3678. นรกเกาะเต่าฉบับเต็มตอนที่ ๒ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

นรกเกาะเต่าฉบับเต็มตอนที่ ๒ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

นักโทษการเมืองบนเกาะเต่าตายจากไปเรื่อยๆ สาเหตุจากไข้มาลาเรียเป็นหลักใหญ่ อาหารการกินก็ขาดแคลน ต้องไปตกปลา และหาสัตว์ป่ามาปรุงอาหารโปรตีน ส่วนหนึ่งพวกผู้คุมได้กินและนักโทษคดีอาญาก็ได้อานิสงค์ไปด้วย

มีเรือส่งเสบียงมาเทียบที่เกาะมีเสบียงบรรทุกมาเป็นจำนวนมากพร้อมเครื่องเวชภัณฑ์จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพราะเที่ยวนี้มีนักโทษคดีอุกฉกรรจ์มาด้วย คือ น.ช.นายแพทย์สกล เป็นนักโทษคดีฆ่าภรรยา ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ที่ถูกส่งมาที่นี่เพราะญาติของนักโทษการเมืองบนเกาะเต่าไปร้องเรียนต่อฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหนังสือพิมพ์รายวัน เรื่องการปฏิบัติต่อนักโทษการเมือง

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ถูกสอบสวนจากคณะกรรมาธิการของรัฐสภา จึงมีการรื้อฟื้นเรื่องราวของนักโทษการเมืองบนเกาะเต่า ที่สุดรัฐมนตรีมหาดไทยที่คมกรมราชทัณฑ์จึงสั่งให้เปิดสถานพยาบาลบนเกาะเต่า น.ช.นายแพทย์สกลจึงถูกส่งมาที่นี่ ซึ่งเขาได้นำอุปกรณ์การแพทย์และยารักษาโรคจำนวนมากมาด้วย โดยทางการไม่กล้าตุกติกเพราะฝ่ายค้าน โดยนายควง อภัยวงศ์ ได้เข้ามากำกับดูแลอย่างใกล้ชิด

พัศดีซ้อนได้รับคำสั่งให้จัดห้องพยาบาลให้กับ น.ช.นายแพทย์สกลเป็นพิเศษ ให้ความสะดวกด้านที่พักอาศัย เพื่อให้เป็นนายแพทย์ประจำเรือนจำเกาะเต่า วันที่นายแพทย์สกลมาเยี่ยมนักโทษการเมือง หม่อมเจ้าสิทธิ์ถามว่า

“หมอเลือกมาทำงานที่นี่ทำไม ที่นี่มันนรกชัดๆ หมอนี่เสียสละมากนะ ผมนิยมน้ำใจจริงๆ”

“หามิได้ครับ ผมก็เป็นนักโทษเหมือนกัน ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต กรมราชทัณฑ์ส่งผมมาที่นี่เพื่อรักษานักโทษหากพวกท่านเจ็บไข้ได้ป่วย ผมจะรักษาให้”

“พวกเราเหมือนลอยคออยู่กลางทะเล มีหมอมาอยู่ด้วยก็เหมือนมีขอนไม้ใหญ่ลอยมาให้เกาะพยุงตัว ฝากชีวิตพวกเราไว้กับคุณหมอด้วยละกัน”

อ่ำ นักหนังสือพิมพ์ปากกาคม เขียนฟาดฟันรัฐบาล ขุดคุ้ยเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่สุดก็ถูกจับกุมด้วยข้อหาร่วมกับพวกขบถต่อต้านรัฐบาล ถูกส่งมาอยู่เกาะเต่า มีอาการแน่นท้องขณะทำงานสนามต้องหามมาพบนายแพทย์สกล

เมื่อตรวจอาการแล้วก็แจ้งให้รู้ว่าเป็นโรคตับโตจะมีน้ำคั่งที่ตับ โบราณเรียกท้องมาน หากท้องบวมจะต้องเจาะเอาน้ำออก บรรดานักโทษการเมืองพากันเห็นใจอ่ำด้วยโรคตับโต มีแต่ตายกับตาย นายแพทย์สกลเจาะน้ำออกช่องท้องให้ถึง 3 ครั้ง

เมื่อเรื่องร้องเรียนเงียบไปกรมราชทัณฑ์จึงมีคำสั่งให้ปิดสถานพยาบาลบนเกาะเต่า ให้ น.ช.นายแพทย์สกลกลับไปรับโทษที่บางขวางตามเดิม

การอำลานายแพทย์สกลคือการกล่าวขอบคุณของหม่อมเจ้าสิทธิ์ที่พวกนักโทษการเมืองให้ความนับถือ เรือบรรทุกเสบียงแล่นหายลับไปในท้องทะเล หมดที่พึ่งทางด้านการแพทย์เสียแล้ว

อ่ำมีอาการท้องโตบวมน้ำอีก แน่นอึดอัดจนทนไม่ไหว เขาตัดสินใจใช้ตะปูสี่นิ้วทุบปลายให้แบน เสี้ยมให้แหลม เผาไฟฆ่าเชื้อ แล้วเจาะเอาน้ำออกเอง ความทรมานของอ่ำสิ้นสุดลงเมื่อเกิดติดเชื้อและอาการกำเริบถึงที่สุดจนสิ้นใจตายพ้นจากความทรมานบนเกาะเต่านรก ทิ้งเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไว้เบื้องหลัง

นักโทษคนสำคัญอีกคนหนึ่งคือ ดร.สอ ท่านเป็นปราชญ์ เป็นพหูสูต รอบรู้สรรพวิทยาการเป็นผู้เขียนพจนานุกรมอังกฤษ-ไทย ที่รู้จักในนามพจนานุกรมฉบับ สอ เสถบุตร ท่านผู้นี้ญาติเข้มแข็งมาก ติดต่อกับท่านอยู่เสมอจนสามารถส่งจดหมาย เงินทอง และยามาให้เป็นประจำ ท่านอุปการะนักโทษการเมืองที่ไร้ญาติขาดมิตรไว้หลายคนด้วยกัน

หนึ่งในจำนวนนั้นคือ วาด อดีตสิบเอก ยังโสด เป็นลูกโทน ไม่มีญาติพี่น้อง บิดามารดาถึงแก่กรรมหมด เขามีสภาพร่างกายอ่อนแอที่สุด มาลาเรียก็ขึ้นสมอง ตายในท่ามกลางการดูใจของนักโทษการเมืองด้วยกัน ขณะยังมีสติเขาพนมมือไหว้ ดร.สอ กล่าวสรรเสริญว่า

“ชีวิตผมเป็นหนี้ท่านจนชดใช้ไม่ไหว นอกจากพ่อแม่แล้วก็มีท่านนี่แหละที่เมตตาผมเสมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของผม ชาตินี้ผมไม่อาจทดแทนพระคุณท่านได้ แต่ผมรับรองว่าชาติหน้าจะทดแทนคุณท่านจนถึงที่สุด”

เมื่อวาดตาย ไพฑูรย์บอกว่าเป็นครั้งแรกที่เห็น ดร.สอ หลั่งน้ำตา เพราะสงสารวาดที่ได้ให้ความอุปการะเหมือนน้องชายร่วมสายโลหิต

เมื่อนายแพทย์สกลไม่อยู่ ยาที่นายแพทย์สกลแอบนำมามอบให้เพื่อบำบัดรักษาตัวเองก่อนอำลาเกาะเต่า ถูกนำมาใช้บำบัดอาการของผู้ป่วยตามสัดส่วนที่แบ่งเท่าๆกัน หากหมดยาในส่วนที่ตัวเองมี ก็เป็นอันว่าหมดกัน ต้องนอนรอความตายไปตามลำพัง

ในคุกบางขวางนั้นตัวใครตัวมันไม่มีใครเกื้อกูลกัน แก่งแย่งแข่งขันกัน สิงโตหินคือผู้เอื้ออาทรต่อนักโทษด้วยกันตามสมควร แต่ที่เกาะเต่านรกนี่นักโทษการเมืองกลับเอื้ออาทรกันเหมือนทุกคนเป็นพี่น้องกัน เมื่อคนป่วยกินยาส่วนของตัวเองหมดแล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้นก็จะมีผู้ร่วมบริจาคยาส่วนของตัวเองให้ ซึ่งนั่นหมายถึงว่า หากตัวเองป่วยและยาหมดคงสิ้นหวัง

ปกติสันดานมนุษย์ที่มีประจำตัวคือ “ความเห็นแก่ตัว” ยาที่ทางเรือนจำมีไม่เคยมาถึงมือนักโทษการเมืองแม้แต่เม็ดเดียว โดยพัศดีซ้อนบอกว่า

“ยาที่นี่มันจำกัด หลวงให้ไว้สำหรับผู้คุมใช้กับนักโทษคดีอาญา ส่วนนักโทษการเมืองแต่ละคนก็ล้วนฐานะดีและเป็นคุณหลวง คุณพระกันทั้งนั้น คงจะหายาได้ไม่ยากหรอก แต่ถ้าจำเป็นจริงๆก็ส่งตัวแทนมาขอ จะเจียดให้เป็นกรณีไป”

คำว่าเพื่อน นักโทษการเมืองหมายถึงการนำเอาความแตกต่างระหว่างฐานันดรและบรรดาศักดิ์ออกไปเหลือไว้แต่ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ต่างคนต่างถอดหัวโขนวางไว้บนหิ้ง จับเข่าคุยกันเหมือนพี่น้อง ให้ความเคารพในอาวุโส เกื้อกูลกันอย่างไม่เคยพบในหมู่นักโทษที่เป็นอาชญากร นี่กระมังที่กฎหมายสากลว่าด้วยนักโทษการเมืองจึงแยกประเภทนักโทษการเมืองไว้ต่างหาก ใช้การปฏิบัติผิดกับนักโทษที่เป็นอาชญากร

นักโทษการเมืองมีวิธีรักษาตัวให้พ้นจากไข้มาลาเรียผิดแผกกันไป หลายคนมีอาการน้อยพอทนไดก็ไม่ยอมกินยา โดยคิดว่าให้อาการหนักเสียก่อนค่อยกิน พอเป็นหนักยาที่สะสมไว้กินก็ไม่พอจะหยุดอาการได้ แม้เพื่อนจะแบ่งยาให้ก็ไม่อาจรักษาได้จนถึงแกความตายไปอย่างน่าสงสาร คนที่รอดมาได้ส่วนมากใช้วิธีกินยาเมื่อมีอาการกินต่อเนื่องจนอาการบรรเทา

นักโทษการเมืองคนหนึ่งชื่อ น.ช.กบินทร์ อดีตสิบตำรวจเอก เป็นคนขับรถของพระสิทธิ์ เมื่อเจ้านายถูกจับ นายกบินทร์พยายามเอาตัวรอดด้วยการให้การมัดเจ้านายเพื่อหวังให้กันเป็นพยาน แต่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความผิดจึงต้องคำพิพากษาให้ติดคุกตามเจ้านาย คือพระสิทธิ์ เมื่อพระสิทธิ์ยังไม่ตายก็ต้องปกป้องเอาไว้ในฐานะข้าเก่าเต่าเลี้ยง

พอพระสิทธิ์ตายแล้ว นายกบินทร์ก็ถูกทิ้งโดดเดี่ยว สันดานเดิมก็แสดงออก แอบไปพินอบพิเทากับพัศดีซ้อน คอยสอดส่องคำพูดและการกระทำของนักโทษการเมืองคนสำคัญไปแจ้งแก่พัศดีซ้อน ทำให้พัศดีซ้อนสั่งให้เพิ่มงานเพื่อทรมานในฐานที่กระด้างกระเดื่องต่อ ผบ.เรือนจำ

เมื่อเรือเสบียงที่ใช้น้ำมันแล่นไม่ได้เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงไม่มีสภาวะสงครามทำให้ต้องมีการปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงเรือเสบียงที่ใช้เครื่องจักรไอน้ำแล่นมาส่งเสบียงแทน

ฟืนที่เตรียมมาบรรทุกได้เพียงเที่ยวเดียวเท่านั้น ขากลับจึงต้องพึ่งฟืนจากเกาะเต่า ผบ.เรือนจำสั่งให้นักโทษการเมืองกลุ่มหัวแข็งไปทำหน้าที่ตัดต้นไม้แล้วทอนเป็นฟืนท่อนเพื่อเตรียมส่งให้เรือเสบียง ต้นไม้ที่ต่ำถูกตัดจนหมดต้องขึ้นไปตัดบนที่ชัน ทำให้การตัดต้นไม้ทำได้ด้วยความยากลำบากเป็นที่สุด

ไพฑูรย์ชิงชัง น.ช.กบินทร์เป็นที่สุด วันหนึ่งทนไม่ไหวเมื่อพบกันระหว่างที่ขึ้นไปตัดไม้จึงด่าว่าด้วยความไม่พอใจ

“ไอ้คนเนรคุณ พวกนักโทษการเมืองดีกับมึงเหมือนที่เจ้านายมึงได้รับ แต่มึงกลับไปเป็นพวกพัศดีซ้อน กูแม้มิได้เป็นนักโทษการเมืองแต่การที่กูเข้ามาคลุกคลีและรักษาความปลอดภัยให้พวกเขาพ้นจากพวกนักโทษเลวๆ ที่อาจได้รับคำสั่งให้มาทำร้ายพวกเขา กูยังรู้สำนึกไม่เหมือนมึงไอ้คนสิ้นคิด”

“มึงเป็นใคร?”

“กูคือสิงโตหินแห่งบางขวาง”

“แต่กูว่าสิงโตหินที่วางตีนบันไดศาลเจ้ามากกว่ามั้ง”

เท่านั้นแหละ แข้งตันๆก็เตะอัดเข้าให้ที่ก้านคอดังถนัด ร่าง น.ช.กบินทร์หงายลงไปหัวฟาดดินสลบเหมือด แล้วไพฑูรย์ก็เดินตามนักโทษการเมืองไปช่วยตัดไม้

ดร.สอ ถามเขาว่า “กบินทร์ไปไหนล่ะ?”

“ผมกล่อมให้นอนหลับไปแล้วครับ”

“แล้วกล่อมกันอีท่าไหนล่ะถึงยอมหลับง่ายๆ”

“ประทานโทษครับ ผมใช้อวัยวะเบื้อต่ำกล่อมครับ คงหลับยาวทีเดียว”

“ระวังตัวนะ ตอนนี้กบินทร์เป็นคนของพัศดีซ้อน เขาจะเล่นงานนายเข้าให้ที่นี่มันไม่มีใครรู้เห็นนะ”

“ขอบพระคุณครับ ผมกล้าทำก็กล้ารับ คงไม่ถึงตายอย่างมากก็แค่สลบ ผมเคยโดนมาถึงสามสลบโบยสกัดเลือดมาแล้วแต่ก็รอดมาได้ดวงผมไม่ตายโหงหรอกครับ”

หลังเสร็จงานกลับถึงเรือนพัก ก็ถูกเรียกเดี่ยวออกมา พอพ้นเรือนพักก็ถูกรุมตีด้วยกระบองโดยมี น.ช.กบินทร์ช่วยด้วย ไพฑูรย์สู้ยิบตาผู้คุมเจ็บไปหลายคนก่อนล้มลงสลบ อิทธิฤทธิ์ว่านกระชายดำที่หลวงพ่อเดิมฝังไว้ให้ ทำให้ไม่มีรอยแตกมีแต่รอยฟกช้ำดำเขียว ไม่มีนักโทษการเมืองออกมาช่วยห้ามเพราะทั้งหมดถูกขังในห้อง
มารู้ตัวเมื่อตอนน้ำค้างค่อนคืนตกลงมาต้องตัว ค่อยๆลุกขึ้น มันขัดไปทั้งตัว การรุมตี คนตีไม่เลือกที่ตี ตีเข้าไปให้สลบเท่านั้น เมื่อได้พบกับนักโทษการเมืองตอนเช้าทุกคนต่างสงสาร ดร.สอถึงกับอุทานว่า

“มันทำถึงเพียงนี้เชียวหรือถ้านายตายไปมันจะทำอย่างไรกัน”

“ก็คงเผาศพผมทิ้งทำลายหลักฐาน แล้วทำรายงานว่าป่วยเป็นไข้ป่า หรืออะไรก็ได้ที่ถูกกฎหมาย นักโทษเดนตายอย่างผมชีวิตไม่มีค่าอะไร ที่เขาส่งผมมาที่นี่เพราะที่ตะรุเตาผมรอดมาได้พวกมันคิดว่าผมจะมาตายที่นี่ แค้นนี้ผมจะชำระเองครับ”

ฉบับนี้ขอมอบคาถาสำหรับภาวนาก่อนออกเดินทางไกลโดยปราศจากอันตราย

ตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดพระคาถาว่า “พุทธรัตนะตะยะสะระณานุภาเวนะ ธัมมะรัตรัตนะตะยะสะระณานุภาเวนะ สังฆรัตรัตนะตะยะสะระณานุภาเวนะ สัพพะอันตะรายาปิวินัสสะตุ อากาสะปัพพะตะวะนะคงคามหา
สมุททา อารักขะกาเทวตาสะทตุมเหอนุรักขตุสัพพะทา”

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: