3695. ถล่มวังข่า ตอนที่ ๑ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ถล่มวังข่า ตอน ๑ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ไพฑูรย์พูดเสมอว่าชีวิตไม่เคยได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรมทั้งหลายที่พยายามทำให้เขากลายเป็นอาชญากรใจทมิฬ ตั้งแต่คดีแรกที่ยิงต่อสู้แบบดวลกันนัดต่อนัดผู้ตายเป็นตำรวจจึงโดนข้อหาฉกรรจ์คือฆ่าคนตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน

ไพฑูรย์เข้าไปในบ้านผู้ตายแล้วท้าดวลกับผู้ตายจริง ผู้ตายยิงใส่แต่กระสุนไม่ลั่น หากเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเปิดโม่ปืนเทลูกปืนออกมาดูจานท้ายกระสุนจะพบว่ามีรอยเข็มแทงชนวนแทงลึกลงไปทุกนัดและหากเอาแต่ละนัดไปยิงทดสอบจะพบว่ายิงออกทุกนัดทั้งนี้ก็ด้วยอาคมที่ไพฑูรย์ภาวนาและของขลังที่ช่วยรักษาชีวิตไว้

การที่ไพฑูรย์ต่อสู้ว่าเป็นการต่อสู้กันจึงฟังไม่ขึ้นเพราะหลักฐานดังกล่าวตำรวจมิได้นำมาประกอบการพิจารณาตามหลักฐานที่อัยการยื่นฟ้องคำพิพากษาคือการประหารชีวิตทั้ง 3 ศาล เมื่อชีวิตอยู่ใต้ดาวโจรแล้วก็ขอเป็นอาชญากรให้สมกับที่ตำรวจได้มอบให้

ไพฑูรย์บอกว่าตำรวจดีๆมีอยู่ไม่น้อยในการปะทะกันจึงยิงป้องกันตัวเพื่อให้บาดเจ็บเพราะเข้าใจดีว่าตำรวจชั้นผู้น้อยต้องทำตามคำสั่งเพื่อให้ได้เงินเดือนอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับการที่ต้องสละชีวิตเพื่อรักษากฎหมายเอาไว้หากมีตำรวจชั้นผู้น้อยตายลูกเมียเขาจะลำบากและเป็นกรรมกับตัวเอง .

คนที่ถูกไพฑูรย์ฆ่าจะมี 3 จำพวกคือเศรษฐีหน้าเลือดตำรวจที่ประพฤติผิดต่อคำสาบานเมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจและอาชญากรที่ก่อความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน

ไพฑูรย์เล่าเหตุการณ์เมื่อครั้งหนีคดีไปอยู่กับญาติที่ตำบลวังข่า ริมแม่น้ำเมย แหล่งค้าขายระหว่างพ่อค้าชาวพม่า กะเหรี่ยง มอญกับพ่อค้าไทยตั้งแต่ของกินของใช้ไปจนถึงอาวุธสงคราม

ไพฑูรย์ไปกบดานอยู่ในตลาดกับนายพันธ์ที่มีศักดิ์เป็นอามีอาชีพค้าขายของกินของใช้บังหน้าแต่อาชีพหลักคือค้าขายยุทธปัจจัยให้กะเหรี่ยงกู้ชาติที่รบติดพันกับพม่า

ตอนนั้นเป็นฤดูร้อน อาพันธ์เอาปืนลูกซองแฝดกับปืนพกขนาด .38 ของคอลท์มาให้

”เปียเอาไว้ติดตัวเกิดเหตุอะไรขึ้นให้หาทางเอาชีวิตรอดออกไป”

ตำรวจไม่มีเบาะแสว่าผมมาอยู่ที่นี่หรอกผมป้องกันตัวเองได้ปืน .38 กระบอกเดียวก็พอ

ไม่ใช่ตำรวจแต่เป็นกะเหรี่ยงกับพม่ามันรบกันทีไรมักข้ามแม่น้ำเมยมาทําให้คนไทยถูกหลงไปด้วย

ปืน .38มันทานอาวุธปืนกลไม่ได้หรอก

เอ่ยถึงกะเหรี่ยงไพฑูรย์มองเห็นภาพชายฉกรรจ์ผิวคล้ำสักเต็มตัวมีหูกลวงสำหรับใส่ตุ้มหูนุ่งโสร่งลายผิดกับพวกพม่าที่เป็นทหารก็สวมเครื่องแบบแปลกไปอีกอย่างไม่ว่าผู้หญิงหรือเด็กที่เป็นวัยรุ่นยิงปืนเป็นรบแบบกองโจรได้ดีสำหรับผู้ชายเรื่องไสยเวทมนต์ดำ คาถาอาคม ด้านมหาอุด คงกระพันนั้นสูงมาก เครื่องรางที่ติดตัวคือเขียวหมูตันลงอาคม

รุ่งอรุณของวันนั้นกระสุนปืนค. ข้ามแม่น้ำเมยมาตกด้านหลังตลาดที่ติดกับแม่น้ำเมยเป็นลูกแรกแผ่นดินสะเทือนจนไพทูรต้องตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจคว้าปืนคอลท์มาเสียบเอวหักลำปืนลูกซองดูกระสุนในรังเพลิงคว้าย่ามมาสะพายล้วงหากระสุนปืนลูกซองกับ.38เพื่อความอุ่นใจก่อนวิ่งสลับฟันปลาไปให้พ้นจากตำแหน่งกระสุนตก

เสียงกระสุนปืนค. แหวกอากาศตกลงพื้นดินดังสนั่น มันตกลงกลางตลาดวังข่าทำให้เกิดไฟไหม้มีสตรีและเด็กเสียชีวิตจากสะเก็ตกระสุนปืน ค. กับถูกไฟคลอกตายนับสิบ ซึ่งต่อมาทางการพม่าได้ตอบคําประท้วงของไทยว่า

”ขอแสดงความเสียใจในความผิดพลาดในพิกัดการยิงได้สั่งการให้เปลี่ยนพิกัดการยิง เพื่อให้พ้นจากตลาดวังข่าแล้ว”

วันนั้นตั้งแต่เช้าจรดเย็นได้ยินเสียงปืนต่อสู้กันในเขตพม่าอาพันธ์บอกว่าเป็นฤดูการกวาดล้างกองกำลังกะเหรี่ยงกู้ชาติโดยฝ่ายพม่ามีฐานปฏิบัติการอยู่ที่เมียวดี ส่วนฝ่ายกะเหรียงอยู่ที่ค่ายตุเลยะ ทหารกะเหรี่ยงที่บาดเจ็บถูกหามเข้ามารับการรักษาในฝั่งไทยมีราษฎรกะเหรี่ยง มอญ คะฉิ่น แตกหนีข้ามมาหลบภัยในฝั่งไทยลึกเข้าไปถึงแม่สอด

บรรดามูลนิธิและกาชาดจังหวัดได้มาเปิดโรงทานเลี้ยงอาหารผู้อพยพตามธรรมเนียมไทยที่มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์โดยไม่เลือกเชื้อชาติเมื่อการกวาดล้างกะเหรี่ยงของฝ่ายพม่ายุติลงแล้วจึงทำการส่งผู้อพยพกลับไปฝั่งพม่าที่เป็นพลเรือนธรรมดาก็ยอมโดยดีแต่ที่เป็นทหารต้องถอดเครื่องแบบเป็นพลเมืองหลบๆซ่อนๆในการกวาดล้างของตำรวจไทยแล้วรวมกลุ่มกันหาที่อยู่ในฝั่งไทย

ไม่อยู่ป่าวตอนกลางคืนก็ออกปล้นสะดมชาวบ้านคนไทยตั้งแต่ผารู วังข่า แม่ระมาด ท่าสองยาง วังแก้ว

มีอาวุธสงครามครบมือตำรวจแม่สายออกตามแกะรอยแต่ไม่เคยจับกุมได้เพราะเมื่อตำรวจติดตามใกล้ถึงตัวก็จะข้ามแม่น้ำกลับไปในเขตกะเหรี่ยงพวกเดียวกันแถมยังย้อนรอยกลับมาปล้นฆ่าสายตำรวจและพ่อค้าที่ให้เบาะแสซึ่งในจำนวนนั้นก็คืออาพันธ์ของไพฑูรย์

ขณะไพฑูรย์เข้าไปลาเพื่อจะหนีต่อไปเห็นอาพันธ์กำลังอ่านจดหมายพอรู้ว่าไพฑูรย์เข้ามาก็รีบเก็บซ่อนทันที

”ผมจะมากราบลาอาเพื่อหนีต่อไปอีก หากอยู่นานไปตำรวจจะได้กลิ่นแล้วอาจะเดือดร้อน แต่พอผมเห็นอาซ่อนจดหมายนั้นผมก็ไม่สบายใจเลยหากอาเดือดร้อนผมก็ยินดีช่วย”

”ไม่มีอะไรหรอกเรื่องเล็กน้อยเดินทางโดยสวัสดิภาพนะ”

”อายังเห็นผมเป็นหลานหรือเปล่าผมกินข้าวของอา อาศัยบ้านซุกหัว จะไม่ให้ผมทดแทนคุณข้าวเม็ดเกลือก้อน ของอาบ้างหรือ”

”เปียเรื่องของอาถ้าแกมาเกี่ยวมันจะทำให้แกเดือดร้อนเพราะแม้แต่ตำรวจก็ยังต้องระมัดระวังแต่เอาเถอะอาจะให้แกดูจดหมายก็ได้”

อาพันธ์หยิบจดหมายออกจากที่ซ่อนยื่นให้ไพฑูรย์รับมาเปิดอ่านข้อความในจดหมายมีว่า

ถึงนายพันธ์นายทำตัวเป็นฝ่ายบ้านเมืองทั้งที่พวกเราค้าขายกับนายแบบเสียเปรียบจนนายกลายเป็นเศรษฐีเราต้องการให้นายจ่ายคืนกำไรที่ฝ่ายเราเสียเปรียบไปเราจะเอาไปซื้ออาวุธไว้รบกับพวกพม่าจงนำเงิน 50000 บาทไปให้กับคนของเรายังจุดนัดพบที่เราจะบอกทีหลังหากแจ้งตำรวจเราจะส่งทูตนรกมาจัดการกับครอบครัวนายแบบล้างครัว

จ่อ ซอเมียะ

”จ่อ ซอเมียะเป็นใคร”

” เป็นทหารหญิงกะเหรี่ยงแต่แยกตัวออกมาเป็นกองกำลังอิสระช่วยกะเหรี่ยงรบกับพม่าในหน้าแล้งที่พม่ามักบุกเข้ากวาดล้าง เมื่อหมดหน้าสู้รบแล้วก็จะทำการค้าขายยุทธปัจจัยและขนแรงงานเถื่อนเข้ามาทำงานในเขตไทยบางครั้งก็ข้ามมาปล้นฆ่าแม้เป็นผู้หญิงแต่แกร่งไม่แพ้ชายแม้แต่นายทหารกะเหรี่ยงของนายพลโบเมียะยังถูก จ่อ ซอเมียะคว่ำมาแล้ว

” แล้วอาจะทำอย่างไรต่อไป”

”ก็คงรวบรวมเงินไปจ่ายให้มันเรื่องจะได้จบ”

”ถ้าไม่จบล่ะจะทำยังไง”

”ยังบอกไม่ถูกเหมือนกัน”

”ถ้าอย่างงั้นงานนี้ผมขออาสาทำให้มันจบคนอย่างนี้เอาไว้ไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม”

”จ่อ ซอเมียะ เป็นผู้หญิงตระกูลเราไม่เคยมีใครมีเลือดผู้หญิงเปื้อนมือแกจะแหกคอกหรือ”

”รู้ได้อย่างไรว่าจ่อ ซอเมียะเป็นผู้หญิงมันอาจเป็นพวกลักเพศหรือกะเทยก็ได้อย่างนี้ถือว่าไม่ผิดกฎ”

ไพฑูรย์ยกเลิกการเดินทางรอการติดต่อจากซอเมียะ ที่สุดซอเมียะก็แจ้งสถานที่นำเงินไปให้ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตพม่า อาพันธ์ นำเงิน 50000 บาทห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ใส่ย่าม คราวนี้อาพันธ์ส่งปืนออโตเมติกขนาด 9 มม.

ขณะนั้นปืน 9 มม.ปืนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดปืนพกออโตเมติกขนาด 11 มม.มามีในระหว่างการรบของนาวิกโยธินสหรัฐกับทหารญี่ปุ่น
การรบในระยะประชิดขณะทหารญี่ปุ่นเงื้อซามูไรวิ่งเข้าหาถูกยิงสวนด้วย 9 มม.ทะลุแต่ไม่ตายยังสามารถหวดซามูไรตัดคอนาวิกโยธินจนขาดแล้วจึงสิ้นใจ

ผบ. กองกำลังนาวิกโยธินจึงร้องเรียนไปยังกระทรวงกลาโหมให้หาทางช่วยเหลือป้องกันคือประการแรกจัดทำชุดเครื่องแบบนาวิกโยธินที่มีปกคอเสื้อทำด้วยหนังยกขึ้นปกป้องท้ายทอยและรอบคอมีกระดุมติดมั่นคงกันคมดาบซามูไร

ประการที่สองให้แผนกสรรพาวุธสั่งให้บริษัทผู้ผลิตปืนขนาด 9 มม.คือบริษัทคอลท์ ผลิตปืนออโตเมติกขนาด 11 มม. ที่มีดินปืนมากขึ้นหัวกระสุนใหญ่ขึ้น จนถึงขั้นที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า”แมนสต๊อปเปอร์” (หยุดคน) หัวกระสุนทำด้วยตะกั่วผสมรู้จักกันในนามปืนขนาด 11 มม. ยูเอส.อาร์มี่

คราวนี้พอทหารญี่ปุ่นวิ่งเข้าหาก็ยิงสวนด้วย ยูเอส.อาร์มี่ 11 มม.ถูกตรงไหนก็ทรุดตรงนั้นนั่นเอง

กลับมาเข้าเรื่องกันต่ออาพันธ์ให้มือปืนรับจ้าง 3 คนตามประกบไพฑูรย์ซึ่งแต่งตัวแบบพ่อค้าซ่อนอาวุธไว้อย่างมิดชิด

เมื่อถึงเวลานัด ซอเมียะส่งสมุนมารับถึงบ้าน ไพฑูรย์กับมือปืนรับจ้างรวมเป็น 4 คนก็ลงเรือข้ามแม่น้ำไปฝั่งพม่า ขึ้นฝั่งแล้วมีคนของซอเมียะ มารับไปอีกทอดหนึ่งการเดินทางนั้นลึกเข้าไปในป่าอันเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกะเหรี่ยงเสรี

งานนี้ไพฑูรย์บอกว่าลูกผีลูกคนก็จะกลับออกมาได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับดวงและเล่ห์เหลี่ยมดวงดาวโจรบนฟากฟ้าจะคงอยู่กับเขาหรือไม่นั้นแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

พักแรมกลางคืนกันเป็นคืนแรกอากาศหน้าหนาวมันสุดทรมานแม้จะมีกองไฟผิง เสียงน้ำค้างใกล้รุ่งตกผ่านใบไม้เสียงดังกราวเหมือนฝนตกเสื้อกันฝนช่วยได้เพียงลดความหนาวลงเท่านั้นเวลาขยับตัวความหนาวจากภายนอกจะแทรกเข้ามาจนรู้สึกได้

คนนำทางของ ซอเมียะ นอนหลับสบายไม่ได้ระวังตัวเพราะเชื่อว่าไพฑูรย์กับพรรคพวกไม่กล้าหือเป็นแน่

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังกินอาหารอันประกอบด้วยข้าวเหนียวที่หุงจากกระบอกไม้ไผ่กับเนื้อเค็มปิ้งแล้วทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อ
ประมาณเพลเสียงปืนค. และเสียงปืนกลยิงต่อสู้กันก็ดังขึ้นได้ยินถนัดคนนำทางยกมือทำสัญญาณให้หยุดแล้วโบกมือให้หลบเข้าข้างทาง

ซุ่มอยู่ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าคนวิ่งเข้ามาคนนำทาง แหวกพุ่มไม้ดูเหตุการณ์ พอเห็นคนที่วิ่งมาถนัดก็โผล่ออกไปร้องทัก คุยกันสักพักก็หันมาร้องตะโกนบอกให้ไพฑูรย์กับพวกออกจากที่ซ่อน

ซอเมียะให้มาแจ้งว่าให้ทุกคนข้ามแม่น้ำกลับไปก่อนทหารพม่าส่งกำลังเข้าตีค่ายของซอเมียะแล้วเราจะติดต่อกลับไปใหม่

ไพฑูรย์บอกว่าดาวโจรบนท้องฟ้าของเขายังอยู่ดีจึงทำให้ได้กลับมาที่วังข่าอีกครั้งทั้งที่ไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่ นี่แหละสังหรณ์จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองเขาอยู่ช่วยเตือนภัย..จบตอนแรกจ้า

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: