1270.”หลวงพ่อโบ้ย วัดวังมะนาว” โดนยิงกระเด็นตกน้ำยังไม่เข้า

ประวัติหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว

หลวงพ่อโบ้ย เกิดปีมะโรง พ.ศ.๒๔๓๕ ท่านเป็นชาวบ้าน บ้านสามหมื่น ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี โยมบิดาชื่อ โฉมศรี เมื่ออายุได้ ๒๑ ปี ท่านอุปสมบทที่วัดมะนาว ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เมื่อพ.ศ. ๒๔๕๖บวชแล้วก็จำพรรษอยู่ที่วัดมะนาว ท่านเริ่มศึกษา พระธรรมวินัยอย่างเข็งขัน ทั้งภาษาบาลีและภาษาขอม และปฏิบัติธรรมตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด

หลวงพ่อโบ้ยจำพรรษาที่วัดมะนาวได้ ๓ พรรษา ท่านจึงเดินทางไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เช่นพระธรรมวินัย มงคลทีปนี มูลกัจจายนะ ภาษาบาลี และอักษรใหญ่ ที่วัดชีปะขาว หรือ วัดศรีสุดาราม ธนบุรี ไม่เพียงแต่หลวงพ่อจะสนใจในทางคันถธุระเท่านั้น ท่านยังสนใจศึกษาในด้านวิปัสสนากรรมฐานและสมถกรรมฐานอีกด้วย

ท่านจึงเดินทางไปเรียนและศึกษาสมถวิปัสสนากรรมฐาน ที่วัดอัมรินทร์โฆสิตาราม ท่านศึกษาได้๘-๙ ปี ท่านจึงเดินทางกลับมาอยู่ที่วัดมะนาว ราวปีพ.ศ.๒๔๖๖ อยู่ได้ไม่นาน ท่านทราบว่า หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา มีความรู้ความสามารถในทางวิปัสสนากรรมฐาน ท่านจึงเดินทางไปหาหลวงพ่อปาน ที่วัดบางนมโค ศึกษาอยู่ถึง๑ปี ท่านจึงเดินทางกลับมาวัดมะนาว ในปี๒๔๖๗

เมื่อหลวงพ่อโบ้ย กลับมาจำพรรษาที่วัดมะนาว การปฏิบัติของหลวงพ่อ ท่านมุ่งบริการสังคมเป็นส่วนใหญ่ โดยมิหวังผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้น ไม่รับปัจจัยทรัพย์สินเงินทอง ปฏิบัติให้ผู้ที่มาหาท่านโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มีเมตตาธรรมแก่ชนทุกชั้นวรรณะ ท่านไม่ยึดติดในสมณะศักดิ์ใดๆ แม้ตำแหน่งเจ้าอาวาส กิจวัตรประจำวันของหลวงพ่อ ท่าจะตื่นแต่เช้ามืดประมาณตื่นตี ๔ ทุกวัน ครองจีวรแล้วสวดมนต์ไหว้พระจนกระทั่งฟ้าสาง จึงออกบิณฑบาตร

เมื่อกลับมาถึงวัด ท่านจะขอให้พระภิกษุทั้งวัดทุกรูปยืนเข้าแถว แล้วท่านก็ตักข้าวในบาตร ของท่านใส่บาตรพระทุกๆรูป เป็นเช่นนี้เสมอมา หลังจากฉันจังหันเช้าเสร็จ ท่านก็จะออกไปกวาดลานวัดหน้าโบสถ์ เป็นกิจวัตรที่ท่านถือปฏิบัติ ท่านจะจำวัดพักผ่อนเพียง๒-๓ ชั่วโมงเท่านั้น เพราะตอนเย็นท่านต้องไปสร้างพระเครื่อง ของท่านต่อตลอดคืน

หลวงพ่อโบ้ย ท่านเริ่มสร้างพระเมื่อปี ๒๔๗๓ โดยให้ลูกศิษย์ท่านไปบอกบุญเรี่ยไร วัสดุต่างๆ เช่นทองเหลือง ทองแดง ขันลงหิน เชี่ยนหมาก โตก ขัน พาน ที่เป็นโลหะ แล้วนำมาหลอม สร้างเป็นพระเครื่องของท่าน

พระของท่านบางครั้งจึงมีสีไม่ค่อยเหมือนกัน พระของท่านนั้นจะเทหล่อกันเองภายในวัด ตอนที่ท่านสร้างวัตถุมงคลนั้น หลวงพ่อโบ้ยท่านไม่ได้จำวัดตลอดทั้งคืน เทหล่อจนใกล้รุ่งสาง ใช้ตะไบแต่งริมขอบทุกองค์ รอยตะไบนี้ถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งหลังจากฉันเพลแล้ว ท่านก็จะเอาพระเข้ากุฏิทำการปลุกเสก พอตอนบ่าย หลวงพ่อโบ้ยท่านก็จะเริ่มแจก

ปรากฏว่ามีคนมาคอยรับแจกกันคับคั่ง แม้แต่ชาวต่างจังหวัดก็เดินทางมารับแจก ท่านแจกให้ผู้ที่ศรัทธากันฟรีๆ โดยไม่คิดเป็นปัจจัยเงินทองใดๆทั้งสิ้น ด้วยวัตถุมงคล อันเกิดจากความบริสุทธิ์ในการสร้าง ด้วยอิทธิบารมีของหลวงพ่อ ที่ทรงศีลธรรม และเวทย์วิทยาคม อันบริสุทธิ์ จึงทำให้ผู้ที่มีวัตถุมงคล ของหลวงพ่อโบ้ย ไว้บูชา เกิดประสบการณ์ต่างๆมากมาย ช่วยคุ้มครองป้องกันให้รอดพ้นจากภยันตรายต่างๆได้ ซึ่งคงไว้ซึ่งความแคล้วคลาดและคงกระพันเป็นหลัก.

ในปี พ.ศ.๒๔๗๙ หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาวท่านเริ่มสร้างพระเนื้อดินเผา ในปี พ.ศ๒๕๐๐ ท่านสร้างพระเนื้อชานหมาก เป็นรูปท่าน เหรียญของหลวงพ่อโบ้ยสร้างในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ คือเหรียญสี่ เหลี่ยมตัดมุม และเหรียญกลมนั่งเต็มองค์ สร้างเมื่อคราวผูกพัทธสีมา ส่วนเหรียญกลมครึ่งองค์ นั้นสร้างในคราวฌาปนกิจหลวงพ่อ หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาวท่านทำพระแจกอย่างเดียว ไม่ยอมรับปัจจัยจากผู้บริจาคอย่างเด็ดขาด พระของหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาวนั้นมีประสบการณ์มากมาย ขนาดโดนยิ่งตกน้ำยังไม่เข้ามีแต่รอยไหม้เท่านั้น และอีกรายยิงต่อสู้กับพวกปล้น ถูกยิงหงายหลังก็ยังไม่เข้า ชาวสุพรรณฯ รู้เรื่องดี

หลวงพ่อโบ้ย ท่านมรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๐๘ สิริอายุ๗๓ปี ๕๒ พรรษา

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพและเจ้าของบทความ ที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

ศิษย์มีครู

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: