1609.ตำนานเฮี้ยนวัดบางนมโค

ตายแล้วไม่สูญ..แล้วไปไหน โดยพระราชพรหมยาน ตอน สัมภเวสี ข้างวัดบางนมโค

“..เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๑๖ ให้ชื่อเรื่องว่า “ผีนายดวง” นายดวงเป็นคนข้างๆ วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ทำปืนลั่นถูกตัวเองตาย เมื่อ นายดวงตายแล้วก็เที่ยวอาละวาดแสดงตนให้ปรากฏอยู่เสมอ ต่อมาหลวงพ่อปานก็สั่งพระว่า ผีเจ้าดวงอาละวาดมากแต่ความจริงมันไม่ได้หลอกใครหรอก เป็นแต่เพียงว่ามันต้องการความช่วยเหลือ แต่หาคนช่วยเหลือจริงจังไม่ได้ ท่านจะช่วยเองโอกาสก็ยังไม่มี เพราะนายดวงยังไม่ได้แสดงตนให้ปรากฏเฉพาะท่าน ท่านสั่งว่าอย่าล้อเล่นกันเรื่องผีนะ ผีมันจะผสมเอา

ต่อมาวันหนึ่งท่านจะเดินทางไปก่อสร้างที่เขาวงพระจันทร์ ท่านไปพร้อมกับพระผู้ใหญ่ซึ่งเป็นพระสำคัญๆ ทั้งหมด เหลือแต่พระลูกวัด บรรดาพระทั้งหลายเหล่านั้นในเมื่อแมวไม่อยู่หนูก็จะคะนองเป็นเรื่องธรรมดา ตอนกลางคืนทำเป็นผีหลอกกัน บางคราวก็เอาผ้าคลุมส่งเสียงเป็นผีหลอกกันบ้าง บางทีก็เขียนหน้ากากทำเป็นผีแล้วก็ชูขึ้นตามหน้าต่างบ้าง ทำกันอย่างนี้อยู่หลายวัน

อาตมากับเพื่อนอีกสององค์ก็เตือนพระเหล่านี้ แต่เพราะเป็นเพื่อนกันไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาจึงบอกเขาว่า เรื่องนี้หลวงพ่อปานเตือนไว้แล้วนะพวกเรา อย่าทำเลยถ้าขืนทำดีไม่ดีเจ้าดวงมันจะผสม แต่เขาก็ไม่เชื่อเล่นเป็นแบบสนุกกันไป เมื่อเตือนแล้วเขาไม่รับฟังก็เลยปล่อยเขา อาตมากับเพื่อนอีกสององค์ก็เข้าไปอยู่ในป่าช้าตามสบาย

เวลาล่วงเลยไปไม่กี่วันก็ปรากฏว่าผีเจ้าดวงอาละวาด เมื่อพระหลอกกันเล่นหลายๆ วันเข้าผีเจ้าดวงก็เริ่มผสม อันดับแรกพระบอกว่ากลางคืนนั่งฉันนํ้าร้อนกันอยู่ในกุฏิ เจ้าดวงก็โผล่ขึ้นมาทางหน้าต่างบ้าง ส่งเสียงเรียกทางด้านประตูบ้าง มาขอนํ้าร้อนกินบ้าง ขอนํ้าตาลกินบ้าง วันแรกๆ พระก็ยังคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน ต่อมานั่งประชุมรวมกันถามว่า เมื่อคืนใครไปหลอกไปล้อเล่น ใครไปยืนทางหน้าต่างหรือว่าใครทำภาพผีโผล่ทางหน้าต่างบ้าง พระทุกองค์ก็บอกว่าไม่มีใครทำ แต่ว่าพระด้วยกันก็ยังสงสัยว่าบางทีพระด้วยกันจะปกปิดกัน

ทีนี้มาคืนหนึ่งปรากฏว่าพระมานั่งรวมกันทั้งหมด ปรากฏว่าเจ้าดวงโผล่หน้ามาทางหน้าต่าง พระก็รวมตัวกัน คราวนี้รู้ตัวว่าการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นของไม่ดีแสดงว่ากลัวขึ้นมา แล้ว จึงนอนรวมกุฏิเดียวกัน พอวันรุ่งขึ้นตอนกลางคืนไม่มีพระไปสวดมนต์เย็มตามปกติ ต่างมารวมอยู่กุฏิเดียวกัน เจ้าดวงมาเคาะประตูเรียก เมื่อเคาะเรียกหนักๆ เข้าพระก็ไม่ออกมา

พอดีอาตมากับเพื่อนอีกสององค์ออกมาจากป่าช้าเห็นว่าวันนี้พระเงียบสงัดดี จึงหาพระตามกุฏิก็ไม่พบจนไปถึงกุฏิสุดท้าย ปรากฏว่าพระมานอนรวมกันอยู่ที่นั่น ก็เลยถามว่า “ทำไมถึงมานอนรวมกันอยู่ที่นี่ ไม่กระจายกันอยู่ ประเดี๋ยวใครก็มาลักของสงฆ์ไปหมด หลวงพ่อปานก็ไม่อยู่” พระก็บอกว่า “จะไปแยกกันอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าดวงมาอาละวาด” จึงบอกว่า “ก็ผมบอกพวกท่านแล้ว หลวงพ่อปานก็สั่งแล้ว แต่พวกท่านก็ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มันก็เป็นอย่างนี้แหละ โบราณท่านบอกไว้ว่าถ้าเดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด พวกท่านพยายามหลีกทางจากผู้ใหญ่ เรื่องเจ้าดวงนี่หลวงพ่อปานท่านเตือนแล้วว่าท่านยังไม่มีโอกาสจะช่วยมัน ท่านก็ยังฝืนทำ”

ขณะกำลังคุยกันอยู่นั่นเอง ผีนายดวงแสดงเดชมาเคาะประตูโครมๆ แล้วก็พูดว่า “ผม ดวงมาแล้วครับ ใครอยากจะรู้จักก็เชิญ” อาตมากับเพื่อนอีกสององค์รู้สึกว่ามีอาการชินกับผีอยู่สักหน่อย เพราะเชื่อแล้วว่าผีมีจริง โดนผีหลอกเสียจนชิน ทั้งสามองค์ก็พรวดพราดออกไปก็เห็นเจ้าดวงวิ่งหนี ก็เลยวิ่งกวดเจ้าดวงมันก็วิ่งไปทางป่าช้า ก็วิ่งตามกันไปรวมทั้งพระทั้งหลายก็มีกำลังใจวิ่งตามไปด้วย

พอไปถึงโลงศพที่เขาเก็บมันไว้มันก็วิ่งเข้าไปในโลงศพพอดี ก็เลยไปยืนล้อมกันแล้วก็บอกว่า “ดวง นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอย่าอาละวาดอีกนะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกฉันหรือพวกฉัน ฉันจะให้เธอ การที่เธอทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไร” ศพที่นอนอยู่ในโลงนั้นมันก็เงียบไม่มีเสียงพูด

ก็เลยสั่งพระบอกว่า “นิมนต์กลับไปสวดมนต์ตามปกติ และเวลากลางคืนยามว่างควรจะภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ เสียบ้างก็ดี พวก ท่านนี้ไม่เอาถ่านเลย บวชเข้ามาแล้วแบบนี้มันก็ลงนรกหมด เพราะว่าพระจะต้องศึกษาอธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา แต่ว่าพวกท่านทำตนเป็นฆราวาส ผีสางนางไม้ดูถูกดูหมิ่นกันหมด อย่างนี้ก็แย่”

บรรดาพระก็ไม่ว่าอะไรก็เดินกลับกุฏิ ก็เลยบอกว่า “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทุกองค์นอนประจำกุฏิของท่าน ไม่ต้องกลัว ผมรับรองว่าเจ้าดวงมันไม่อาละวาดท่านอีก ถ้ามันจะแสดงอะไรมันก็ต้องแสดงกับผมสามองค์” ตอนเช้าถามพระว่า “นอนหลับไหม” ทุกองค์ตอบว่า “ไม่ค่อยจะหลับเพราะหวาดเจ้าดวง”

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเจ้าดวงมันก็เงียบ ต่อมาอีกประมาณเดือนเศษหลวงพ่อปานก็กลับวัด อาตมาก็รายงานให้ท่านทราบ ท่านก็บอกว่านางตะเคียนไปบอกว่าลูกศิษย์ไม่เชื่อฟังท่าน แกก็เลยปล่อยให้เจ้าดวงมาปราบ เมื่อคนพูดกันไม่รู้เรื่องก็ต้องปล่อยให้ผีสอนเสียบ้าง วันนั้นตอนใกล้คํ่าท่านก็เดินไปที่กุดังไปจำวัดตามปกติ เวลาใกล้ ๒ ทุ่ม ท่านถึงจะกลับ อาตมากับเพื่อนสององค์ก็ไปรับท่านที่กุดังช่วยถือกานํ้า ถือหมอน ถือเสื่อของท่านเอามาเก็บที่กุฏิ

เพราะท่านจะกลับมาจำวัดที่กุฏิ พอไปถึงท่านก็ยิ้มบอกว่า “ข้าเก็บเจ้าดวงแล้ว เวลาที่ข้าเดินมา เจ้าดวงมันโผล่ขึ้นมาข้างๆ ทาง หัวมันใหญ่เท่าพ้อมเห็นจะได้เข้ามาถามว่า “ท่านจะไปไหน” ข้าก็เลยบอกว่า “ข้าจะไปนอน” แล้วมันก็หายไป พอข้าเข้าไปนอนในกุดังมันก็โผล่หน้านอกประตู ทำหัวใหญ่มากและต่อจากนั้นก็ทำตัวเท่าคนธรรมดา แล้วก็นั่งลงกราบท่านบอกว่า “ลำบากมากต้องการให้ท่านสงเคราะห์”

สัมภเวสี ต้องอุทิศส่วนกุศลเฉพาะบุคคล
ข้าก็เลยบอกว่า “ในฐานะที่เจ้าดวงมันเป็นสัมภเวสีนี่ช่วยง่าย ข้าก็เลยอุทิศส่วนกุศลให้แก่มัน” แล้วมันก็กราบ ๓ หน พอกราบครั้งที่ ๓ ลุกขึ้นมาปรากฏว่าร่างกายของเจ้าดวงสวยมากแล้วบอกว่า “นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปมันมีความสุขแล้ว จะไม่รบกวนใคร” ท่านก็ถามว่า “เอ็งรบกวนเขาทำไม” เจ้าดวงตอบว่า “ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะหลอก การที่ไปหาใครหรือทำให้ใครเห็นและก็บอกว่าชื่อเจ้าดวงประกาศให้ฟังทุกราย ก็เพื่อให้เขาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้

แต่หลายคนที่เขาทำบุญอุทิศส่วนให้เขาก็ว่า ยังกิญจิบ้าง อิมินาบ้าง ก็ไม่มีโอกาสจะได้รับ เพิ่งได้รับจากหลวงพ่อปานวันนี้เอง” เพราะว่าเวลาหลวงพ่อปานท่านอุทิศส่วนกุศลให้สัมภเวสีก็ดี หรือผีที่มาขอส่วนบุญก็ดี ท่านสอนว่าอย่าไปว่าภาษาบาลีให้ว่าภาษาไทยชัดๆ และก็อุทิศส่วนกุศลเฉพาะบุคคลที่จะพึงให้ ถ้าหว่านสาดๆ ไปคนที่มีกรรมหนักนิดหนึ่งก็ไม่มีโอกาสได้รับ หากให้เฉพาะเจาะจงเขาก็มีโอกาสได้รับ..”

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://palungjit.org

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: