638. อิทธิคุณพระอสุรินทร์ราหู เทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่

พระอิศวรสร้างพระราหู
ในตำนานแรกนั้นจะแสดงถึงตำนานทางคติพราหมณ์ ในตำราไสยศาสตร์ หรือศิวะศาสตร์ของพราหมณ์นั้นแสดงไว้ถึงการกำเนิดเทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 พระองค์ไว้ดังนี้ เทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 นั้นพระองค์ล้วนบังเกิดขึ้นจากเทวะบัญชาของพระอิศวร เมื่อบังเกิดนั้น พระอิศวรทางเป็นผู้สร้างด้วยพระองค์เองทุกพระองค์ ดังนั้นเทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 จึงล้วนมีฤทธิ์มีศักดานุภาพมากนัก

ในเทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 นี้มีองค์หนึ่งทรงเป็นเทพอสูร ที่มีฤทธิ์เดชร้ายกาจมากนัก อานุภาพเป็นที่ยำเกรงของทวยเทพเทวาทั้งหลายด้วย ไม่อาจต้านทานพลานุภาพของพระองค์ได้ นั้นคือ “พระราหูจอมอสุรินทร์” ซึ่งพระอิศวรเจ้าได้นำหัวผีโขมด จำนวน 12 หัวมาป่นให้เป็นเถ้าธุลี จากนั้นห่อด้วยผ้าสีดำ เสกเป่าแล้วพรมลงด้วยน้ำอมฤต บัดดลบังเกิดขึ้นเป็นอสูรเทพนามว่า “พระราหู”บ้างก็เรียกว่า “อัมพรปีศาจ ภารณีภู กรหะ” พวกราหูมีร่างกายใหญ่โตเหลือประมาณ ครึ่งบนเป็นเทพอสูร ครึ่งล่างเป็นงู ทรงเดชานุภาพครอบงำได้ทั้งสามโลก เป็นที่เกรงกลัวต่อพระสุริยเทพ พระจันทราเทพ นับเป็นเทพนพเคราะห์อันดับที่8 มีกำลังนพเคราะห์เป็น 12 เป็นเทพแห่งวันพุธกลางคืน

กล่าวว่า อิทธิฤทธิ์ของอสูรเทพราหูนั้นพิสดารอย่างยิ่ง เมื่อแรกกำเนิดนั้นมีร่างกายครึ่งบนเป็นยักษ์ ครึ่งล่างเป็นพญานาค มีร่างกายสีทองอมดำสัมฤทธิ์ พาหนะที่ใช้นั้นกล่าวว่าทรงครุฑเป็นพาหนะ บ้างว่าทรงเมฆหมอก แสดงเห็นว่าพระราหูนั้นเป็นควบคุมธาตุน้ำ และธาตุลม บ้างก็ว่าพระราหูทรงพาหนะเป็นยักษ์ก็มีเหมือนกัน พระราหูจึงเป็นหนึ่งเทพยดาที่มีฤทธิ์มากนิสัยนักเลงไม่กลัวใคร ทางโหราศาสตร์ถือว่ามีพระเสาร์เป็นเพื่อนสนิท เมื่อพระราหูกำเนิดมาแล้วยังมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นอีกมากมาย

เล่าในกาลต่อมา พระราหูได้แอบขโมยน้ำอมกฤตเพื่อดื่มกินให้ตนเองเป็นอมตะ มีอำนาจเหนือเทพยดาทั้งหลาย แต่พระอาทิตย์และพรจันทร์ซึ่งคอยระวังเรื่องนี้อยู่แล้วแอบรู้เห็นการกระทำของพระราหูเข้าจึงทูลต่อพระนารายณ์ เมื่อพระนารายณ์ทรงทราบว่าพระราหูอาจเป็นภัยต่อทั้งสามโลก จึงทรงกริ้วนัก ขว้างจักรเข้าตัดกลางกายของพระราหู แต่ดีที่ว่าพระราหูนั้นได้ดื่มกินน้ำอมกฤตเข้าไปแล้วจึงหาสิ้นใจลงไม่ แม้มีครึ่งกายก็มีอำนาจท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งซึ่งเป็นท่อนล่างมีลักษณะเป็นงูนั้น ได้กลายเป็นเทพยดาขึ้นใหม่อีกพระองค์หนึ่งนามว่าพระเกตุ ทรงฤทธิ์เดชไม่แพ้กัน ถือว่าพระเกตุนี้เป็นเทพคุ้มครองดวงชะตาใครมีพระเดชกุมลักษณ์คนนั้นมักปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งหลายทั้งปวง

ส่วนพระราหูนั้นคิดแค้นใจในพระอาทิตย์และพระจันทร์มาเสมอที่แอบนำเรื่องที่ตนดื่มกินน้ำอมฤตไปทูลฟ้อง จนเป็นเหตุให้ตนเองต้องโดนจักรพระนารายณ์ตัดร่างขาดเป็นสองท่อนเช่นนี้ เมื่อได้โอกาสเหมาะเมื่อใดพระราหูจึงเข้าจับพระอาทิตย์พระจันทร์มากลืนกินทุกครั้ง แต่เมื่อได้ยินเสียงตีเกราะเคาะไม้ก็คายพระอาทิตย์พระจันทร์ออกมา การกลืนพระอาทิตย์พระราหูก็เรียกว่าสุริยคราส การกลืนพระจันทร์ก็เรียกว่า จันทรคราส คือปรากฏการณ์อันน่าตื่นเต้นทางดาราศาสตร์ทุกวันนี้

พระโพธิสัตว์ราหูเทพอสุรินทร์
ในบรรดาเทพนพเคราะห์ทั้ง 9 องค์นั้นมีเพียงพระราหูพระองค์เดียวเท่านั้นที่เป็นพระโพธิสัตว์และได้รับรับการพยากรณ์แล้ว แม้พระอาทิตย์และพระจันทร์ผู้มีบุญญาธิการอันสูงส่ง ก็มิได้เป็นพระบรมโพธิสัตว์ เช่น พระราหูและยังไม่ปรากฏเป็นคำพุทธพยากรณ์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นจะมีเพียงอสูรเทพพระราหูเท่านั้นที่มีฐานะเป็นพระโพธิสัตว์และได้รับพุทธพยากรณ์จากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน พระบารมีแห่งเทพอสุรินทร์ราหูจึงมีอยู่มากมายมหาศาลบุคคลผู้ที่จะได้รับพุทธพยากรณ์เช่นพระราหูนั้น ถือว่าได้บำเพ็ญบารมีเข้าสู่เส้นชัยแล้ว หมายความว่า บารมีที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลเบื้องหน้านั้นสำเร็จอย่างแน่นอน แสดงว่าบุญบารมีของพระราหูสามารถโปรดผู้ตกทุกข์ได้ยากให้ได้ดีมีสุข พ้นทุกข์พ้นภัย ด้วยอาศัยบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ญาณที่พระราหูได้บำเพ็ญเพียรมานับชาติไม่ถ้วน

การนับถือจึงมิได้หมายความว่าเรากำลังบูชาภูตผีปีศาจแต่อย่างใด แต่เรากำลังบูชาพระโพธิสัตว์ในรูปกายแห่งเทพอสูร อันเป็นคติสอนให้พิจารณาว่า อย่ามองที่รูปกายภายนอก แม้ว่ารูปกายแห่งพระราหูจะดูดุดันน่ากลัว แต่คุณธรรมภายในนั้นกลับตรงข้าม พระราหูเป็นเทพอสูรที่บำเพ็ญบารมีเพื่อบรรลุพระโพธิญาณมานับชาติไม่ถ้วน ภายในจิตใจนั้นมีแต่ความปรารถนาดีต่อมวลมนุษย์ สิ่งเลวร้ายในชีวิตมนุษย์นั้นไซร์ย่อมเกิดจากผลกรรมเก่าและใหม่ที่ตนก่อไว้ เมื่อถึงเวลา กรรมนั้นย่อมเป็นไปตามกลไกของมัน พระราหูเทพอสุรินทร์เป็นเทพยเจ้าผู้เป็นพยานแห่งการกระทำกรรมของมนุษย์ หาได้ให้ร้ายต่อใครไม่

นอกจานนี้หลายท่านคงไม่เคยทราบว่าคำกล่าวขึ้นต้นก่อนสวดมนต์บทใดๆ ก็ตาม คือ นะโมตัสสะ นั้นเป็นคำกล่าวนอบน้อมพระพุทธเจ้าที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น จนกลายเป็นประโยค “นะโม ตัสสะ” ที่เราสวดกัน ในบทดังกล่าวพระราหูเป็นบุคคลสำคัญที่ร่วมรจนาบทคาถา “นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหัตโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” โดย คำว่า

“นะโม” ผู้กล่าวคือ พญายักษ์สันตาคีรี
“ตัสสะ” ผู้กล่าวคือ องค์สุรินราหู
“ภะคะวะโต” ผู้กล่าวคือ ท้าวมหาราชทั้งสี่ ได้แก่ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรุฬปักษ์ และท้าวเวสสุวัณ
“อะระหัตโต” ผู้กล่าวคือ พระอินทร์ เป็นคำนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
“สัมมาสัมพุทธะสะ” ผู้กล่าวคือ ท้าวมหาพรหมสหัมปติ

ทั้งหมดนี้ทวยเทพทั้งหลายทั้งหลายทั้งยักษ์ และเทวดาต่างกล่าวนอบน้อมพระพุทธองค์ในวันแรกที่ตรัสรู้ได้อนุตรธรรมคือพระนิพพนานธรรม ดังจะเห็นได้ว่าในบรรดาผู้กล่าวคำกล่าวนอบน้อมนั้นมีอสุรินทร์ราหูร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีพญายักษ์ ที่ชื่อสาตาคิรีอีกหนึ่ง และท้าวเวสสุวัณผู้เป็นจอมยักษ์อีกหนึ่ง ซึ่งท่านเหล่านี้ล้วทรงบุญญาธิการทั้งสิ้น ครูบาอาจารย์ ของผู้เขียนกล่าวผู้ที่ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยดีแล้ว และเคารพในคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีเทพเทวดาทั้งหลายเป็นอาทิหากทำการท่องคำว่า “นะโมตัสสะ” ด้วยความเคารพศรัทธาก็สวามารถกันภูตผีปีศาจได้ เพราะเป็นคำกล่าวของพระราหู มีบารมีธรรมแห่งพระรากูอยู่ ภูติผีปีศาจทั้งหลายย่อมเกรงกลัวพระราหูฉันใดผู้ทีมีความเคารพพระราหูย่อมได้บารมีข้อนี้ตามไปด้วย นอกจากนี้นะโมที่เราสวดนั้นยังมีเทพเทวาอีกหลายพระองค์จึงเป็นคำกล่าวที่ศักดิ์สิทธิ์มาก การท่องทุกครั้งหากได้ระลึกถึงเทพเทวาทั้งหลายนี้แล้วย่อมเป็นสิริมงคลสูงสุด

ถูกใจแสดงความรู้สึกเพิ่มเติมแสดงความคิดเห็น
คติธรรมต่างๆเกี่ยวกับพระราหูนั้นเห็นได้ว่าพระราหูเป็นผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ พลังอำนาจแห่งพระราหูเป็นพลังงานอันเร้นลับ แม้รูปเคารพแห่งพระองค์ปรากฏอยู่ ณ สถานที่ใด สถานที่นั้นย่อมปลอดภัยจากภูตผีปีศาจ ด้วยเดชบารมีอันน่าเกรงขามแห่งพระราหู
อิทธิคุณของพระราหูนั้นเรียกว่าครอบจักรวาล ดังนี้

1.เด่นเรื่องมหาอุตม์คงกระพัน ผู้ครอบครองย่อมไม่มีวันตายโหง
2.คุ้มครองให้พ้นจากอัคคีภัย โจรภัย ฟ้าฝ่า
3.คุ้มครองให้พ้นภัยจากอำนาจภูตผีปีศาจมนต์ดำ คุณไสยทั้งปวง
4.เรียกทรัพย์สินเงินทองทำให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี
5.ทำให้พืชพรรณที่ปลูกบริบูรณ์ให้ผลดี
6.เป็นเมตตามหานิยม
7.ทำให้ผู้บูชามีสุขภาพแข็งแรงห่างจากโรคพยาธิ
8.ค้ำชูดวงชะตาไม่ให้ตกต่ำ แม้ยามพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกก็ตาม

ปล.ขอขอบคุณท่านเจ้าของเรื่องและรูปภาพ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ศิษย์สายวัดสะพานสูง
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: