1129. ยมฑูตมารับวิญญาณ “หลวงปู่ดู่” ช่วยไว้ทัน นำกลับเข้าร่าง

หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา

เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๘ (หลวงปู่ดู่ มรณภาพไปแล้ว) เป็นเรื่องที่ช่วยให้เห็นถึงความเมตตาของครูบาอาจารย์ รวมทั้งยืนยันว่าท่านสามารถช่วยเหลือลูกศิษย์ได้แม้ท่านจะละสังขารไปแล้วก็ ตาม น่าเสียดายที่ไม่อาจติดตามสอบถามชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่ถึงกระนั้นก็ยังอยากจะนำมาเรียบเรียงบันทึกไว้เล่าสู่กันฟัง

เหตุการณ์ นี้เริ่มต้นที่ลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่ขับรถยนต์ไปชนเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง จนบาดเจ็บอาการสาหัสมาก เป็นตายเท่ากัน ลูกศิษย์ผู้นี้ก็กลุ้มใจมาก เพราะเกิดมาไม่ประสงค์จะทำบาปทำกรรมกับใคร อีกทั้งไม่อยากมีบาปกรรมอันเกิดจากปาณาติบาต เขาจึงมาบนหลวงปู่ดู่ที่วัดสะแก ร้องขอให้ท่านช่วยเหลือให้เด็กหนุ่มผู้นี้อย่าให้ถึงขั้นต้องเสียชีวิตเลย

เด็กหนุ่มนั้น ครั้งแรกก็เข้ารับการรักษาที่ห้อง ICU โรงพยาบาลในอยุธยา แต่เมื่อหมอเอาไม่อยู่ จึงถูกส่งเข้ารักษาต่อที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ภายหลังจู่ ๆ อาการกลับฟื้นดีขึ้นอย่างอัศจรรย์ แล้วก็ได้มีโอกาสตามเพื่อนมาทำบุญที่วัดสะแก โดยที่ไม่รู้จักหลวงปู่มาก่อน

เด็กหนุ่มผู้นี้ มาทำบุญถวายสังฆทานที่กุฏิพระสายหยุด ครั้นเมื่อท่านได้ฟังเรื่องราวของชายผู้นี้แล้ว จึงสามารถปะติดปะต่อและเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้เป็นอย่างดี เพราะท่านเองก็ได้ยินเรื่องราวทางฝั่งลูกศิษย์หลวงปู่ผู้ที่เป็นคนขับรถยนต์ ชนเด็กหนุ่มผู้นี้มาก่อนหน้านี้แล้ว

เด็กหนุ่มผู้นี้ เมื่อถวายสังฆทานเสร็จก็เหลือบเห็นรูปหลวงปู่ดู่ ที่ผนังกุฏิของพระสายหยุด เขาตกใจตื่นเต้นอุทานว่าหลวงปู่องค์นี้แหล่ะที่ช่วยชีวิตเขาไว้ หลวงปู่องค์นี้เป็นคนพาดวงวิญญาณของเขากลับเข้าร่าง

เขาเล่าว่าภาย หลังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ที่กรุงเทพฯ ไม่นาน เขาก็เสียชีวิต แต่ขณะที่วิญญาณของเขาออกจากร่างมา ก็มีผู้ชายนุ่งโจงกระเบนด้วยผ้าสีแดง จะมาเอาตัวเขาไป ทันใดก็มีหลวงปู่องค์หนึ่งมาขวางไว้ หลวงปู่ถามเขาว่ารู้จักชายที่นุ่งจูงกระเบนผู้นั้นไหม เขาตอบว่าไม่รู้จัก แล้วก็บอกว่าหลวงปู่ช่วยด้วย ๆ หลวงปู่ทำท่าโบกมือไล่ครั้งเดียว ชายผู้นั้นก็หายไป

หลวงปู่ถามเขาอีกว่า ไหนล่ะร่างแก เขาพยายามมอง แต่ก็จำไม่ได้ว่าอยู่เตียงไหน หลวงปู่จึงพาเขาไปดูที่เตียงๆ หนึ่ง แล้วถามว่า นั่นใช่แกไหมล่ะ เขาเห็นแล้วก็จำได้ กราบเรียนท่านว่า ใช่ครับ จากนั้นท่านก็พาเขาเข้ายังร่างที่นอนหมดลมอยู่บนเตียง หลังจากฟื้นขึ้นมา เขาก็อาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ทว่าเขาต้องสูญเสียขาไปข้างหนึ่ง พอกลับมาบ้านก็มีเพื่อนพามาทำบุญที่วัดสะแก จึงได้มารู้ว่าที่แท้หลวงปู่องค์ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ก็คือหลวงปู่ดู่ วัดสะแก นั่นเอง

พระสายหยุดเล่าว่า เสียดายที่ไม่รู้รายละเอียดของเด็กหนุ่มผู้นั้น ทราบเพียงคร่าว ๆ ว่าเขาเป็นคนอำเภอภาชี ประกอบกับท่านก็ยังไม่ได้พบกับลูกศิษย์หลวงปู่ผู้ที่เป็นคนขับรถชนเด็กหนุ่ม นั้นอีก แต่ก็แปลกที่เรื่องราวของทั้ง ๒ ฝ่ายกลับมาเชื่อมต่อเป็นเรื่องเดียวกันที่กุฏิของท่าน

พระสายหยุด เล่าเรื่องนี้ด้วยความปลื้มปีติในพลังเมตตาบารมีของหลวงปู่ที่แม้ท่านจะละสังขารไปแล้ว แต่ก็ยังคงรับทราบและช่วยปัดเป่าความทุกข์ของบรรดาลูกศิษย์และสัตว์โลกที่ ประสบทุกข์ทั้งหลายเรื่องนี้เป็นเรื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงบารมีของพระรัตนตรัยและโลกวิญญาณว่าเป็นธรรมชาติที่มีอยู่จริง..

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : dhammajak
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: