันและท่านทั้งสองได้ช่วยกันปฏิบัติศาสนกิจมาโดยลำดับเช่น การก่อสร้างอุโบสถ วัดหนองสีนวล ก็ปรากฏว่าหลวงพ่อเดิมได้มีส่วนช่วยในการก่อสร้างจนสำเร็จ ลุล่วงอย่างรวดเร็ว หลวงพ่อรุ่งได้พัฒนาวัดหนองสีนวลมาโดยลำดับจนถึง วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ท่านได้มรณภาพละสังขาร สิริรวมอายุได้ ๗๗ปี พรรษา ๕๔ เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวล ๔๔ ปี

“มีดหมอหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล” เป็นเครื่องรางของขลังที่หลวงพ่อรุ่งท่านได้บรรจงจัดสร้างเอาไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดินให้ลูกหลานได้เก็บรักษาไว้ป้องกันภัยอันตรายที่จะเข้ามาถึง หลวงพ่อรุ่งท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลวงพ่อเดิม และท่านก็เป็นผู้ริเริ่มสร้างมีดหมอขึ้นมาก่อนเป็นลำดับแรก หลวงพ่อเดิมท่านรู้เข้าก็มาเที่ยวที่วัดหนองสีนวล และมาศึกษาวิชาการทำมีดหมอจากหลวงพ่อรุ่ง และนำกลับไปทำของท่านบ้างที่วัดและเริ่มโด่งดังกันมาเป็นลำดับ แต่มีดหมอของหลวงพ่อรุ่งท่านทำไว้น้อยและหายากกว่าของหลวงพ่อเดิม แต่ราคาไม่สูงนัก แต่พุทธคุณเหมือนกันทุกประการ สำหรับวิธีการใช้คือ

๑. ป้องกันคุณไสยเวลาติดตัวอยู่ไม่ต้องกลัวใครกระทำย่ำยีแต่อย่างใด

๒. ป้องกันตัวเองจากศัตรูหมู่ร้าย เป็นมหาอำนาจ เป็นเมตตา เป็นแคล้วคลาด เป็นมหาอุตม์

๓. ขับภูตผีปีศาจที่เข้าคนธรรมดา หรือมีผู้ปล่อยมาให้เข้าสิง

๔. อาราธนาทำน้ำมนต์แก้คุณไสย หรือแก้เสนียดจังไรต่างๆ ตลอดจนฝันร้าย

๕. แก้อาถรรพ์ความคงกระพันต่างๆ แม้จะสักยันต์ใดหรือกินว่าน หรือมีของดีตามธรรมชาติ เมื่อโดนมีดหมอของหลวงพ่อจะคลายเหนียวทุกทีไป นักเลงสมัยก่อนกลัวมีดหมอของหลวงพ่อกันนัก เพราะถูกทีไรเป็นเปื่อยยุ่ยไม่คงทน

๖. ด้ามงานั้นอาราธนาฝนกับฝาละมีหม้อดิน ด้วยน้ำล้างใบมีดจะแก้พิษสัตว์กัดต่อยได้ ทาบริเวณที่ถูกสัตว์กัดต่อย

๗. ป้องกันอสรพิษ สัตว์มีพิษ ทั้งหลาย เมื่อมีมีดหมอของหลวงพ่อติดตัว ตลอดจนเขี้ยวงาต่างๆ

๘. มีดหมอหลวงพ่อไม่ทำอันตรายกับผู้ที่มีมีดหมอเหมือนกัน เป็นการป้องกันการที่ลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันทำร้ายกัน

๙. บูชาไว้กับบ้านป้องกันอัคคีภัย และโจรภัย อาราธนาแล้วมีอันตรายจะรู้ตัวก่อนทุกทีไป

๑๐. เมื่อไปต่างถิ่นหรือต่างบ้าน หรือนอนกลางดินกลางทรายในป่า ให้เอาปลายมีดของหลวงพ่อกล่าวขอขมาแม่พระธรณี แล้วขีดวางลงไปเป็นรูปเหลี่ยมหรือรูปวงกลมรอบๆตัวของผู้ที่พักนอน มดและสัตว์จะไม่มาใกล้ รวมทั้งกันภูตผีปีศาจด้วย

๑๑. เมื่อจะไปทางน้ำกลัวอันตรายจากสัตว์เช่น จระเข้ หรือสัตว์ร้ายอื่นๆ เช่นผีพราย ปลาไหลไฟฟ้า ให้ชักมีดออกจากฝักคาบไว้ในปากเวลาข้ามน้ำ หรือคาบทั้งฝักก็ได้ หรือเอามีดโบกน้ำนำหน้าไปจะปลอดภัย

๑๒. เมื่อฝีร้ายอาการกลัดหนอง ปวดร้าว ทรมาน หรือเพิ่งเริ่มเป็นให้ใช้มีดหมอของหลวงพ่อ เอาทางปลายแหลมวนเบาๆ เป็นวงกลมรอบๆหัวฝีระลึกถึงหลวงพ่อแล้วเป่าลมกำกับด้วย ถ้าเพิ่งเริ่มเป็นจะยุบหาย ถ้าเป็นมากกลัดหนอง ให้วนด้วยปลายมีดแล้วยกมีดหมอเหนือหัวฝีกลั้นใจทำการผ่าหัวฝีบนอากาศเหนือผิวหนัง กรีดอากาศไปมาสลับกันแล้วเป่าลมระลึกถึงหลวงพ่อ ฝีจะแตกภายใน ๓ วันและไม่เป็นพิษแต่อย่างไร

๑๓. เมื่อไปต่างถิ่นจะไปกินอาหารแต่ไม่แน่ใจว่าจะมีพิษหรือไม่ ให้เอาด้ามมีดหมอของหลวงพ่อจุ่มลงไปในอาหารเสียก่อน เป็นการป้องก้น ถ้างามีสีดำอย่ากิน ในกรณีที่กินเข้าไปแล้วมีอาการแสลง ให้นำมีดหมอของหลวงพ่อออกจาฝัก อาราธนาถึงหลวงพ่อแกว่งลงไปในขันน้ำ แก้วน้ำ หรือภาชนะอื่นใด ใส่น้ำดื่มกินเข้าไปจะแก้ยาเบื่อ ยาสั่งได้ ถ้าเป็นยาพิษจะลดกำลังลงพอหาหมอแก้ไขได้ทันที

๑๔. เมื่อถูกคุณ(ลมเพลมพัด) เรียกว่าปล่อยมาตามอากาศ ทำให้มีอาการบวมตามตัว เป็นลูกๆ เดี๋ยวบวมที่โน่น เดี๋ยวบวมที่นี่ ให้เอามีดหมอหลวงพ่ออาราธนาทำน้ำมนต์ระลึกถึงบารมีของหลวงพ่อกินเข้าไป แล้วจึงเอามีดหมอออกจากฝัก ไล่ก้อนที่บวมนั้นตั้งแต่บริเวณต้นที่บวมถ้าเป็นคุณที่ถูกปล่อยมาก้อนบวมมันจะเคลื่อนหนีปลายมีดหลวงพ่อ ให้ไล่ปลายมีดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปสุดที่ปลายมือ หรือปลายเท้า จะออกไป แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสดงว่าไม่ใช่คุณที่เขาปล่อยมาแน่ แต่เป็นบวมธรรมดา ไม่ช้าก็หาย

ก่อนใช้มีดหมอของหลวงพ่อควรใช้คาถาอาวุธ ๕ประการทุกครั้งกำกับด้วย

“สักกัสสะวชิราวุทธัง เวสสุวันนะสะคะธาวุทธัง อาฬาวะกะสะธุสาวุทธัง ยะมะสะนัยนาวุทธัง ณารายยะสะจักกะราวุทธัง ปัญจอาวุทธานัง เอเตสังอานุภาเวนะ ปัญจะอาวุธธานังภัคคะภัคขา วิจุณนัง วิจุณาโลมังมาเมนะ พุทธะสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฐาหิ ซึ่งพระคาถานี้รวมอาวุธห้าประการที่ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์คือ

วชิราวุธ..อาวุธประจำกายพระอินทร์ที่ปราบมารร้ายและอสูร

ไม้เท้า…(กระบอง)ที่ยันกายขององค์ท้าวเวสสุวรรณ อันเป็นเจ้าแห่งภูตผีทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นผีอะไรต้องเกรงกลัวท่านท้าวเวสสุวรรณทั้งนั้น

ผ้าแดง…ของอาฬาวะกะยักษ์ ที่พ่ายแพ้แก่บารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ้าแดงนี้เป็นอาวุธที่ร้ายแรงตามที่โบราณกล่าวว่าถ้าผ้าผืนนี้ตกลงบนพื้นพิภพแห่งใดจะไหม้เป็นจุณและปลูกอะไรไม่ขึ้นจนตลอดกาล

นัยเนตร…ของท่านพญายมราช ที่เพ่งแล้วภูตผีทั้งหลายจะมอดไหม้ไปเป็นจุลมหาจุล

กงจักร…ของพระนารายณ์ ตามลัทธิพราหมณ์ถือว่ากงจักรของพระนารายณ์นี้ปราบได้ทั้งสวรรค์ อสูร และใต้บาดาล มีอิทธิฤทธิ์มากมายเหลือคณานับ…เมื่อหลวงพ่อได้อัญเชิญความศักดิ์สิทธิ์ของอาวุธทั้ง ๕ประการ ด้วยอำนาจอาคม และไสยวิธีมาสถิตในมีดหมอของหลวงพ่อก็ย่อมวางใจได้ว่า ต้องทรงอำนาจในทางปราบมารร้าย ภูตผีปีศาจอำนาจฝ่ายต่ำ การกระทำย่ำยี และป้องกันอันตรายจากมนุษย์และสัตว์โลกได้อีกด้วย

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

http://nakhonsawanit.blogspot.com/

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: