1076. ย้อนรอยอภิญญาหลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร

ตำนานเล่าขานฤทธิ์อภิญญาหลวงปู่สงฆ์
หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร

เป็นพระอาจารย์ ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานเป็นพระที่พูดน้อย รักความสงบ สำรวม กาย วาจา ใจ พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่ง ในบวรพระพุทธศาสนาเป็นนาบุญอันประเสริฐ

หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร สมัยเป็นฆราวาส เคยปฏิบัติตนเป็นผู้มีสัจจะแต่เดิม แม้จะเป็นพระภิกษุแล้วก็ตาม อุปนิสัยนั้นก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น มีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นโดยลำดับ แม้เป็นพระภิกษุที่พูดน้อย แต่คำพูดของท่านที่พูดออกมานั้นจะบังเกิดผลได้จริงจังอย่างมหัศจรรย์ที่เรียกว่า วาจาสิทธิ์

ด้วยเหตุนี้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาญาติโยมทั้งหลายมักจะชุมนุมกันที่ศาลาเวลาเช้าก่อนไปทำงานเป็นประจำก็เพื่อขอวาจาสิทธิ์ของท่านนั่นเองถ้าท่านกล่าวคำใดกับใคร ก็จะเป็นความจริงอย่างนั้นเสมอ
บางคนไม่ได้ขอฟังวาจาจากท่าน แต่ก็พยายามนั่งจ้องอยู่ดูอิริยาบถของท่าน ว่าจะออกมาในรูปใด พวกนักนิยมโชคลาภแทงหวย จะเอามาตีปัญหาเป็นตัวเลขอย่างฉมังยิ่งนัก เหตุว่าไม่กล้าเข้าไปขอโดยตรงกับท่าน เพราะท่านไม่นิยมพวกนักเล่นการพนันทุกชนิดนั่นเอง

ครั้งหนึ่ง เคยมีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้หนึ่ง เดินทางเข้าไปนมัสการท่านพร้อมกับนำสัตว์เลี้ยงสี่เท้าไปถวายท่านด้วย

หลวงปู่สงฆ์เห็นก็ได้ถามขึ้นว่า “อ้าว…นั่นเอานกมาทำไมกัน”
ท่านผู้ใหญ่คนนั้นตอบว่า “ไม่ใช่นกหรอกครับหลวงปู่”

ว่าแล้วก็เปิดกรงที่นำมาให้ดู แต่พอเปิดกรงออกเท่านั้นทุกคนที่มาด้วยต่างตกตะลึงในความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น เพราะแทนที่จะเป็นสัตว์สี่เท้าที่ตนจับใส่กรงมา แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่…กลับเป็นนกตัวหนึ่งบินปร๋อออกจากกรงหนีไปทันที….

ปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์ของหลวงปู่สงฆ์ในครั้งนั้น นำความตกตะลึง แก่ชาวคณะอุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายในวัดที่นั่งกันอยู่เต็ม และต่างก็พูดว่า “นี่เป็นวาจาสิทธิ์ของหลวงปู่” ทำให้ประชาชนที่ได้ทราบเรื่องในครั้งนั้น มีความเคารพนับถือ และไม่กล้าประพฤติความชั่วให้ปรากฏแก่สายตาหลวงปู่สงฆ์ไม่ว่าในที่ลับ หรือที่แจ้ง ทั้งหมดเกรงว่าหลวงปู่ท่านจะพูดวาจากล่าวตักเตือนและถ้าท่านดุด่าว่ากล่าวแล้วผู้นั้นจะเคราะห์ร้ายไปตามที่ท่านพูดวาจานั้น

จึงนับว่า หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร สามารถใช้วาจา ขัดเกลากิเลส ตัณหา อุปาทาน ให้ออกจากชีวิตจิตใจของผู้ที่ยิ่งถือทิฐิมานะ ได้มากทีเตียว

ฉุดเรือข้าวเปลือก
หลังวัดเจ้าฟ้าศาลาลอยมีแม่น้ำ เรือบรรทุกข้าวบ้างอะไรต่ออะไรบ้างผ่านไปผ่านมาเสมอ

วันหนึ่งมีคนเรือข้าวเปลือกที่เคยขึ้นมากราบนมัสการท่านเสมอจนคุ้นเคยกัน ได้แล่นผ่านมาทางหลังวัด ตอนนั้นหลวงปู่กำลังนั่งเล่นรับลมอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ เรือลำนั้นแล่นมาจวนจะถึงศาลาก็หยุด มิหนำซ้ำกลับหันหัวเรือไปอีกทิศ คือไปตามทางที่มา เรือวนอยู่อย่างนั้นจนคนเรือชักแปลกใจ ถ่อก็แล้วมันก็ไม่ไป เหลือบมองไปที่ศาลาเห็นหลวงปู่นั่งนิ่งอยู่ก็นึกรู้ทันทีว่า เพราะอะไรเรือจึงไม่ยอมไปข้างหน้า เอาแต่หมุนวนอยู่ท่าเดียว พอวาดเรือเข้าฝั่งได้ก็กระโดดตรงเข้ามาหาหลวงปู่ทันที

“ท่านล้อผมเล่นทำไม” เอ่ยถามอย่างโกรธ ๆ

หลวงปู่ท่านยิ้มมองหน้านายท้ายเรือ ความจริงหลวงปู่กับนายท้ายเรือคนนี้รู้จักมักคุ้นกันดีเนื่องจากเป็นเพื่อนเกลอกันตั้งแต่เด็ก ๆ ผ่านมาทีไรก็ต้องแวะหาหลวงปู่ทุกที แต่คราวนี้ไม่ยอมแวะ

“กูไปทำอะไรมึง” หลวงปู่ทำหน้าดุ ๆ ตอบ
“ก็ดึงเรือเอาไว้ทำไมล่ะ”

“ดึงที่ไหน เรือไปโน่น” ท่านชี้มือทวนน้ำขึ้นไป มหัศจรรย์ เรือบรรทุกข้าวกลับทวนน้ำขึ้นไป นายท้ายเรือก็เลยต้องผละวิ่งตามเรือไป เป็นการเย้าแหย่ระหว่างเพื่อนเก่า ๆ ที่เล่าติดปากกันมาอีกเรื่อง แสดงให้เห็นว่า หลวงปู่นั้นมีพลังจิตสูงและมีอารมณ์สนุกสนานเหมือนกัน ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดได้เล่าว่า หลวงปู่นั้นใครจะพูดว่าอะไรท่านก็รู้ สมัยก่อนท่านมักจะสานควายธนูเอาไว้ชนกันเล่น แม้แต่ลูกกระสุนท่านก็สั่งได้ จะให้ไปถูกที่ไหน

สิ่งมงคลและยาวิเศษ
สิ่งอันเป็นมงคลที่หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร อนุเคราะห์ชาวบ้านที่ได้รับความทุกข์ร้อน โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เมื่อมาหาท่าน ท่านจะอนุเคราะห์ช่วยเหลือจนหายจากโรคภัยไข้เจ็บโดยสิ้นเชิง และสิ่งของที่ท่านมอบให้นั้นก็ไม่กี่บาท ขอยกให้เห็นชัดดังนี้

ที่ข้าง ๆ บันไดกุฏิของท่านจะมีตุ่มใส่น้ำมนต์ตั้งไว้ใบหนึ่ง ท่านจะลงมาจากกุฏิทำน้ำมนต์ ในเวลากลางคืนแล้วนำมาใส่ตุ่มไว้ ตอนเช้ามืดอีกครั้งหนึ่ง ท่านจะลงมาเทใส่ตุ่มที่หมดทุกวัน ๆ น้ำมนต์ในตุ่มนั้นจะมีผู้ที่รู้แหล่งเข้ามาขอตักไปบูชาหรือดื่มกิน

น้ำมนต์ของหลวงปู่สงฆ์เป็นสิ่งมงคลที่มีความขลัง และศักดิ์สิทธิ์ สามารถอาราธนาให้เกิดผลในสิ่งที่ตนปรารถนาได้ทุกประการตามแต่คำอธิษฐานจิตของผู้ใช้

โอ่งน้ำมนต์ของท่านเรียงรายอยู่ตามบันได ทางขึ้นลงกุฏิทั้งด้านซ้ายด้านขวา แท้จริงถ้ามองเผิน ๆ มันจะเป็นโอ่งน้ำล้างเท้า แต่ทว่าไม่ใช่ เพราะคนสมัยนี้สวมรองเท้า ไม่ได้มาเท้าเปล่าแล้วมาล้างเชิงบันได เมื่อตื่นขึ้นตอนเช้าหลวงปู่จะทำน้ำมนต์ มาเทลงในโอ่ง ท่านทำอย่างนี้ทุกวัน

น้ำมนต์ไล่ผีอย่างเห็นได้ชัด ครั้งหนึ่งมีคนแถวสามแก้วได้พาลูกสาวซึ่งมีอาการเหมือนถูกผีเข้าสิง ดิ้นทุรนทุรายร้องเอะอะเสียงดัง ญาติผู้ชายร่างกายแข็งแรงต้องช่วยกันพามาที่วัด มานั่งรออยู่เชิงบันได เพราะบนกุฏิหลวงปู่นั้น ผู้หญิงขึ้นไม่ได้ แล้วพ่อของเด็กก็ขึ้นไปเล่าอาการให้ฟัง

เมื่อได้ฟังอาการแล้วหลวงปู่ก็เดินมาที่หน้ากุฏิมองลงมาที่เด็กสาวคนนั้น ชายสองคนจับแขนเอาไว้แน่น ขณะที่เด็กสาวสะบัดจะให้หลุด ปากก็ร้องเสียงดังเอะอะ หลวงปู่มองดูสักครู่ท่านก็ร้องบอก

“นิ่งเสียบ้างซิ”

เด็กสาวที่ร้องครวญครางส่งเสียงดังก็หยุดชะงักลงทันทีเมื่อสิ้นเสียงหลวงปู่ที่พูดลงมา สักครู่ก็ร้องอีก

นายสร้าง คนติดตามหลวงปู่มานานหลายปีได้ยื่นขันน้ำที่ตักจากในโอ่งบนกุฏิส่งให้ หลวงปู่หยิบขันน้ำมาก็เทโครมลงมาทันที ถูกร่างของเด็กสาวคนนั้นอ่อนแรงจนนอนราบเรียบสงบ หลวงปู่หันหลังกลับเข้ากุฏิ สักครู่เด็กสาวคนนั้นก็ลุกขึ้นงัวเงีย อาการผิดปกติหายไปราวกับปลิดทิ้ง

น่าสังเกตตรงที่ว่า น้ำที่นายสร้างตักใส่ขันความจริงเป็นน้ำดื่มกินธรรมดา เมื่อหลวงปู่รับขันมาท่านก็เทโครมทันที ไม่ได้เสกหรือเป่าใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าเป็นรูปแบบของคณาจารย์อื่น ๆ จะต้องมีการเสกการเป่าเสียก่อน แต่หลวงปู่ไม่ต้อง ได้มาเททันที

เรื่องของการใช้น้ำมนต์ไล่ผีเข้าเจ้าสิงของหลวงปู่นั้นโด่งดังอยู่ ดังนั้นน้ำมนต์ของหลวงปู่จึงมีคนต้องการมาก

ยาเส้น
ตามปกติหลวงปู่สงฆ์ท่านชอบใช้ยาเส้นสีปากแล้วอมเอาไว้ ดังนั้นยาเส้นที่ท่านใช้แล้วเหล่านั้น จะกลับกลายเป็นของวิเศษ เป็นของที่มีมงคลศักดิ์สิทธิ์ คือ กลายเป็นของขลังอย่างยอดเยี่ยม

สมัยก่อนนั้น คนที่ไปวัดเจ้าฟ้าศาลาลอยจะหายาเส้น ไปสักจำนวนหนึ่ง บางคนก็เอาไปเป็นห่อ แล้วก็ให้หลวงพ่อเสกให้ต่อจากนั้นก็นำมาเป็นวัตถุมงคลติดตัว ต่อมาทางวัดมีความคิดดีนำเอายาเส้นอัดพลาสติกห้อยคอ ทำเหมือนกับลูกอม ปิดทองอีกด้วย

เพราะยาเส้นโด่งดังและเป็นที่ต้องการของผู้ที่เข้าวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย เรื่องมันมีอยู่ ค่อนข้างเกรียวกราวในชุมพร คือ

ครั้งหนึ่ง ได้มีคนมาหาหลวงปู่ ท่านก็มอบยาเส้นไปให้ ยาเส้นนี้เดิมทีเป็นของใช้ประจำวันของหลวงปู่ ท่านเอามาสีฟัน คนที่เคารพนับถือเห็นว่าอะไรก็ตามที่ท่านใช้ย่อมจะเป็นมงคลทั้งสิ้น ก็เลยขอยาเส้นท่านไป เมื่อได้แล้วก็นำไปไว้ในเซฟ รวมกับเอกสารและของมีค่า เขาถือว่า ยาเส้นของหลวงปู่ เป็นของมีค่าด้วยชนิดหนึ่งต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี

หลังจากนั้นไม่นานนักขโมยเกิดเข้าบ้านชายคนนี้ เมื่อมันเปิดเซฟออกมา มันก็เบือนหน้า เพราะในเซฟไม่มีสมบัติอะไรเลย ภายในเซฟมีแต่ยาเส้นกองเต็มไปหมดไม่มีของมีค่า แต่แล้วคนพวกนี้ก็ไปไม่รอด โดนจับได้ ของกลางไม่มีอะไร เพราะมันไม่ได้อะไรไปเลย บอกกับตำรวจเพียงว่า

“ในเซฟมีแต่ยาเส้น ใครจะเอาไปทำไม”

ความจริงยาเส้นในเซฟนั้นมีเพียงก้อนเล็ก ๆ ขนาดเท่าหัวแม่มือเท่านั้น แปลกใจทำไมมันจึงมองเห็นว่ามีมากมายไปได้หรือจะเป็นเพราะ อภินิหารยาเส้นมงคลของหลวงปู่

ยาเส้นของหลวงปู่นั้นแท้จริงก็คือ ยาเส้นที่หลวงปู่ชอบอมเอาไว้ หรือเรียกกันแบบภาษากลางว่า ถุนยา คือเอายาเส้นใส่ปากอมเอาไว้ เมื่อมีคนอยากได้ บางคนขอเอาจากปากท่านเลยก็มี ท่านก็คายออกใส่มือที่แบรออยู่
#น้ำปลา…ยาวิเศษ

เรื่องนี้ได้ทราบจากชาวบ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อหลายปีมาแล้วว่า เขาปวดท้องมานาน ๑๐ กว่าปี ไปรักษาที่ไหนตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เสียเงินไปเป็นแสนบาท นายแพทย์เก่งขนาดไหนก็รักษามาแล้ว ที่ไหนว่าเก่ง ๆ พอเจอโรคของบุคคลนี้เข้า ยอม กลัว รักษาไม่หาย

ต่อมาได้ยินเขาเล่าลือว่าทางจังหวัดชุมพรมีพระที่วิเศษรูปหนึ่ง เคยรักษาโรคมาเป็นพันๆ คน และก็หายจนหมดสิ้นทุกคนคนป่วยจึงได้หอบสังขารชนิดผอมติดกระดูกมาหา หลวงปู่สงฆ์ นี่แหละ

ทันทีที่เห็นหน้าหลวงปู่สงฆ์ คนป่วยก็มีความรู้สึกศรัทธาอย่างมากมาย ขนลุกขนพองอยู่ตลอดเวลา แม้ท่านจะกลับเข้ากุฏิไปแล้วก็ตาม ศิษย์ของท่านจึงนำน้ำปลาไปให้ท่านเพ่งกระแสจิตให้สัก ๑๐ นาที แล้วนำน้ำปลานั้นมาให้และบอกว่าให้กินน้ำปลานี้ ยาอื่นท่านบอกว่าไม่ต้องกินแล้ว ถึงกินก็ไม่หาย

ด้วยความศรัทธาในองค์หลวงปู่สงฆ์ หญิงคนนั้นจึงเปิดขวดน้ำปลาดื่มเข้าไป แม้ว่าน้ำปลาจะมีรสเค็มจริงอยู่ แต่เวลาน้ำปลาผ่านลำคอไปแล้ว รู้สึกเย็น ๆ พอไปถึงท้องแล้วอาการปวดท้องเสียด ๆ นั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง ไม่เกิดขึ้นอีกเลย

เกิดความตื้นตันขึ้นมา ดื่มเข้าไปอีกต่อหน้าลูกศิษย์หลวงปู่สงฆ์ มีอาการยิ้มแย้มฉายให้เห็นท่าทีว่า อาการภายในสงบ ภายนอกก็แจ่มใส ผู้ป่วยนั้นก็ก้มลงกราบตรงเชิงบันไดกุฏิของหลวงปู่สงฆ์ แล้วได้ร่วมทำบุญกับวัดเจ้าฟ้าศาลาลอยด้วยความศรัทธาแล้วจึงลากลับบ้านของตน

สำหรับชาวบ้านจะนำน้ำปลาเอามาให้หลวงปู่สงฆ์เสกเป่าเป็นมงคลขึ้น เสร็จพิธีแล้วน้ำปลาจะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ มีความขลังในการรักษาโรคผิวหนัง แผลเน่าเปื่อยได้ชะงัดดีนัก โดยเฉพาะผู้ที่ติดยาเสพติด น้ำปลาของหลวงปู่สงฆ์จะรักษาได้เป็นอย่างดี นับเป็นสิ่งมงคลในการรักษาโรคภัยอย่างไม่เคยมีผู้ใดกระทำมาก่อน

ลงเผยแผ่เป็นสังฆบูชาเมื่อ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญา ครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : คติธรรม
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: