1143. เสือหนาน โจรโหดผู้หนังเหนียวตราบจนสิ้นลมหายใจ

เสือหนานหนังเหนียวตราบจนสิ้นลมหายใจ

“คนหนังเหนียว” คือผู้อยู่ยงคงกระพัน มีผิวกายคงทนต่อคมอาวุธทุกชนิด ฟันแทงไม่เข้า กระสุนปืนไม่อาจทะลุทะลวงผ่านผิวหนังเข้าไปได้ เป็นมนุษย์เหนือมนุษย์ เพราะมีร่างกายเป็นอัศจรรย์ ความวิเศษดังกล่าวคนทั่วไปมิอาจกระทำได้ ในจำนวนผู้อยู่คงกระพันหนังเหนียวเท่าที่ปรากฏ มีเสือปล้นโจรร้ายคนหนึ่งชื่อ “เสือหนาน” เป็นคนหนังเหนียวตราบถึงวันสิ้นลมหายใจ

การที่คนผู้นี้มีร่างกายคงทนต่อคมศาสตราวุธเชื่อว่าเนื่องจากอิทธิฤทธิ์ของวิชาไสยศาสตร์เป็นสำคัญ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเสือหนานเล่าเรียนไสยเวทอาคมขลังมาจากอาจารย์ใด และวิชาเหล่านั้นคือวิชาอะไร แม้เสือหนานจะเป็นทุรชนคนประพฤติชั่ว มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตถึงขั้นทำลายชีวิตผู้อื่นมามากมายหลายคน ดำรงตนอยู่ด้วยการเบียดเบียนสุจริตชนเป็นเวลานาน แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของวิชาไสยศาสตร์กลับไม่เสื่อมคลาย

เสือหนานผู้นี้มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยยังมีการปกครองในระบบสมบูรณาญาสิทธิราช ประมาณก่อนปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ประวัติชีวิตโดยละเอียดไม่แจ้งชัด ทราบแต่ว่าเป็นชาวสระบุรีแต่กำเนิด บิดามารดาเป็นชาวนาฐานะยากจน ตัวเสือหนานไม่มีการศึกษา มีชื่อเดิมว่า “สี” ต่อมาเมื่อประพฤติชั่วเป็นโจรจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น “หนาน” และกลายเป็นเสือหนานที่มีคนหวาดกลัวไปหลายจังหวัด

เสือหนานผู้นี้มีนิสัยสันดานพาลเกเรและดุร้ายมาตั้งแต่เด็ก พอเป็นวัยรุ่นก็เริ่มออกลายนักเลงอันธพาล ขณะเดียวกันก็สนใจในวิชาไสยศาสตร์อย่างมุ่งมั่น หากรู้ว่ามีครูบาอาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลังอยู่ที่ไหน จะดั้นด้นไปฝากตัวเป็นศิษย์ขอถ่ายทอดวิชาเหล่านั้น และวิชาไสยศาสตร์ดังกล่าว จะเป็นวิชาคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาด เมื่อได้วิชาอาคมมาใส่ตัว และทดสอบทดลองแล้วว่ามีความขลังทำให้หนังคงทนต่อคมอาวุธ ฟันแทงไม่เข้า ยิงไม่ออก หรือถึงยิงออกลูกปืนก็ไม่ระคายเนื้อหนัง เสือหนานก็ยิ่งฮึกเหิมลำพองไม่กลัวใคร

แม้จะเป็นอันธพาลนักเลงใหญ่แค่ไหนก็ตาม เมื่อไม่ทำงาน ไม่ทำมาหากินก็ย่อมไม่มีเงินมาใช้จ่าย แต่การจะได้เงินมาโดยสุจริตก็ต้องทำงานเอาแรงเข้าแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย ซึ่งวิธีนี้เสือหนานไม่ยอมกระทำ แต่เลือกวิธีหาเงินให้ได้มาด้วยการกระทำทุจริต นั่นคือ จี้ปล้นชิงทรัพย์ผู้อื่น หากเจ้าทรัพย์ขัดขืนหรือต่อสู้เสือหนานก็จะทำร้ายหรือฆ่าเสีย ระยะแรก ๆ ที่เสือหนานเข้าปล้นชิงทรัพย์ผู้อื่น จะเดินทางข้ามจังหวัดไปปล้นในถิ่นอื่น

ครั้นกระทำการสำเร็จแล้วก็จะกลับมาหลบซ่อนอยู่ในตำบลที่อยู่อาศัยของตน เหตุนี้จึงสามารถปกปิดความผิดไม่ให้คนในหมู่บ้านเดียวกันล่วงรู้พฤติกรรมการเป็นโจร และยังเป็นการอำพรางซ่อนเร้นให้รอดพ้นจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองซึ่งกำลังสืบหาตัว

ต่อมามีเพื่อนมาชวนเสือหนานย้ายไปอยู่จังหวัดลพบุรี นอกจากจะให้ที่อยู่ที่อาศัย ยังหางานให้ทำอีกด้วย งานนั้นคือรับจ้างยิงเจ้าของตลาดบ้านหมี่ซึ่งเป็นผู้หญิง และมีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยระดับคหบดีของจังหวัดคนหนึ่ง ผู้จ้างวานฆ่าคือผู้มีอิทธิพลซึ่งผลประโยชน์ขัดกัน ด้วยจำนวนค่าจ้างเป็นเงินก้อนใหญ่ เสือหนานจึงรับงานนี้ด้วยความเต็มใจ

แม้จะเป็นการฆ่าผู้หญิงแต่คนใจโหดก็ไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือน
เสือหนานลอบยิงหญิงเจ้าของตลาดเสียชีวิตคาที่ แต่ไม่มีโอกาสใช้เงินค่าจ้างได้เต็มที่ เพราะอีกไม่กี่วันต่อมาก็ถูกตำรวจจับตัวได้ ถูกฟ้องศาลและได้รับคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต ติดคุกอยู่ไม่กี่เดือนก็แหกคุกหนีออกมาได้ คราวนี้เสือหนานไม่ผิดอะไรกับเสือที่หลุดเข้าป่า เปิดฉากปล้นฆ่าอย่างเปิดเผยโดยไม่เกรงอาญาแผ่นดินแม้แต่น้อย ปีที่เสือหนานประกาศตนเป็นเสือปล้นโจรชั่วเต็มเนื้อเต็มตัวคือปี พ.ศ. ๒๔๕๘

ในยุคสมัยนั้นไม่มีเสือปล้นคนใดน่าประหวั่นพรั่นพรึงเทียบเท่าเสือหนาน เข้าปล้นบ้านใดมักจะฆ่าเจ้าทรัพย์ทุกราย ยิ่งไปกว่านั้นยังกำแหงอหังการถึงขั้นเข้าปล้นตลาดกลางวันแสก ๆ ตลาดแรกที่ถูกปล้นคือ ตลาดจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เสือหนานกับบริวารเข้าปิดตลาด ประกาศการปล้นอย่างอุกอาจ พ่อค้าแม่ขายที่ขัดขืนและคิดสู้ถูกยิงตายไปหลายคน หลังจากเก็บหวาดเงินทองของมีค่าได้จำนวนมากเสือหนานก็พาบริวารหนีเข้าป่าไป

ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๕๘ – ๒๔๖๓ เป็นเวลากว่า ๕ ปีที่เสือหนานอาละวาดปล้นฆ่า ระยะเวลาอันยาวนานดังกล่าวมิใช่เสือหนานจะแคล้วคลาดไม่เคยปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยก็หาไม่ เสือหนานเคยประจัญบานกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหลายครั้งหลายหน เปิดฉากยิงต่อสู้กันในระยะกระชั้นชิดเสียด้วยซ้ำ

แต่เสือหนานก็สามารถพาลูกน้องบริวารแหวกวงล้อมหลุดรอดไปได้ทุกครั้งโดยปลอดภัย พวกโจรไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายจากกระสุนปืนตำรวจแม้แต่คนเดียว ทั้งที่อาวุธของฝ่ายตำรวจเหนือชั้นกว่า เพราะปืนของพวกโจรเป็นปืนคาบศิลาโบราณ กว่าจะยิงได้แต่ละนัดต้องเสียเวลาใส่ดินปืน บรรจุลูกปืนทางปากกระบอกเป็นที่ยุ่งยาก

ในการยิงสู้กันหลายครั้ง เสือหนานทำให้ฝ่ายตำรวจเกิดความระย่อไม่น้อย เนื่องจากยิงถูกเสือหนานจัง ๆ หลายนัด แต่กระสุนไม่ระคายผิวของเขาเสียด้วยซ้ำ เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่าเสือปล้นคนนี้คงกระพันหนังเหนียวอย่างเหลือเชื่อ อีกประการหนึ่งที่ทำให้เชื่อว่าเสือหนานมีวิชาอาคมทางแคล้วคลาด และมหาอุดที่ขลังน่าอัศจรรย์ นั่นคือระหว่างที่ฝ่ายตำรวจยิงสู้กับพวกโจร ปืนของตำรวจมักจะเกิดขัดข้องอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เช่น กระสุนด้านยิงไม่ออกบ้าง กระสุนขัดลำกล้องบ้าง หรือยิงผิดเป้าบ้าง

แสดงว่าวิชาอาคมของเขาไม่เพียงแต่คุ้มครองตัวเอง ยังสามารถแผ่อานุภาพปกป้องคุ้มครองบริวารได้อีกด้วย เหตุนี้เสือหนานกับลูกน้องจึงแคล้วคลาดปลอดภัยจากอาวุธของฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทุกครั้ง ตอนต้นปี ๒๔๖๓ เสือหนานคุมบริวารโจรเข้าปิดตลาดจันเสนปล้นอย่างอุกอาจ ซึ่งได้กล่าวไปแล้ว หลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็ยกพวกเข้าปล้นตลาดบ้านหมี่อีกครั้งหนึ่ง การปิดตลาดปล้นครั้งนี้มีชาวบ้านถูกยิงตายหลายศพ และเสือหนานกวาดทรัพย์สินไปได้มากกว่าการปล้นตลาดจันเสนเกือบเท่าตัว ก่อนจะถอยเข้าป่าหายไป

การกระทำของเสือหนานแสดงให้เห็นว่า ไม่หวั่นเกรงอาญาแผ่นดิน ทั้งไม่พรั่นพรึงอำนาจเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเอาเสียเลย ทำให้เจ้าเมืองลพบุรีขณะนั้นคือ “พระยากำจัดโสภณทุจริต” โกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด
ท่านเจ้าเมืองลพบุรีจึงเข้ามาบัญชาการปราบปรามโจรก๊กเสือหนานด้วยตัวเอง โดยระดมมือปราบฝีมือดีมารวมกัน มี “ขุนศรีฤนาค” นายอำเภอโคกสำโรง และ ร.ต.ท.หลวงรักษาพลไกร (ยศขณะนั้น) เป็นหัวหน้าหน่วย มีนายสิบและพลตำรวจอีกกว่าสิบนาย ส่วนพระยากำจัดโสภณทุจริตเป็นผู้บัญชาการหน่วยปราบโจรก๊กนี้

ในที่สุดสายสืบก็มารายงานว่า เสือหนานกับบริวารหลบซ่อนอยู่ที่บ้านบ่อทอง ตำบลชอนสารเดช อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี เจ้าเมืองลพบุรีจึงยกกำลังหน่วยปราบปรามบุกไปยังถิ่นเสือทันที เส้นทางที่จะไปยังบ้านบ่อทองทุรกันดารอย่างยิ่ง เนื่องจากบ้านบ่อทองเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่กลางดงลึกต้องลุยป่าเข้าไป พาหนะที่จะใช้บุกฝ่าเข้าไปยังหมู่บ้านเป้าหมายต้องใช้ช้างเพียงอย่างเดียว และจำเป็นต้องใช้ช้างหลายเชือกเพื่อใช้ขนเสบียงอาหารสำหรับคนหมู่มากเข้าไปด้วย

รอนแรมข้ามวันข้ามคืนกระทั่งเข้าเขตบ้านบ่อทอง เจ้าหน้าที่ทุกคนก็กระจายกันเข้าโอบล้อมหมู่บ้านซึ่งเป็นชุมโจรเสือหนานทันที แต่พวกโจรก็รู้ตัวก่อนฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะบุกเข้าประชิดตัว พวกมันพากันออกมาปักหลักยิงสู้อย่างไม่กลัวเกรง

ทั้งสองฝ่ายยิงกันสนั่นป่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ปืนพระราม ๖ เป็นอาวุธประจำกาย ส่วนพวกโจรใช้ปืนคาบศิลาโบราณ เป็นเรื่องน่าแปลกอย่างยิ่งที่ไม่มีตำรวจคนไหนยิงถูกโจรแม้แต่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่เห็นพวกโจรวิ่งไปมาถนัดตา จะว่าตำรวจไร้ฝีมือก็ไม่ใช่ เพราะที่คัดเอาตัวไปล้วนแต่แม่นปืนทั้งสิ้น นอกจากจะยิงโจรไม่ถูก ปืนแต่ละกระบอกยังเกิดขัดข้องทำให้ยิงไม่ออก ยิงไม่ได้อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ ทำให้การรุกบุกเข้าไปกระทำไม่ได้เพราะจะเกิดอันตรายต่อฝ่ายเจ้าหน้าที่

เจ้าเมืองลพบุรีเห็นอาถรรพณ์วิชาไสยศาสตร์ของเสือหนานเข้มขลังอย่างไม่น่าเชื่อ ท่านจำต้องสั่งให้ถอยออกมาก่อน และตัดสินใจถอนกำลังทั้งหมดเดินทางออกจากป่า เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอันเหลือเชื่อนั้นต่อไป

คณะปราบโจรก๊กเสือหนานภายใต้การนำของพระยากำจัดโสภณทุจริต เจ้าเมืองลพบุรี ออกจากป่ามาพักที่อำเภอโคกสำโรง ณ ที่โคกสำโรงก็มีผู้เรืองวิชาอาคมทางไสยเวทท่านหนึ่งมาให้คำแนะนำต่อเจ้าเมืองลพบุรีว่า ถ้าจะปราบเสือหนานให้สำเร็จต้องล้างอาถรรพณ์วิชาอาคมขลังของมันให้ได้เสียก่อน

โดยใช้อาวุธปืนที่ลงอักขระเวทมนต์ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์เหนือกว่าไปยิง ซึ่งอาวุธปืนที่ว่านี้มีกระบอกหนึ่งเป็นปืนของหลวงพิทักษ์ลายนิกร (ปั่น นิยมจันทร์) อดีตนายอำเภอบ้านหมี่ ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้ว

เมื่อท่านเจ้าเมืองลพบุรีรู้ความนัยเช่นนั้น จึงมีหนังสือให้คนถือไปพบหลวงพิทักษ์ลายนิกร เพื่อขอยืมปืนกระบอกดังกล่าวมาปราบเสือหนาน อดีตนายอำเภอบ้านหมี่ก็มอบปืนให้มา ครั้นได้ปืนล้างอาถรรพณ์มาสมประสงค์ พระยากำจัดโสภณทุจริตจึงยกขบวนปราบโจรหวนกลับเข้าป่าไปใหม่ มุ่งหน้าไปยังบ้านบ่อทองที่เดิม เพราะทราบมาว่าเสือหนานกับบริวารยังอยู่ที่หมู่บ้านนั้น ไม่ได้หลบหนีไปที่ไหนต่อไปอีก และขณะนี้พวกโจรยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิม เนื่องจากฝ่ายตำรวจสู้ไม่ได้ถึงขั้นต้องถอยหนี

ขบวนปราบโจรของท่านเจ้าเมืองลพบุรี นอกจากจะมีนายตำรวจ นายอำเภอ และนายสิบพลตำรวจชุดเดิม ยังมีผู้อาสาร่วมขบวนไปด้วยเพิ่มมาอีก ๕ คนคือ กำนันนวล กสิวัฒน์ กำนันตำบลโพนทอง ร.ต.ท.ต่าย, ส.ต.ต.บุญ, พลฯ ช่วย และพลฯ เชิด กระต่ายอินทร์ กำลังของฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองบุกป่าฝ่าดงพร้อมด้วยพาหนะช้างเช่นเดิมตรงไปยังหมู่บ้านบ่อทอง

เมื่อไปถึงจุดหมาย พระยากำจัดโสภณทุจริตก็สั่งให้ขยายแนวรุกคืบหน้าเข้าไปหาหมู่บ้านซึ่งเป็นชุมโจรทันที พวกโจรรู้ตัวว่าตำรวจและอำเภอยกกำลังมาปราบปรามพวกตน แทนที่จะขวัญเสียหวาดกลัวกลับคึกคะนองลำพอง คว้าปืนคว้าดาบกระจายกันต่อสู้ไม่ยอมถอย ด้วยเชื่อมั่นในอานุภาพวิชาไสยศาสตร์ของเสือหนานหัวหน้าที่ทำให้แคล้วคลาดจากกระสุนปืนเช่นทุกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนเสียแล้ว

นายอำเภอขุนศรีนฤนาคซึ่งเป็นผู้ถือปืนล้างอาถรรพณ์ประทับปืนเล็งไปที่สมุนโจรคนหนึ่ง กดไกเปรี้ยงออกไป คนที่เป็นเป้าก็ล้มลงไปดิ้นเพราะเจอลูกปืนทะลวงเข้าเต็มอก พวกโจรซึ่งแคล้วคลาดมาโดยตลอดพากันตื่นตกใจ เมื่อเห็นพรรคพวกถูกยิงเลือดสาด นอนพะงาบ ๆ ไม่ถึงอึดใจก็สิ้นใจตาย

เมื่อปืนล้างอาถรรพณ์ระเบิดออกไปนัดแรก ความขลังจากอิทธิฤทธิ์ไสยเวทพลันสูญสิ้นทันที คราวนี้ปืนในมือเจ้าหน้าที่ทุกคนก็เลือกยิงตามสบาย ปืนลั่นเปรี้ยงออกไปเมื่อไรโจรไม่เจ็บก็ตายคาที่ คราวนี้สมุนเสือหนานขวัญกระเจิงกันถ้วนหน้า เห็นพวกตนถูกยิงลงไปนอนดิ้นร้องโอดโอยต่างถอดใจไม่คิดสู้ เมื่อฝ่ายตำรวจรุกเข้าไป บรรดาโจรชั้นบริวารก็พากันวิ่งหนีเข้าป่า

แม้พวกโจรคนอื่น ๆ จะกระจายหนีหายเข้าป่าเอาตัวรอด แต่มีโจรคนเดียวที่ปักหลักสู้ยิบตาไม่ยอมหนี นั่นคือเสือจันลาซึ่งเป็นรองหัวหน้า เสือจันลาไม่แสดงท่าทีจะยอมแพ้ง่าย ๆ ทั้งที่เหลือตัวคนเดียว มันใช้ปืนคาบศิลายิงเข้าใส่ฝ่ายเจ้าหน้าที่เป็นระยะ และเป็นเรื่องผิดปกติอยู่อย่างหนึ่งตั้งแต่การต่อสู้เปิดฉากขึ้น ไม่มีใครเห็นเสือหนานปรากฏตัวให้เห็น ทั้งที่ยิงสู้กันครั้งก่อนจะเห็นเสือหนานนำหน้าลูกน้อง สั่งการให้สู้รบอย่างไม่เกรงกลัวลูกปืนเอาเสียเลย

ขณะที่มีแต่เสือจันลายิงสู้อย่างโดดเดี่ยว ตำรวจสี่นายมี ร.ต.ท.ต่าย, ส.ต.ต.บุญ, พลฯ เชิด, พลฯ ช่วย และกำนันนวล ก็พร้อมใจกันวิ่งเข้าหาเสือจันลาอย่างห้าวหาญ ไม่หวั่นเกรงต่อวิถีกระสุนที่เสือจันลายิงเข้าใส่แม้แต่น้อย เสือจันลาเห็นฝ่ายเจ้าหน้าที่ลุยเข้ามาเช่นนั้นก็ใจฝ่อ ออกวิ่งเตลิดหนีเข้าป่าไม่คิดชีวิต แต่ ร.ต.ท.ต่าย, ส.ต.ต.บุญ, พลฯ ช่วย กับกำนันนวลไม่ยอมให้หนีรอดไปง่าย ๆ ทั้งสี่คนวิ่งตามไปไม่ลดละ ในที่สุดเสือจันลาก็ถูกยิงตายไปอีกคน

สำหรับพลฯ เชิดซึ่งบุกเข้าไปพร้อม ๆ กันไม่ได้วิ่งไล่เสือจันลา แต่หยุดตรวจดูบริเวณที่เสือจันลายึดเป็นที่มั่นยิงสู้ด้วยความสงสัยว่า เพราะเหตุใดมันจึงไม่ยอมถอยหนีหรือย้ายที่เอาเสียเลย คล้ายกับเสือจันลากำลังพยายามต่อสู้ป้องกันใครคนหนึ่งไว้ ซึ่งคนนั้นอาจเป็นเสือหนานก็เป็นได้ พลฯ เชิดเดินตรวจดูบริเวณนั้น ซึ่งเป็นพงรกมีพุ่มไม้ใบหนาค่อนข้างหนาแน่น ในที่สุดก็เจอเข้ากับเสือหนานจริง ๆ

เสือปล้นตัวร้ายนอนหมอบอยู่ข้างละเมาะทึบ มีปืนสั้นคู่มือถือกระชับอยู่ พอเห็นพลฯ เชิด เสือหนานก็ยกปืนขึ้นยิงทันที แต่พลฯ เชิดก็มีของดีเหมือนกันลูกปืนด้านยิงไม่ออก พลฯ เชิดประทับปืนประจำตัวยิงบ้างแต่ก็ยิงไม่ออก

พลฯ เชิดเกรงว่าเสือหนานจะหนีจึงเหวี่ยงปืนทิ้งแล้วโดดเข้าไปปล้ำเพื่อจับตัว ถึงอาวุธปืนจะไร้ประสิทธิภาพไปแล้วแต่เสือหนานก็ยังมีมีดปลายแหลมประจำตัว มีดเล่มนี้ลงอักขระตัวขอมและลงอาคมเอาไว้ พลฯ เชิดคิดไม่ถึงว่าเสือหนานจะมีมีดอีกเล่มจึงถูกจ้วงแทงก่อนที่ศีรษะ แต่บาดแผลไม่ฉกรรจ์นัก พลฯ เชิดก็แย่งมีดสุดความสามารถกระทั่งมีดหลุดจากมือ กระนั้นก็ยังโดนคมมีดบาดที่ลำตัวอีกสองแผล ส่วนเสือหนานนอนแผ่อย่างหมดฤทธิ์

การที่เสือหนานหมดแรงยอมแพ้อย่างง่ายดาย เนื่องจากกำลังเป็นไข้ป่าอยู่ เมื่อมาต่อสู้กอดปล้ำกับพลฯ เชิดเข้าอีกก็ถึงกับหมอบฟุบ ไม่มีแรงพยุงตัวนั่งเสียด้วยซ้ำ

ท่านเจ้าเมืองลพบุรีจึงให้ทำแคร่หามเสือหนานนำออกจากป่า พอถึงจังหวัดลพบุรีเสือปล้นหนังเหนียวก็สิ้นใจตาย เสือหนานหนังเหนียวจบสิ้นบทบาทเสือปล้นโจรชั่วอย่างไร้ค่าแต่เพียงเท่านี้ แม้จะคงกระพันชาตรี มีร่างกายคงทนต่อคมอาวุธทุกชนิดอย่างเหลือเชื่อ แต่วาระสุดท้ายก็ต้องจบชีวิตในสภาพน่าสังเวช ตายโดยโรคภัยไข้เจ็บธรรมดา ๆ…….

ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : TNews
ขอขอบคุณคลิปดีๆจาก : สองยาม
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: