561. เรื่องเล่าจากต่างแดน บารมีหลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร

ขอกราบเท้าหลวงพ่อจ้อยที่คารพเป็นอย่างสูง
กระผมได้ไปถึง อเมริกา เรียบร้อยดี ก็เกือบสามเดือนแล้ว กระผมมีเรื่องที่ตื่นเต้นที่จะเล่าให้หลวงพ่อฟังสักน่อย ก่อนอื่นหลวพ่อคงจำผมและลูกชายของผมได้นะครับ เพราะปลายเดือนธันวาคม กระผมและลูกชายได้ไปกราบหลวงพ่อก่อนที่จะไปอเมริกา

คือเมื่อวันที่ 17 มกราคม เวลาตี 4.30เช้า เกิดแผ่นดีไหวอย่างหนัก(หนักที่สุดตั่งแต่ผมไปอยู่ที่นั่น)และจุดที่เกิดก็ห่างจากบ้านประมาณ 20 กม หลวงพ่อครับบ้านนี้สั่นยิ่งกว่าเจ้าเข้าเสียอีก ยืนไม่ได้เลย ตอนนั้นในบ้านทุกคนกำลังหลับสนิท พอเกิดเหตุทุกอย่างสั่นมากได้ยินสียงดังหูอื้อ ผมโดดลุกขึ้นมายืนบนเตียง ปากก็ร้องรียกทุกๆคนในบ้าน(บ้านของผมมีทั้งหมด4คนสามห้องนอน) ภรรยาและลูกสาวคนเล็กนอนอีกห้อง ลูกชายอีกห้อง

กระผมก็อีกห้องหนึ่ง เวลาผมตะโกนไม่มีใครได้ยินเสียงผมเลย ผมกระโดดลงจากเตียง ก็หกล้มเพราะความสั่นของบ้าน และก้ไปแตะสิ่งของที่ตกลงมาเต็มห้องไปหมด(ไฟฟ้าดับหมด) มองไม่เห็นทางเลย กระผมก็พยายามคลานออกมาถึงหน้าห้องเพื่อจะไปเรียกทุกคนออกไปจากบ้าน พอเปิดประตูออกมาก็เห็นลูกชายวิ่งออกมาตัวสั่นไปหมด ภรรยาและลูกสาวก็ค่อยๆคลานออกมา

ตอนนี้บ้านยังคงสั่นอยู่ และทุกคนก็คลานออกไปอยู่นอกบ้าน พอทุกอย่างสงบลงก็เข้ามาหาไฟฉาย สำรวจความเสียหายภายในบ้านทุกอย่างตกลงมาอยู่ที่พื้นหมด ภายในห้องครัวถ้วยชามตกลงมาแตกไปหมด ของทุกอย่างที่แขวนตกลงมาหมด ทุกอย่างโล่งไปหมดทั้งบ้าน พอกระผมเข้าไปดูห้องลูกชายรู้สึกตกใจ และแปลกใจมากว่าลูกชายของผมวิ่งออกมาอย่างปลอกภัยได้อย่างไร

เพราะว่าทางเดินมีอยู่นิดเดียวตู้เสี้อผ้าล้มลงมาอยู่มี่ปลายเตียง กระผมก็ถามลูกชายว่าวิ่งออกมาได้อย่างไร ลูกชายก็เล่าให้ผมฟังว่า ตอนที่หลับสนิท ก่อนเกิดแผ่นดินไหวนั้น ฝันเห็นพระห่มผ้าเหลืองนั่งอยู่ และมือสองข้างวางไว้บนหัวเข่าของพระสงฆ์ ทันได้นั้นก็เกิดแผ่นดินไหว ลูกชายผมบอกว่าเหมือนมีใครมาดันข้างหลังให้ลุกขึ้นวิ่งออกไปจากห้อง ระหว่างที่วิ่งออกมานั้น

ลูกชายบอกว่าเหมือนมีสิ่งขอลับฉียดขาไป ก็ตู้เสื้อผ้านี่แหละที่ออกมาช้าไปก็คงได้รับอันตรายแน่ๆถ้าโดนขาคงหักแน่ๆ กระผมก้ถามภรรยาว่าพระที่เห็นในฝันนั้นเป็นใครและจำได้ไหม ลูกชายของผมก็ชี้ไปที่รูปภาพในห้องของแกกระผมและภรรยาขนลุกเลยเมื่อเห็นรูปภาพนั้น เป็นรูปหลวงพ่อจ้อยที่เป็นนาฬิกาแขวนเอาไว้

หลวงพ่อครับที่ผมและภรรยาขนลุกนั้นก็เพราะว่า รูปภาพต่างๆในบ้าน และนาฬิกาสองเรือนที่แขวนอยู่ ตามที่ผมเรียนไปแล้วว่าไม่มีอะไรติดอยู่ที่ข้างฝาเลย แม้กระทั้งกระจกแต่งตัวสองแผ่นใหญ่ ก็ตกลงมา และทุกอย่างก็แขวนอยู่กับตะปูเหมือนกันหมด รวมทั้งนาฬิกาของหลวงพ่อด้วย ตอนที่แผ่นดินไหวนั้นทำให้สิ่งของที่แขวนอยู่หลุดจากตะปู ตะปูก็ยังอยู่เหมือนเดิมทุกอย่าง

นอกจากสิ่งของเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ที่เดิม ที่มีแขวนอยู่ที่เห็นไดชัด ก็เป็นนาฬิการูปภาพของหลวงพ่อจ้อยที่แขวนอยู่เท่านั้นเอง ด้วยบารมีของหลวงพ่อจ้อยจริงๆ ที่ได้คุ้มครองกระผมและครอบครับกระผมให้ปลอดภัยในครั้งนั้น กระผมขอกราบขอบพระคุณณ ที่นี้ด้วย หลวงพ่อครับลูกชายผมยังคุยต่อไปว่าเพราะหลวงพ่อจ้อยแท้ๆที่คุ้มครองเอาไว้ ครั้งไปเมืองไทยคราวที่แล้วหลวงพ่อยังได้เป่าหัวให้อีกสามครั้ง ลูกชายผมยังบอกว่า คราวหน้าถ้าไปหาหลวงพ่ออีก จะให้หลวงพ่อเป่าหัวให้อีกหลายๆครั้ง

หลวงพ่อคงรำคาญมากนะที่ผมเขียนเสียยาว แต่ผมต้องเขียนมาของพระคุณหลวงพ่อ อีกอย่างเรื่องภาษีของกระผมก็คงเรียบร้อยในเร็วๆนี้ ก็เพราะด้วยบารมีของหลวงพ่อและน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ช่วยกระผมเอาไว้ เพราะทางทนายของผมบอกว่ากรมภาษีเค้าอาจจะยอมให้ฝ่ายกระผมต่อลองลงมาได้อีก คือเราจะไม่เสียภาษีที่เขาปรับและค่าดอก คืออาจจะเสียให้เขาพอประมาณคงจะรู้เรื่องในเร็วๆนี้ อีกอย่างนึงผมได้ฝากเงินมา 300 เหรียญ เพื่อทำบุญซื้อที่ดินถวายวัดมาด้วย

ท้ายนี้กระผมขออาราธนา คุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่ศักสิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงบัลดาลให้หลวงพ่อ จงมีพลานามัย แข็งแรงเทอญ

ขอแสดงความเคารพอย่างสูง
พรชัย ศักดิ์บูรณาเพรช
ขอบคุณที่มา sriutumpron.com/content/1043
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: