750. ตำนานเหรียญหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา

ตำนานเหรียญหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา
หลวงปู่ทอง ท่านเป็นเกจิยุคเดียวกับ หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง แต่เนื่องจากอายุท่านยืนยาวมาก จนมาทำพิธีร่วมกับระดับลูกศิษย์ เช่นหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา บางคนไม่รู้อายุท่าน นึกว่าอยู่ในยุคเดียวกัน

หลวงปู่ทอง ท่านมีญาณหยั่งรู้ที่แจ่มใสมาก ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านบ่นกับลูกศิษย์ อยากฉันผักชีญี่ปุ่น ลูกศิษย์ก็งง แต่นึกว่าท่านคงหลง จึงไปเด็ดผักอย่างอื่นมาถวาย พอท่านถามว่า นี่ผักอะไร ลูกศิษย์ก็ตอบไปตามจริง ท่านก็ไม่ยอมจะฉันแต่ผักชีญี่ปุ่น มีลูกศิษย์คนหนึ่งหัวไว พอท่านถาม เค้าก็บอกผักชีญี่ปุ่น ท่านก็รับประเคนมาด้วยความดีใจ และฉันผักด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย พร้อมกับพูดว่า กูกินมึงแล้ว คราวนี้มึงทำอะไรกูไม่ได้ ต้องอีกหลายปี ญี่ปุ่นบุกไทย ลูกศิษย์ท่านจึงบางอ้อ ว่าท่านสื่ออะไร

เมื่อตอนสร้างเหรียญท่าน ตอนคนสร้างถาม ว่าท่านอายุเท่าไหร่ ท่านก็บอกอายุที่ท่านมรณภาพ ดังมีรายละเอียดดังนี้
อาจารย์แก้วได้จัดผ้าป่าขึ้นมากองหนึ่งเพื่อบูรณะวัดราชโยธาในปี พ.ศ. 2477 และขออนุญาตหลวงปู่ทองสร้างเหรียญรุ่นหน้าลอยเพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหาไว้เคารพบูชาและเป็นที่ระลึก หลวงปู่ทองอนุญาตให้สร้างเหรียญพร้อมมอบเนื้อสัมฤทธิ์ส่วนหนึ่งซึ่งเหลือจากการหล่อพระประธานในโบส์ถและยังลงยันต์อักขระในแผ่นทองแดงให้อีก 48 แผ่นให้อาจารย์แก้วเพื่อเป็นชนวนในการสร้างเหรียญ อาจารย์แก้วถามหลวงปู่ทองว่าท่านอายุเท่าใดเพราะอยากได้อายุท่านลงไว้ในเหรียญ ท่านจึงบอกว่า อายุ 117 ปี

ซึ่งความจริงในขณะนั้นหลวงปู่ทองมีอายุเพียง 114 ปี อาจารย์แก้วได้สร้างเหรียญรุ่นหน้าลอยเป็นเหรียญทองแดงจำนวน 4,800 เหรียญ เหรียญเงินจำนวน 480 เหรียญ และเหรียญทองคำจำนวน 12 เหรียญ เมื่อสร้างเหรียญเสร็จแล้วจึงนำไปให้หลวงปู่ทองปลุกเสก หลังจากนั้นอีก 3 ปี คือปี พ.ศ. 2480 ท่านถึงได้มรณภาพ ส่วนเหรียญรุ่นหน้าจมสร้างขึ้นมาภายหลัง จำนวน 4,800 เหรียญ ซึ่งส่วนมากเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ มีชนวนเก่า เศษทอง เงิน และทองแดง ที่เหลือจากการปั้มเหรียญรุ่นหน้าลอยมาผสมด้วย เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแจกในงานฌาปนกิจศพพระคุณเจ้าหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา เมื่อปี พ.ศ. 2481

ขอขอบคุณ ท่านเจ้าของข้อมูลและเจ้าของภาพ

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ศิษย์สายวัดสะพานสูง
ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : TNEWS – ทีนิวส์
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: