3684. กรรไกรขาเดียวเลียะพะ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ไพฑูรย์เคยพูดถึงการฆ่าคนเอาไว้ว่า การฆ่าคนตายนั้นเป็นบาปมหันต์เพราะเท่ากับว่าได้ริบเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของเขามาทุกสิ่ง ทำให้เขาพลัดพรากจากคนอันเป็นที่รักหมดหนทางได้ทำดีได้แก้ตัวที่ทำผิดมา หมดโอกาสได้ทำบุญการกุศลได้รับศีลรับพร หลังจากได้ลั่นกระสุนสังหารขุนตระเวนปราบอริพ่ายแล้ว ได้รับรู้ถึงความอาดูรของภรรยาของขุนตระเวนปราบอริพ่ายเมื่อเผชิญหน้ากันตอนที่ไพฑูรย์ถูกจับไปขึ้นศาล ภรรยาของขุนตระเวนปราบอริพ่ายเข้ามายืนตรงหน้าไพฑูรย์ร้องถามด้วยน้ำตานองหน้า

“แกฆ่าท่านขุนทำไม ทำไมแกต้องฆ่าเขา แกรู้ไหมว่าฉันกับลูกจะต้องลำบากขนาดไหนเมื่อขาดผู้นำครอบครัว ฉันจะมีปัญญาอะไรไปทำมาหากิน กินแต่บำเหน็จบำนาญของท่านขุนชีวิตเราแม่ลูกจะอยู่กันได้หรือไอ้ฆาตกรใจโหด”

ไพฑูรย์รู้สึกสลดใจจึงกล่าวกับภรรยาท่านขุนออกมาจากส่วนลึกของหัวใจว่า “คุณนายครับ ผมขอโทษ ตอนนี้ผมกำลังจะใช้กรรมที่ผมก่อไว้ อโหสิกรรมให้ผมด้วย”

“อย่าหวังเลยว่าฉันจะอโหสิกรรมให้ ไอ้ฆาตกรใจโหดอย่างแก ฉันจะรอฟังข่าวแกถูกประหารที่บางขวาง ฉันและลูกจะจองล้างจองผลาญแกไปจนสิ้นชาติ”

เป็นที่หน้าเสียดายสำหรับภรรยาท่านขุนตะเวนปราบอริพ่ายที่รอจนลมหายใจสุดท้ายก็ไม่เคยได้อ่านข่าวไพฑูรย์ถูกประหารชีวิต เพราะไพฑูรย์แม้ต้องคดีประหารและจำคุกเป็นร้อยกว่าปี แต่ไม่เคยถูกประหาร จนได้รับพระราชทานอภัยโทษ

ไพฑูรย์บอกว่าพอฆ่าศพที่สองที่สามทุกอย่างเป็นไปตามชะตากรรม แต่ทุกศพที่ถูกฆ่าสมควรตายทั้งหมด ไพฑูรย์เป็นเพียงผู้พิพากษาศาลเตี้ยทีสั่งประหารและเป็นเพชฌฆาตเอง ไพฑูรย์ได้ย้อนเหตุการณ์ไปยัง พ.ศ.2488-2489 เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามปรมาณู จอมพล ป. พิบูลสงครามถูกจับกุมในข้อหาอาชญากรสงครามอั้งยี่กรรไกรขาเดียวเหิมเกริมเต็มที่ เพราะได้รับการสนับสนุนจากตัวแทนจีนคณะชาติที่มาจากเมืองจีน

ตัวแทนจีนคณะชาติที่มีชื่อเป็นภาษาจีนกลางว่า “ก๊กมินตั๋ง” ได้เชิญหัวหน้าอั้งยี่ในเยาวราชทั้งหมดรวมทั้งแม่ดอกเหมยที่รักไปร่วมประชุม โดยผู้แทนจากจีนคณะชาติได้กล่าวกับที่ประชุมว่า “ประเทศจีนร่วมรบกับพันธมิตรได้รับชัยชนะเป็นมหาอำนาจที่ 5 ที่เป็นผู้ชนะสงครามประเทศไทยให้ที่พึงพิงกับญี่ปุ่นที่เป็นศัตรูตัวร้ายของพวกเราก็ถูกกดขี่จากรัฐบาลไทยมาก่อนหน้านี้ด้วย กฎหมายที่บังคับให้คนจีนต้องถือใบต่างด้าว ต้องเสียภาษีทุกปี ปีหนึ่งๆ คนจีนถูกเนรเทศกลับแผ่นดินใหญ่หลายรายต้องพลัดพรากจากครอบครัวน่าสลดใจ บัดนี้ประเทศไทยตกอยู่ในฐานะผู้แพ้สงคราม คนจีนเราจะต้องแสดงความเป็นมหาอำนาจให้คนไทยได้รู้ว่าเรามิใช่ทาสของใคร จะมาดูแคลนพวกเราไม่ได้ ขอให้พวกผนึกกำลังกันประดับธงจีนคณะชาติและรูปของ ดร.ชุน ยัดเซน กับประธานาธิบดีเจียงไคเช็ค ตามอาคารบ้านเรือนและร้านค้า เริ่มจากเยาวราชก่อน เราจะประกาศเป็นเขตอิสระห้ามคนไทยเข้ามาค้าขาย ที่ทำมาค้าขายอยู่แล้วจงช่วยกันขับไล่ออกไป ต้องร่วมมือกัน “เลียะพะ” ให้รัฐบาลไทยได้รับรู้ความเป็นมหาอำนาจของประเทศจีน”

มีการเถียงกันอย่างกว้างขวาง ทำให้อั้งยี่แตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกเป็นพวกหัวรุนแรงมีอั้งยี่กรรไกรขาเดียวกับพันธมิตร อีกพวกหนึ่งเป็นอั้งยี่ที่ถือคติว่าเมื่ออยู่ที่ใด ทำมาหากินที่ใด ก็ให้รักแผ่นดินนั้นให้จงดีอย่าได้ทรยศกับแผ่นดินนั้น แม่ดอกเหมยที่รักอยู่ในกลุ่มที่สองที่เรียกว่า “กลุ่มสันติภาพ”

จีนคณะชาติได้ลักลอบส่งอาวุธเข้ามาให้กับฝ่ายอั้งยี่กรรไกรขาเดียวและพันธมิตรทางเรือผ่านท่าน้ำราชวงศ์ อั้งยี่ฝ่ายแม่ดอกเหมยถูกลักลอบสังหารด้วยกรรไกรขาเดียวไปหลายราย แม่ดอกเหมยเองก็อยู่ในบัญชีเลือดด้วย ไพฑูรย์ให้คำมั่นกับแม่ดอกเหมยว่าจะคุ้มกันชีวิตด้วยชีวิต จะเป็นเงาตามตัวให้ตลอดเวลา

ปัญหาก็คือหากต้องการตัดกำลังพวกกรรไกรขาเดียวและตัวแทนจีนคณะชาติต้องทำลายการส่งอาวุธของฝ่ายจีนคณะชาติโดยจับตาดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายอั้งยี่กรรไกรขาเดียว เมื่อได้ข่าวการขนอาวุธจะแจ้งให้ทางการได้ทราบและเข้าจับกุมในที่สุด แม่ดอกเหมยได้เรียกไพฑูรย์ไปพบแจ้งว่าทางสายบอกมาว่าจะมีการขนอาวุธมาส่งที่ท่าน้ำราชวงศ์แต่ต้องรอวันและเวลาที่แน่นอน แม่ดอกเหมยจะต้องไปประชุมลับกับฝ่ายสันติภาพว่าจะดำเนินการอย่างใดกับฝ่ายกรรไกรขาเดียวที่ลอบสังหารฝ่ายสันติภาพไปแล้วหลายคน ขอให้ไพฑูรย์ติดตามอารักขาด้วย

ไพฑูรย์พกปืนประจำตัวสองกระบอกแต่งตัวด้วยชุดบู๊สีดำมีผ้าคาดเอวสีเขียว ด้านในเป็นฮู้ (ยันต์จีน) เขียนโดยเจ้าอาวาสวัดเล่งเน่ยยี่ที่แม่ดอกเหมยให้ไว้ติดตัว มีดหมอหลวงพ่อเดิมสอดไว้ในซองผ้าที่เย็บติดกับสายคาดสะพาไหล่ด้านในเสื้อ มีดจะห้อยอยู่ใต้รักแร้ซ้าย จบการประชุมแล้วจึงเดินกลับสู่สำนักตามถนนแปลงนาม ไพฑูรย์รู้สึกได้ว่ามีคนติดตามหลังมา จึงบอกแม่ดอกเหมยให้ระวังตัว แม่ดอกเหมย มีปืนพกออโตเมติกขนาด .30 ที่ไพฑูรย์หามาให้พกติดไว้ในกระเป๋าถือ

“ฟังอั๊วพูดอย่าแสดงกิริยาอะไร เดินเฉยๆอย่าทำให้พวกมันผิดสังเกตเป็นเด็ดขาดทำเป็นไม่รู้ว่ามีคนตาม ก่อนโผล่ออกถนนเยาวราชเตรียมปืนให้พร้อม ตรงนั้นสำคัญที่สุด พวกมันจะดักอยู่ตรงนั้นอีกจุดหนึ่งเพื่อสมทบกับไอ้พวกที่ตามมา อั๊วจะทำทีเป็นหยุดยืนฉี่อาหมวยลื้อเดินไปช้าๆ ได้ยินเสียงอะไร อย่าหันมามอง ดูข้างหน้าเอาไว้อั๊วหมดธุระแล้วจะตามไป”

ไพฑูรย์ทำทีเป็นยืนฉี่แต่หูฟังเสียงการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา สองชายฉกรรจ์ค่อยๆปรากฏตัวแฝงเงามืดตรงเข้ามาหาไพฑูรย์ทำทีเป็นไม่ได้ยิน คนหนึ่งขึ้นนกปืน คนหนึ่งขยับตัวแขเสื้อสะบัดลมพรึบ ไพฑูรย์บอกกับตัวเองว่าคนหลังมีกรรไกรขาเดียว เมื่อยิงไพฑูรย์ได้แล้วก็จะเอากรรไกรขาเดียวมาแทงคาที่อกเอาไว้ที่ศพเพื่อประกาศศักดา ไพฑูรย์ทำทีเป็นยัดอวัยวะเพศกลับหลังจากเสร็จการปลดทุกข์เบา หันมาเผชิญหน้ากับมือเพชฌฆาต ได้ยินสับนกดังแชะ คนมีปืนกระชากลูกเลื่อนดันกระสุนนัดเก่าออกจากรังเพลิงป้อนกระสุนใหม่เข้าไป ไพฑูรย์กระชากปืนลูกโม่ออกมาจากที่พกยิงใส่มือปืนที่เสร็จจากการกระชากลูกเลื่อนสองนัดซ้อน เป้าหมายคือจุดใต้สะดือลงมาตรงท้องน้อยด้านล่าง

ไพฑูรย์อธิบายว่าบริเวณสะดือท้องน้อยด้านล่างเป็นตำแหน่งของกระเพาะปัสสาวะ เมื่อลูกปืนทะลวงเข้าไปแล้วน้ำจากกระเพาะปัสสาวะจะพังออกมาทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “ช็อกน้ำ” ตัวใหญ่แค่ไหนก็ล้มลงทันที ดังคาด เจ้ามือปืนล้มฮวบลง มือมีดหันหลังจะเผ่นแต่ช้าไป ไพฑูรย์ยิงใส่ในขณะที่กำลังหันสีข้างสองนัด กระสุนเจาะสีข้างชอนออกไปด้านหน้าล้มลงกรรไกรขาเดียวล้มหลุดมือ ไพฑูรย์เดินเข้าไปหยิบมาปักลงไปที่คอหอย ปักคาไว้อย่างนั้น พวกมือปืนที่ดักรออยู่ที่หัวถนนแปลงนามด้านเยาวราชวิ่งเข้ามาทันที

แม่ดอกเหมยนั่งลงชันเข่าข้างหนึ่งแขนข้างหนึ่งที่ถือปืนพาดลงบนหัวเข่า ปืนออโตขนาด .30 ที่ขึ้นลำไว้แล้วระเบิดกระสุนออกไปทันที คนที่วิ่งมาข้างหน้าถลาล้มคนที่ตามมากำลังจะยิงใส่แม่ดอกเหมยที่รัก ไพฑูรย์ที่วิ่งตามหลังมายิงสกัดด้วยปืนออโตเมติก มือปืนเห็นท่าไม่ดีจึงหันหลังกลับ แม่ดอกเหมยยิงตามไปถูกขาเห็นขาเป๋กระจะตา “ไปกันเถิดอาหมวยเดี๋ยวชาวบ้านที่ได้ยินเสียงปืนโทรไปแจ้งโรงพักพลับพลาชัยเราจะไปไม่รอด”

เลาะลัดมาจนถึงสำนักอั้งยี่แม่ดอกเหมยนั่งถอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อย ลิ่วล้อรีบชงชามาให้ดื่ม แม่ดอกเหมยที่รักกล่าวขอบคุณไพฑูรย์ที่ช่วยคุ้มกัน “ถ้าคืนนี้ไม่ได้ลื้อเตือนสติและคอยคุ้มกันอั๊วตัวคนเดียวคงซี้แน่อาเปีย”

“เรื่องงเล็กลื้อเป็นหัวหน้าคณะ อั๊วเป็นผู้รักษากฎต้องทำหน้าที่อารักขาลื้ออยู่แล้วนี่นา”

หนังสือพิมพ์พาดหัวขาว “ศึกอั้งยี่ปะทุยิงกันสนั่นถนนแปลงนาม ตาย 3 บาดเจ็บเลือดหยดเป็นทาง คนตายเป็นอั้งยี่กรรไกรขาเดียว”

อั้งยี่กลุ่มสันติภาพส่งข่าวให้ตำรวจเขาจับกุมการลักลอบส่งอาวุธให้กลุ่มอั้งยี่กรรไกรขาเดียวพบหลักฐานโยงจีนคณะชาติ ผู้แทนก๊กมินตั๋งเดินทางหนีออกจากประเทศไทย รัฐบาลไทยยื่นคำขาดให้อั้งยี่กรรไกรขาเดียวและพันธมิตรปลดอาวุธ ปลดธงจีน คณะชาติยกเลิกการห้ามคนไทยไปค้าขายในเยาวราช และหยุดทำร้ายคนไทย ให้เวลา 7 วันหากไม่ปฏิบัติตามจะเคลื่อนกำลังเข้ากวาดล้าง

ไพฑูรย์เล่าว่าหลังจากคราบกำหนดคำขาดรัฐบาลไทยเคลื่อนกำลังทั้งตำรวจท้องที่ กองปราบปรามและทหารพร้อมอาวุธทันสมัยเข้ากวาดล้าง แม่ดอกเหมยและกลุ่มสันติภาพปิดสำนักไม่เคลื่อนไหว อั้งยี่กรรไกรขาเดียวและพันธมิตรประกาศสู้ตาย ผลลงเอยที่อั้งยี่กรรไกรขาเดียวและพันธมิตรถูกกวาดล้างตายหลายสิบศพ

เยาวราชกลายเป็นแหล่งเปิดไม่มีการเอื้ออำนวยแบบที่ให้ปกครองกันเองโดยตำรวจไม่เข้าไปยุ่งเหมือนเมื่อก่อนสงครามมหาเอเชียบูรพามีการใช้กฎหมายอั้งยี่และซ่องโจรทำการกวาดล้างอั้งยี่คณะต่างๆ ทำให้หัวหน้าคณะรวมทั้งแม่ดอกเหมยที่รักตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศเพื่อความปลอดภัย

หลังจากกวาดล้างครั้งใหญ่ผ่านไป เยาวราชคืนสู่ความสงบสุข พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จพระราชดำเนินประพาสสำเพ็งเพื่อให้บรรดาชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนได้ประจักษ์ว่า ทุกคนอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงแผ่พระเมตตาต่อชาวจีนดุจเดียวกับคนไทยชาวจีนทั้งเยาวราชและสำเพ็งประดับธงชาติไทยเคียงคู่กับพระบรมฉายาลักษณ์ ตั้งซุ้มและโต๊ะรับเสด็จเป็นการเอิกเกริก

เป็นการผนึกความสามัคคีปรองดองกันระหว่างไทยจีนให้มั่นคงตลอดไปภายใต้พระบรมโพธิสมภาร เป็นภาพประวัติศาสตร์ของเยาวราชและสำเพ็งที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประพาส และรับรู้ความทุกข์สุขของราษฎรชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนที่ตราตรึงความรู้สึกของพสกนิกรมาจนถึงทุกวันนี้

อบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : longdoosee
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: