1324. “หลวงพ่อทองหยิบ วัดบ้านกลาง” ตะกรุดมหาอุด.เหนียวชนิดแมลงไม่มีวันได้กินเลือด

มหาอุดคุ้มครองป้องกัน อยู่ยงคงกระพัน…ตะกรุดมหาอุดหลวงพ่อทองหยิบ วัดบ้านกลาง จ.อ่างทอง

หลวงพ่อทองหยิบ ปชฺโชโต พระเกจิจอมขมังเวทย์ เจ้าตำรับตะกรุดโทนอันลือลั่น สุดยอดคงกระพัน ฉายา “ตะกรุดสร้างวัด” ขึ้นชื่อว่าตะกรุดโทนในยุคนี้แล้ว ต่างยกให้ หลวงพ่อทองหยิบ ปชฺโชโต แห่ง วัดบ้านกลาง จ. อ่างทอง เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร ตะกรุดโทนของท่านมีอานุภาพในทางคุ้มครองป้องกัน อยู่ยงคงกระพัน ติดตัวไว้รับประกันมีดปืนไม่ได้กิน มีประสบการณ์มาแล้วมากมาย ตะกรุดของท่านจะลงเองทุกดอก ชนิดจารเอง ม้วนเอง ถักและปลุกเสกเอง

ตะกรุดหลวงพ่อทองหยิบ เหนียวจนได้ชื่อว่า “เหนียวชนิดแมลงไม่มีวันได้กินเลือด” ตะกรุดแต่ละรุ่นไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการของลูกศิษย์ จะขอเล่าประสบการณ์ให้ฟังสักเล็กน้อย

– ประสบการณ์ หลวงพ่อทองหยิบ ฟันไม่เข้า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ ๒๐กว่าปีมาแล้ว ในการประเพณีแข่งเรือยาวของ จ.อ่างทอง มีเรือดังจากอำเภอต่างๆ และเรือจากต่างจังหวัดใกล้เคียง โดยเรือดังของ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ลำหนึ่งมีทิดเษมป่าโมก (ฉายาป่าโมกนี้ได้มาจากที่ทิดเษมชอบสักยันต์เต็มตัว โดยเริ่มสักจาก พ่อลาป่าโมก เมื่อสมัย ๒๐ ปีที่ แล้วตามด้วยจากสำนักอื่นๆ อีกเช่น พ่อเจียก, พ่อโพธิ์ดำ, พ่อรอด , พ่อแก่, พ่อเที่ยง, พ่อหน่าย เป็นต้น โดยนักเลงสมัยก่อนนิยมสักยันต์ตามร่างกาย) เป็นฝีพายอยู่ในเรือลำนั้นด้วย

ซึ่งวันนั้นมีการวางเงินเดิมพันกันเป็นแสนกับเรือดังต่างถิ่น…เมื่อแข่งขันเรือจนรู้แพ้รู้ชนะกันแล้ว แต่คนเกิดไม่ยอมแพ้เกิดการตะลุมบอนกันขึ้น โดยการใช้ไม้พายเป็นอาวุธแต่ไม่คิดว่าเรือต่างถิ่นมีมีดดาบเตรียมมาด้วย ทิดเษมพลาดท่าถูกฟันเข้าที่ไหล่ด้านหลังอย่างจัง แต่น่าอัศจรรย์คมดาบไม่ระคายผิวทิดเษมเลยเป็นรอยยางบอนเท่านั้น

โดยตัวทิดเษมมีเฉพาะรอยสักของพ่อลาป่าโมก และ ตะกรุดหลวงพ่อทองหยิบ วัดบ้านกลาง จ.อ่างทอง และ ตะกรุดวัดดอนรัก จ.อ่างทอง เท่านั้น ทิดเษมมีความเคารพนับถือหลวงพ่อทองหยิบอย่างมาก ซึ่งภายหลังเมื่อทิดเษมบวชเป็นพระจะทำพิธีใหญ่ๆ ยังต้องนิมนต์หลวงพ่อเข้าร่วมพิธี หรือขอคำแนะนำด้วยทุกครั้ง

ทิดเษมผู้นี้ก็คือ…พระครูวิบูลย์ อาจารคุณ หรือ หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ แห่งวัดม่วงเจริญธรรม ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ผู้สร้างองค์พระที่ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตัก ๑ ไร่ ๑๔ งาน (ปัจจุบันท่านละสังขารแล้ว แต่สังขารหลวงพ่อเกษม ยังไม่เน่าเปื่อยเป็นที่น่าอัศจรรย์ และได้บรรจุไว้ในโลงแก้ว ตั้งให้สาธุชนได้กราบไหว้สักการะ ณ บริเวณวิหารแก้ว วัดม่วงเจริญธรรม)

– มีเด็กสุพรรณคนหนึ่ง ใจนักเลงนับถือหลวงพ่อมาก พกตะกรุดหลวงพ่อติดตัวแบบไม่เคยห่างกาย หลวงพ่อบอกว่าคาดตัวตัวไว้มีดหรือปืนไม่มีได้กิน แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามด่าพ่อด่าแม่ และ ห้ามลอดไม้คล้ำกล้วย หรือไม่อย่างนั้นตะกรุดจะเสื่อมเฉพาะวันที่ด่า อยู่มาวันหนึ่งเจอคู่อริ ๒ คนโดยบังเอิญ จึงโดนรุมตีขนาดใช้มีดไล่ฟันเสื้อขาดและใช้ปืนไล่ยิงแต่ทั้งปืนทั้งมีดไม่สามารถทำอะไรเขาได้

ทำให้คู่อริใจฝ่อทั้งที่ตัวเองมีอาวุธแต่ทำอะไรเขาไม่ได้ สุดท้ายเด็กสุพรรณถอดตะกรุดไล่ฟาด (ตะกรุดตะกั่วแกนทองแดงยาว ๕นิ้ว) คู่อริทั้งสองต้องเผ่นหนีแบบไม่เป็นท่า ทำให้เขานึกนึกคำที่หลวงพ่อพูดเสมอว่า ”เวลาใช้เข้าหานาย ผู้หญิงไว้ซ้าย เข้าหานายชายไว้ขวา ประจันหน้าไว้หน้า หลบไว้หลัง แต่ถ้ามันมากันเป็นฝูงก็หนีนะลูก ถ้าจนมุมจริงให้ถอดตะกรุดเอาตีหัวมันเลย”

หลวงพ่อทองหยิบ

– อีกเรื่อง “รอดตายเพราะวัตถุมงคลหลวงพ่อทองหยิบ” เหตุเกิดจากผมและเพื่อนร่วมงานรวม ๑๘ คน ได้รับคำสั่งให้ไปล่อซื้อยาเสพติดครั้งใหญ่ที่ จ.ปัตตานี ผลการจับกุมก็ถือว่าไม่น่าหนักใจ เพราะจับคนขายยาบ้าได้เกือบหมด (หนีรอดไปได้๑ คน) หลังจากเสร็จภารกิจแล้วก็จะเดินทางกลับ ระหว่างทางเหตุที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

โดยมีรถกระบะ ๓ คันบรรทุกคนพร้อมอาวุธสงครามครบมือ วิ่งมาประกบยิงรถตู้คันที่ผมและเพื่อนรวมงานรวม ๒ คัน แบบไม่ทันตั้งตัวผลปรากฏเพื่อนผมทั้ง๑๗ คน เสียชีวิตหมดในที่เกิดเหตุ เนื่องจากไม่สามารถทนต่ออาวุธสงครามได้ส่วนตัวผมรอดตายราวปาฏิหาริย์

เนื่องจากในคอผมมีพระหลวงพ่อทองหยิบ ปี ๒๕๑๗ แขวนอยู่เหรียญเดียว เสื้อกางเกงมีแต่รอยกระสุนปืนตามตัวเป็นรอยช้ำจากกระสุนปืนที่ยิงเค้าใส่ซึ่งคนที่มาช่วยก็คิดว่าไม่น่ามีใครรอดเพราะรถที่นั่งมาทั้ง ๒คัน พรุนแบบไม่มีชิ้นดีเลย เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผมสำนึกในบุญคุณของหลวงพ่อทองหยิบที่ทำให้ผมรอดชีวิตครับ

หลวงพ่อทองหยิบ ท่านเป็นชาวบ้านกลางโดยกำเนิด เกิดวันพฤหัสบดี แรม ๑๓ค่ำเดือน ๑๑ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ณ บ้านกลาง หมู่ที่ ๓ ต.หนองแม่ไก่ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง โยมบิดาชื่อ เจียม บุญผ่อง โยมมารดาชื่อ ทองสุข บุญผ่อง การศึกษา จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนวัดสนธิธรรม จ.อ่างทอง ครบเกณฑ์ทหาร ได้รับคัดเลือกแต่ไม่ถูกเพราะจับได้ใบดำ จึงได้อุปสมบทในพระบวรศาสนา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๔ ณ วัดบ้านกลาง โดยมี

– พระครูปัญญาสารคณี วัดแสวงหา เจ้าคณะอำเภอแสวงหา เป็นพระอุปัชฌาย์

– หลวงพ่อเบี่ยง วัดหัวสะแกตก เป็นพระกรรมวาจาจารย์

– พระโปร่ง วัดแสวงหา เป็นพระอนุศาสนาจารย์

ตะกรุด ๑๖ ดอก

ด้านพระเวทย์วิทยาคม ได้รับการถ่ายทอดพระเวทย์จากโยมเจียม ซึ่งเป็นโยมบิดา สายพระเวทย์ทางเพชรบุรี ถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ ให้ ทั้งตะกรุดโทน ตะกรุดสามกษัตริย์ ตะกรุด ๑๔ดอก ตะกรุด ๑๖ ดอก น้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ หลวงพ่อทองหยิบได้อาศัยพระเวทย์วิทยาคมที่ได้รับการถ่ายทอดจากโยมบิดาสงเคราะห์ญาติโยมและสร้างความเจริญให้แก่วัดบ้านกลางตามลำดับ

โดยสร้างพระอุโบสถหลังใหม่แล้วเสร็จและฝังลูกนิมิตเมื่อปี๒๕๕๑ ใช้เวลาการสร้าง ๒ ปี งบประมาณ ๘ล้านบาท หลวงพ่อทองหยิบ ท่านเป็นพระสมถะ เรียบง่าย มีเมตตาและเป็นกันเองกับทุกคน เรียกว่าเป็นพระของชาวบ้านก็ว่าได้ลูกศิษย์เคยไปกราบท่านแล้วจะรู้สึกประทับใจและจะไม่ไปครั้งเดียว ไปแล้วต้องไปอีกท่านจะสงเคราะห์ลูกศิษย์ที่ไปหาโดยเสมอหน้าไม่เลือกชั้นวรรณะ ซึ่งส่วนมากจะไปขอให้ท่านอาบน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ให้ ซึ้งน้ำมนต์ของท่านจะมีความขลังศักดิ์สิทธิ์มาก พลิกดวงชะตาร้ายให้กลายเป็นดีใครดวงตกหรือขาด อาบน้ำมนต์เสร็จแล้วท่านจะต่อดวงให้เป็นอันพ้นเคราะห์ไปได้

หลวงพ่อทองหยิบ ได้มรณภาพอย่างสงบ วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๓.๓๕ น. อายุ ๘๘ ปี

ตะกรุดโทน

ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

ตาล ไทยธรณี

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: