3652. กำลังภายในปะทะเครื่องรางของขลัง (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ไพฑูรย์ดูเหมือนจะพึ่งนึกขึ้นได้ว่าระหว่างที่เขาใช้ชีวิตซอกซอนหนีตำรวจสันติบาลไปอยู่ในสำนักอั้งยี่ของแม่ดอกเหมยที่รัก คำนี้เป็นการแสดงความรักของไพฑูรย์ที่มีต่อนักบู๊หญิงคนนี้เป็นอย่างที่สุด

สวรรค์บันดาลให้ทั้งคู่มาเป็นคู่ชีวิตกันอย่างลับๆเคยเผชิญหน้ากันกับเทียนบู๊เทพเจ้านักสู้หน้าหยก

ตอนนั้นชาวจีนในเยาวราชและนอกเยาวราชต่างเคร่งครัดในประเพณีไม่ยอมให้ลูกสาวหลานสาวไปได้กับฮวนนั้ง (แปลว่าคนไทย)เพราะเห็นว่าคนไทยค้าขายไม่เป็นชอบแต่เป็นข้าราชการทำตัวเป็นเจ้าคนนายคน หยิบโหย่งหนักไม่เอาเบาไม่สู้ การจะไปจีบอาหมวยสักคนมันแสนยากเย็น

ไพฑูรย์ว่าเคยเห็นสมุนอั้งยี่ที่ช่วยกันเลี๊ยะ (ทุบตี) หนุ่มไทยที่เข้ามาเกาะแกะอาหมวยในเยาวราชทั้งๆที่อาหมวยเล่นด้วยจนไพฑูรย์ต้องสอดมือเข้าไปขวางเพื่อให้หนุ่มไทยรอดชีวิตออกไปได้พวกสมุนอั้งยี่บาดเจ็บพอสมควรแม่ดอกเหมยที่รักต้องไปเจรจาเพื่อจ่ายค่าทำขวัญในฐานะที่ไพฑูรย์เป็นคนในสังกัด

ตอนนั้นมีงิ้วมาจากเมืองจีนแต่จะมาจากที่ไหนไพฑูรย์จำไม่ได้แล้วแต่พระเอกคณะนี้หน้าตาหล่อทั้งใส่เครื่องและไม่ได้ใส่เครื่องแถมมีวิทยายุทธเป็นยอดจนได้รับฉายาว่าเทียนบู๊หรือเทพเจ้านักสู้หน้าหยกเล่าลือกันว่าเขาเคยเป็นทหารองครักษ์ของพระนางซูสีไทเฮา ในวังต้องห้ามมาก่อนแต่ตอนหนุ่มๆต่อมาพระนางหนีกลับไปแมนจูเรีย ตนเองไม่มีตำแหน่งรับรอง

เพราะคณะปฏิวัติของดอกเตอร์ซุน ยัดเซิน ได้ล้มราชวงศ์ชิง สถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้น เทียนบู๊จึงฝึกเล่นงิ้วกับกำลังภายในสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและคณะงิ้วเป็นอันมาก

หัวหน้าคณะอั้งยี่จัดงานเลี้ยงรับรองเทียนบู๊อย่างสมเกียรติเพราะเขาถือเป็นจอมยุทธที่มาจากแผ่นดินใหญ่ไพฑูรย์เล่าว่าเทียนบู๊สำแดงพลังภายในใช้ตะเกียบไม้ปักทะลุโต๊ะไม้แดงอย่างหนาลงไปค่อนอัน ให้บรรดาหัวหน้าอั้งยี่ดู เรียกเสียงเกรียวกราวจากผู้ดู ใช้ปลายกระบี่แทงทะลุผ้าแพรเยื่อไม้ได้เหมือนกับเป็นแผ่นกระดาษหนาอันแสดงให้เห็นพลังภายในเป็นเลิศ

ถึงคราวของแม่ดอกเหมยที่รักจะต้องดื่มให้กับเทียนบู๊เธอลุกขึ้นประคองจอกสุราขึ้นกล่าวว่า

‘’ขอดื่มให้เทียนบู๊เทพเจ้านักสู้หน้าหยกที่ให้เกียรติมาแสดงถึงเมืองไทย’’

เทพเจ้านักบู๊หน้าหยก ยกจอกสุราขึ้นดื่มหมดจอกสายตาที่มองแม่ดอกเหมยบอกถึงความพอใจในตัวแม่ดอกเหมยซึ่งขณะนั้นได้เสียกับไพฑูรย์ในห้องลับเฉพาะแล้วหลังจากนั้นเมื่อว่างจากแสดงงิ้วก็มักจะแวะมาหาแม่ดอกเหมยอยู่บ่อยๆโดยมีไพฑูรย์ให้การต้อนรับก่อนที่แม่ดอกเหมยจะออกมาต้อนรับภายหลัง

ในห้องลับแม่ดอกเหมยบอกกับไพฑูรย์ว่า รู้สึกรำคาญที่เทียนบู๊มาวนเวียนอยู่ที่สำนักอั้งยี่เพราะเธอไม่เคยชอบในตัวเทียนบู๊แม้แต่น้อย หากแต่ว่าเกรงใจตั้วเฮียกับเถ้าแก่ที่ให้การรับรองอยู่

ไพฑูรย์จึงว่าหากไม่พอใจก็ไม่ต้องมาพบกับเทียนบู๊อีกไพฑูรย์จะบอกเองว่าไม่อยู่ให้แม่ดอกเหมยเข้าไปอยู่ในห้องลับเฉพาะเสียอย่าได้ออกมา เพราะได้ข่าวว่าที่เมืองจีนเทียนบู๊เป็นนักฆ่ารับจ้างที่มีค่าตัวแพงสมกับฝีมือรับงานแล้วไม่เคยพลาดหากมีเรื่องกันแล้วไม่แน่ว่าจะรับมือไหวหรือไม่

ไพฑูรย์ให้คำมั่นว่าจะปกป้องกันแม่ดอกเหมยที่รักไว้ด้วยชีวิต
การมาเมืองไทยของเทียนบู๊คราวนี้มิได้มาแบบธรรมดาแต่มาเพื่อจะแสดงเดชข่มขู่หัวหน้าคณะอั้งยี่ที่ในเยาวราชให้เกรงฝีมือเพื่อเรียกร้องเอาเงินก่อนจะกลับเมืองจีนเพราะในเยาวราชเศรษฐีเยอะการต่อรองกับผู้รักษากฎของสำนักอั้งยี่ต่างๆของเทียนบู๊ทำให้สำนักอั้งยี่หลายสำนักต้องจ่ายเงินให้กับเทียนบู๊แลกกับการไม่เข้ามาตอแย ตั้วเฮียกับเถ้าแก่อึดอัดแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นผู้รับรองการมาของเทียนบู๊

แม้อยากจะกำจัดเทียนบู๊แต่ทำไม่ได้เพราะในเมืองจีนเทียนบู๊เป็นสมาชิกคณะปฏิวัติสายเจียง ไคเช็ค การประชุมกลุ่มที่มีมติให้หาทางให้เทียนบู๊เดินทางกลับประเทศจีนหรือหากจำเป็นก็ให้กำจัดแต่คนที่กำจัดต้องมิใช่เป็นคนจีนทั้งนอกและในประเทศไทย

ในที่สุดแล้วหน้าที่ก็ตกเป็นของไพฑูรย์ที่เป็นผู้พิทักษ์กฎคณะที่มีแม่ดอกเหมยเป็นหัวหน้าคณะแม่ดอกเหมยนัดไพฑูรย์มาพบในห้องลับเฉพาะเมื่อพบหน้ากันแม่ดอกเหมยถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความเป็นห่วง

‘’เฮียเปียทำไมต้องเป็นเฮียที่ต้องประฝีมือกับเทียนบู๊ ถึงแม้อั้วจะเชื่อฝีมือเฮียแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะแม้เฮียจะมีความคงกระพันแต่กำลังภายในอาจจะทำลายความคงกระพันนั้นได้นั่นหมายความว่าถ้าเฮียพลาดจะถึงตายชาตินี้อั้วคงเหมือนตายทั้งเป็น’’

‘’ไม่ต้องห่วงอั้วหรอกแม่ดอกเหมยที่รัก อั้วก็รักชีวิตอั้วเหมือนกันอั้วต้องสู้จนสุดชีวิตเพียงแต่ว่าอั้วอยากรู้ว่าเทียนบู๊ถนัดอาวุธอะไรกันแน่เพื่อจัดอาวุธสู้ได้ถูก’’

‘’ เฮียไม่ต้องเป็นห่วงอั้วจะให้คนไปสืบดูแต่ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะมีการนัดมาประลองหรือให้ลงมือเลือกสถานที่ที่จะล้มเทียนบู๊เอาเอง’’

ในที่สุดมติรับของสมาคมอั้งยี่ก็มีออกมาเป็นการภายในว่าไม่มีการประลองแต่ให้ผู้ทำหน้าที่สังหารเทียนบู๊วางแผนกันเอาเองงานนี้มีทองคำมูลค่า 1 แสนบาทเป็นรางวัลหรือเป็นค่าทำศพหากพลาดในห้องลับแม่ดอกเหมยที่รักแจ้งข่าวให้ไพฑูรย์รับทราบด้วยความเป็นห่วง

‘’อั้วมีเรื่องแจ้งให้เฮียรู้ 2 เรื่อง เรื่องแรกอาวุธคู่มือของเทียนบู๊เป็นกระบี่สองคมกระบี่นี้ตีจากเหล็กอย่างดีแล้วแต่งให้คมด้านข้างสองคมมีใบกระบี่แคบยาวกว่ากระบี่ทั่วไปประมาณ 3 นิ้วทำให้กระบี่ธรรมดาไม่อาจทะลวงแทงได้ถึงเพราะกระบี่ใบแคบนี้จะทะลวงเข้าถึงก่อน กระบี่นี้มีชื่อว่ากระบี่ดอกเหมยเป็นกระบี่ผู้หญิง แต่ถ้าผู้ใช้เป็นชายมีพลังภายใน กระบี่นี้จะมีอันตรายมากอีกอย่างเฮียเปียต้องลงนามในใบลาออกจากการเป็นผู้พิทักษ์กฏอั้งยี่ของอั้ว เพื่อหากว่าเฮียมีอันเป็นไปความผิดจะตกอยู่กับเฮียมิใช่การกระทำของคณะและสมาคมอั้งยี้มันไม่ยุติธรรมกับเฮียเลย’’

แม่ดอกเหมยที่รักสะอื้นไห้แล้วโผเข้ากอดไพฑูรย์ร่ำไห้ด้วยความเสียใจทำให้ไพฑูรย์ต้องปลอบโยนให้คลายเศร้า

‘’อย่าเป็นห่วงเลยเฮียเอาตัวรอดได้ทองคำที่เขามอบมาลื้อก็เก็บเอาไว้ทั้งหมดไม่ต้องห่วงศพอั้วมีคนรับเป็นเจ้าภาพแน่ เฮียไปล่ะ’’

หลังจากลงลายมือชื่อลาออกจากการเป็นผู้พิทักษ์กฏแล้วก็ออกจากเยาวราชมาอยู่ที่นางเลิ้งภายในอาณาจักรของพี่เสงี่ยมและคอยฟังข่าวคราวความเคลื่อนไหวของเทียนบู๊เพื่อวางแผนดักสังหารในที่สุดข่าวที่มาถึงไพฑูรย์คือ

‘’ เทียนบู๊มีนางโลมถูกใจอยู่คนหนึ่งเป็นดาราของโรงน้ำชาเลิกจากการแสดงงิ้วแล้วจะแวะไปนอนด้วยจนถึงเที่ยงคืนจึงกลับไปนอนกับคณะงิ้วหากจะต้องการสังหารเทียนบู๊ต้องทำระหว่างทางที่เทียนบู๊เดินทางกลับ โดยทางสมาคมจะจัดรถรับไปลงที่จุดสังหารจากนั้นเป็นเรื่องของมือสังหาร ไพฑูรย์ขอให้สมาคมจัดคนรถให้ขับพาไปสำรวจเส้นทางจากโรงน้ำชามาที่โรงงิ้ว’’

จนที่สุดก็พบสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดคือตรอกที่เชื่อมระหว่างเจริญกรุงไปยังเยาวราชอันเป็นที่ตั้งโรงงิ้ว ไพฑูรย์จึงเลือกสถานที่นี้

ดาบสองมือคมกริชห่อกระดาษหนังสือพิมพ์แต่งตัวเหมือนพวกขอทานที่มักอาศัยนอนข้างถนนเพื่อรอเวลาการมาถึงของเทียนบู๊คืนนั้นเทียนบู๊ไม่ถึงฆาตเพราะตามนางโลมไปนอนที่บ้านของเธอทำให้ไม่ได้กลับไปโรงงิ้วคืนต่อมาไพฑูรย์ในคราบขอทานก็ไปนอนรอข้างถนนคราวนี้ไม่พลาด เพราะคนของสมาคมทำหน้าที่ขวางรถมาเตรียมเอาพร้อมเอาก้อนหินปิดถนน

คนขับรถคันที่เทียนบู๊นั่งมาเห็นก้อนหินวางปิดถนนก็หักหลบไปมาจนที่สุดก็ต้องจอดเลยจุดที่ไพฑูรย์นอนรออยู่ เทียนบู๊ลงมาจากรถในมือถือกระบี่ดอกเหมยกระชับมือร้องตะโกนโวยวายด้วยความโกรธไพฑูรย์ในคราบขอทานออกจากที่นอน ซุ่มดาบสองมือกระชับมั่นวิ่งเข้าหาเทียนบู๊ทันที

กระบี่ดอกเหมยในมือของเทียนสะบัดเอาปลอกบินออกมาก่อนเฉียดตัวไพฑูรย์ไปดังวิวด้วยกำลังภายในหากถูกคงบาดเจ็บไพฑูรย์ฟันสลับบนล่างปลายกระบี่ดอกเหมยในมือของเทียนบู๊ ปัดปลายดาบสองมือดังเก๊งกั๊งปลายดาบสองมือเบนออก จังหวะที่สามจึงแทงรอดระหว่างดาบสองมือเข้ามาไพฑูรย์ร้องลั่น รีบหงายไปข้างหลัง ปลายกระบี่ดอกเหมยผ่านร่างไปอย่างเฉียดฉิว หากไม่หงายไปข้างหลังหน้าอกคงเป็นที่เสียบกระบี่แน่

จังหวะที่เทียนบู๊ดึงกระบี่กลับไพฑูรย์รีบดีดตัวยืนขึ้นไม่เป็นฝ่ายรุกแต่เป็นฝ่ายรับทำให้เทียนบู๊โกรธจนหน้าหยกกลายเป็นหน้าเขียวใช้กระบี่แทงและสลับฟันกันจนไพฑูรย์ต้องใช้ดาบสองมือรับและถอยตลอด

หลายครั้งที่ปลายกระบี่แทงเข้ามาจะถึงตัว ดาบสองมือของไทยนั้นเป็นดาบที่สามารถรุกและรับได้รวดเร็ว เมื่อถอยมาถึงที่สุดแล้วไพฑูรย์ก็รุก โดยฟันจากล่างแบบกวาดพื้นเพื่อให้เทียนบู๊ต้องถอยออกไป

ดาบสองมือฟันไปมาราวจักรผันปิดช่องว่างที่ปลายกระบี่จะแทงเข้ามาบังคับให้กระบี่ดอกเหมยต้องถอยร่นออกไปบ้าง เสียงดาบสองมือกับกระบี่ปะทะกันเสียงร้องเอะอะทำให้ผู้คนเปิดหน้าต่างมาดูแต่ไม่มีใครกล้าเปิดประตูออกมาช่วยเหลือ

การต่อสู้ยังคงผลัดกันรุกรับจนที่สุดไพฑูรย์เห็นว่าไม่เป็นผลดีเพราะอาจมีคนแจ้งความหรืออาจมีคนไปบอกคนที่โรงงิ้วของเทียนบู๊แห่กันมาช่วยไพฑูรย์จะตกที่นั่งลำบากเป็นอย่างยิ่งจึงเร่งมือในการบุกจนที่สุดก็ถึงขั้นแลกชีวิตเป็นการต่อสู้ในระยะที่ประชิดจนปลายกระบี่และปลายดาบสามารถปลิดชีวิตอีกฝ่ายได้

คำเตือนเรื่องกำลังภายในของแม่ดอกเหมยที่รักยังก้องในหูแต่ไพฑูรย์ยังเชื่อมั่นในอำนาจของเครื่องรางของขลังและว่านที่กินมาว่าจะต้านกำลังภายในได้ดาบสองมือเปิดช่องว่างให้เทียนบู๊แทงปลายกระบี่ทะลวงเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายไพฑูรย์เล่าว่า

‘’กำลังภายในมีจริงแม้ปลายกระบี่ไม่อาจทะลวงเนื้อหนังเข้าไปได้แต่ก็รู้สึกเหมือนถูกกระแทกด้วยพลังอันหนักหน่วงและมีความรู้สึกเหมือนว่าถูกแทงด้วยกระบี่ที่เผาไฟจนลุกแดงเซถอยหลัง’’

เทียนบู๊หน้าเสียที่ปลายกระบี่ไม่อาจทะลวงหัวใจไพฑูรย์ได้จึงดึงกระบี่กลับไพฑูรย์เงื้อดาบในมือซ้ายฟันจากบนลงล่าง เพื่อให้เทียนบู๊ดึงกระบี่ดอกเหมยขึ้นรับเป็นไปตามแผนดาบในมือขวาฟันเข้าด้านข้างที่เอวด้านซ้ายใต้ชายโครงสุดแรง สุดที่เทียนบู๊จะดึงกระบี่ลงมาป้องกันได้คมดาบตัดเนื้อหนังได้ชายโครงลงมาถึงเอวดังผลุ ด้วยตรงนั้นมีช่องว่างอวัยวะภายในทะลักออกมากองโดยเฉพาะไส้ที่มีสีชมพูพอถูกลมก็พองตัว

ความจุกเสียดปวดร้าวทำให้เทียนบู๊เข่าทรุดมือที่ถือกระบี่ตกลงข้างตัวไพฑูรย์รู้ได้ดีถึงความเจ็บปวดจึงเงื้อดาบขึ้นอีกครั้งระลึกในใจว่า

‘’อโหสิให้อั้วด้วย อั้วไม่อยากให้ลื้อทรมาน’’

‘’ขวับ พรูด’’

คมดาบตัดคอของเทียนบู๊ขาดออกจากบ่าเลือดพุ่งกระฉูดขึ้นด้านบนและเปื้อนตัวของไพฑูรย์ ไพฑูรย์วิ่งออกจากที่ต่อสู้มีรถยนต์เก๋งแล่นออกมาดักหน้าเสียงคนในรถร้องบอกว่าขึ้นมาเลยมีคนบอกกองปราบแล้วไพฑูรย์ขึ้นรถหายไปกับความมืดรถมาส่งที่นางเลิ้งไพฑูรย์อาบน้ำชำระร่างกายและเลือดของเทียนบู๊ที่กระเด็นมาใส่

หนังสือพิมพ์ฉบับเช้าพาดหัวข่าว พระเอกงิ้วรูปหล่อฉายาเทียนบู๊เป็นผีหัวขาดเฝ้าถนนตำรวจกำลังคลี่คลายปมสังหารสันนิษฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับผลประโยชน์หรือการแก้แค้นส่วนตัวศพของเทียนบู๊ถูกส่งไปฝังที่เมืองจีนคณะงิ้วก็เดินทางกลับไพฑูรย์ไม่ได้กลับเข้าไปในเยาวราชเพื่อให้เรื่องเงียบ

ไพฑูรย์ย้ำว่ากำลังภายในมีจริงไม่ใช่เรื่องเล่นๆบาดแผลที่ถูกแทงแม้ไม่เข้าแต่กลับไหม้พองเหมือนถูกไฟจี้ แผลหายแล้วเนื้อตายถอนยวงออกมาเป็นแว่นหากว่านไม่คุ้มไว้คงตายในกระบี่เดียว

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: