1303.ประวัติ “หลวงปู่ดีเนาะ” ผู้เมตตา “ปล้นก็ดีเน๊าะ”

ในจังหวัดอุดรธานี หรือแม้กระทั่งในพื้นที่หลายจังหวัดในภาคอีสาน มีเกจิอาจารย์จำนวนมากมาย หลายสิบองค์ ที่มีลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือกราบไหว้สักการะ ซึ่งเกจิอาจารย์ที่ว่านั้น ส่วนมากนั้นเป็นพระที่อยู่ในสายของธุดงคกรรมฐานเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นท่านหลวงปู่มั่น ภูมิทัตโต หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่วัน วัดถ้ำส่องดาว สกลนคร หลวงปู่เครื่อง ธัมมจาโร วัดเทพสิงหาร อ.น้ำโสม อุดรธานี หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ของจังหวัดเลย

แต่ที่จังหวัดอุดรธานีอีกนั่นแหละที่มี พระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งที่ เป็นพระสงฆ์หรือเป็นพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งที่มีลูกศิษย์ลูกหาไม่น้อย แม้กระทั่งฝรั่งมังค่าที่เคยเดินทางมาราชการสงครามเวียดนามก็ยังรู้จักท่าน เพราะเนื่องจากมีประสบการณ์จากวัตถุมงคลที่ท่านสร้างเอาไว้แจกลูกศิษย์ลูกหลานชาวบ้านทั่วไป พระเกจิอาจารย์รูปนั้นไม่ได้เป็นพระเกจิอาจารย์ที่อยู่ในสายของมหายาน พระเกจิอาจารย์รูปนั้นคือ ท่านพระเทพวิสุทธาจารย์ หรือ เป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่า “หลวงปู่ดีเนาะ” แห่งวัดมัชฌิมาวาส อ.เมือง จ.อุดรธานี

ถ้าเอ่ยชื่อของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดอุดรธานี โดยเฉพาะในเขตเทศบาลแล้ว ชื่อของ พระเทพวิสุทธาจารย์ เจ้าอาวาสองค์ที่ ๓ ของวัดมัชฌิมาวาสนั้น น้อยคนที่จะรู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ถ้าเอ่ยชื่อถึง “หลวงปู่ดีเนาะ” แล้วทุกคนจะรู้จักท่านเป็นอย่างดี เพราะท่าน หลวงปู่ดีเนาะที่ว่านี้ ท่านเป็นพระสงฆ์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า พระเกจิอาจารย์ที่มีประชาชน พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพ นับถือมากไม่แพ้พระเกจิอาจารย์รูปอื่นๆ ในประเทศไทยเลยทีเดียว หลวงปู่ดีเนาะ ท่านเป็นพระผู้มองโลกในแง่ดี ไม่ว่าจะเจอเรื่องทุกข์หรือเรื่องร้ายแรงแค่ไหนก็ไม่ทำให้ใจหวั่นไหว มีเรื่องเล่าว่า

เช้าวันหนึ่งหลวงปู่ออกเดินบิณฑบาต บังเอิญพวกเด็กๆ กำลังทะเลาะกัน ขว้างก้อนหินใส่กันเกิดพลาด ก้อนหินมาโดนหลวงปู่ที่หน้าผากจนแตกและมีเลือดไหลออกมาก พวกชาวบ้านตกใจมากรีบพากันหายามาห้ามเลือด แล้วก็บ่นด่าทอเด็กจอมซนด้วยอารมณ์โกรธ และกล่าวขออภัย หลวงปู่กลับตอบว่า

“ดีเนาะที่ตาไม่บอด”

ครั้งหนึ่ง โยมมานิมนต์ท่านไปเทศน์ที่บ้าน บอกท่านว่าจะมารับแต่เช้า หลวงปู่ก็นั่งรอจนสายโยมก็ไม่มาสักที ท่านจึงว่า “ไม่มา ก็ดีเหมือนกันเนาะ เราฉันข้าวของเราดีกว่า” ท่านฉันข้าวได้ไม่กี่คำ โยมก็มารับพอดี และขอโทษที่มาช้า เหตุเพราะว่ารถมันเสีย หลวงปู่จึงหยุดฉัน

“ก็ดีเนาะ ไปฉันที่งานเนาะ”

หลวงปู่นั่งรถไปได้สักพัก รถก็ดับไปดื้อๆ คนขับบอก “รถเสียครับ” หลวงปู่ก็ว่า “ดีเนาะ ได้หยุดพักชมวิวเนาะ” คนขับลงมือซ่อมรถทันที แต่ทำอย่างไรเครื่องก็ไม่ติด จึงวานให้หลวงปู่ช่วยเข็นรถ ความจริงหลวงปู่อายุมากแล้ว ข้าวก็ฉันได้ไม่กี่คำ แต่แทนที่จะบ่น ท่านกลับยิ้ม บอกว่า “โอ้ดีเนาะ ได้ออกกำลังเนาะ”

แล้วท่านก็ออกแรงช่วยเข็นรถจนวิ่งได้ ปรากฏว่ากว่าจะถึงบ้านงานก็เลยเที่ยงแล้ว หมดเวลาฉันอาหารไปแล้ว เป็นอันว่า วันนั้นหลวงปู่อดทั้งสองมื้อ แต่เนื่องจากได้เวลาเทศน์แล้ว เจ้าภาพจึงนิมนต์ท่านขึ้นเทศน์ทันที หลวงปู่ก็บอกว่า “ดีเนาะ มาถึงก็ได้ทำงานเลยเนาะ” ว่าแล้วท่านก็ขึ้นธรรมมาสน์เทศน์จนจบ ศิษย์ชงกาแฟถวาย แต่เผลอตักเกลือใส่แทนน้ำตาล หลวงปู่ดื่มกาแฟไปได้หน่อยก็โยมว่า “ดีเนาะ” แล้วก็วาง ธรรมเนียมของญาติโยมที่ศรัทธาเกจิอาจารย์ เวลาท่านฉันอะไรเหลือ ลูกศิษย์ก็อยากได้บ้าง ถือเป็นสิริมงคล แต่ลูกศิษย์ดื่มกาแฟแค่อึกแรกเท่านั้นก็พ่นพรวดออกมา

“เค็มปี๋เลยหลวงปู่ ฉันเข้าไปได้ยังไง!”

“ดีเนาะ ฉันกาแฟหวานๆ มานาน” หลวงปู่ว่า “ฉันเค็มๆ มั่งก็ดีเหมือนกัน”

ไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับท่าน จะแย่แค่ไหน หลวงปู่ก็มองเห็นแต่แง่ดี ท่านจึงไม่มีความทุกข์เลย อะไรๆ ก็ดีเนาะหมด หลวงปู่ดีเนาะ มิใช่เป็นพระธรรมดาๆ หากเป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่มีชื่อของจังหวัดอุดรธานี ที่ใครๆ ก็รู้จัก ท่านเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย จึงมีผู้คนนำเงิน ข้าวของ เครื่องใช้ต่างๆ มาถวาย อยู่เป็นประจำ จนเป็นที่หมายตาของโจรผู้หนึ่ง และแล้วอยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่หลวงปู่กำลังไหว้พระสวดมนต์อยู่ โจรผู้มีประวัติปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์อย่างโชกโชน ก็บุกเข้าประชิดตัว พร้อมกับพูดจาข่มขู่ทันที….”นี่คือการปล้น อย่าได้ขัดขืนนะไม่งั้นตาย”

หลวงปู่ ยังยิ้มกับโจรด้วยอารมณ์ดีและไม่มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด ท่านกล่าวกับโจรอย่างนิ่มนวลว่า

“ปล้นก็ดีเน๊าะ”

โจรชักจะแปลกใจในคำพูดและท่าทีของหลวงปู่ จึงพูดตะคอกว่า “ถูกปล้นทำไมถึงว่าดีละ” หลวงปู่ตอบว่า…”ทำไมจะไม่ดีละ ก็ข้าต้องทนทุกข์ทรมานเฝ้าไอ้สมบัติบ้าๆ พวกนี้ตั้งนานแล้ว เอ็งเอาไปเสียให้หมด ข้าจะได้ไม่ต้องเฝ้ามันอีก” โจรพูดข่มขู่อีก “ไม่ใช่ปล้นอย่างเดียว ฉันต้องฆ่าอีกด้วย เพื่อปิดปาก”
หลวงปู่ก็ตอบเหมือนเดิม …

“ถูกฆ่าก็ดีเนาะ”

โจรชักรู้สึกแปลกใจมากจึงถามว่า….”ถูกฆ่ามันจะดีได้อย่างไรล่ะ” หลวงปู่ตอบ “ข้าน่ะมันแก่แล้ว อยู่มานาน ตายเสียได้ก็ดี จะได้ไม่ทุกข์ดูแลสังขารร่างกายที่เสื่อมโทรม” โจรฟังแล้วเกิดใจอ่อนจึงบอกว่า… “ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ฆ่าหลวงปู่ก็ได้”
หลวงปู่ก็พูดเหมือนเคย …

“ไม่ฆ่าก็ดีเนาะ”

โจรถามแบบสงสัยและข้องใจ….”ทำไมฆ่าก็ดี ไม่ฆ่าก็ดี” หลวงปู่ตอบว่า…”การฆ่ามันเป็นบาปเป็นกรรม เอ็งจะต้องชดใช้เวรกรรมทั้งชาตินี้และชาติหน้า อย่างน้อยพวกตำรวจเขาจะต้องตามจับเอ็งเข้าคุก เข้าตะราง หรือไม่เอ็งก็ถูกฆ่าตาย ตายแล้วก็ยังตกนรกอีก”

โจรได้ฟังแล้ว จึงเปลี่ยนใจ….

“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ปล้นหลวงปู่แล้ว”

หลวงปู่ ก็ตอบอีกว่า…”ไม่ปล้นก็ดีเน๊าะ” แล้วโจรก็จากไปด้วยดี

หลวงปู่ดีเนาะ หรือ พระเทพวิสุทธาจารย์ เกิด พ.ศ.๒๔๑๕ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาส ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๕๑ จนกระทั่ง พ.ศ.๒๕๑๓ จึงได้ถึงแก่มรณภาพลง ตรงกับวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๑๓ เวลา ๐๙.๑๐ น. ด้วยโรคชรา รวมอายุหลวงปู่ได้ ๙๘ ปี เป็นเจ้าอาวาส ๖๓ ปี พรรษาได้ ๗๖ พรรษา

“มองโลกในแง่ดีแล้วชีวิตจะมีสุข”

ขอบคุณข้อมูลจาก : พระสุรินทร์ ก่อนการคิด

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: