3647. อภินิหารหัวใจร้อยแปด (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

หัวใจ 108เ ป็นหัวใจที่มีอิทธิฤทธิ์และอภินิหาร แล้วแต่เราจะเลือกเอามาใช้ในทางไหนเพื่อความยึดมั่นก็เลือกเอาแต่ที่เราเคารพบูชาในเรื่องความขลังและศักดิ์สิทธิ์ นช.เบี้ยว แสงทอง

สักหัวใจพระพุทธเจ้า ”อิกะวิติ”
สักอาวุธพระพุทธเจ้า ”ปะสิสะ”
รองลงมา หัวใจดิน ”ปะทะวิยัง”
หัวใจน้ำ”อะปานุติ”
หัวใจไฟ ”เตชะสะติ”
หัวใจลม”วายุสะพะ”
หัวใจธาตุทั้ง 4 ”นะมะพะทะ”
หัวใจเกาะเพชร ”อูตาตังเก”
หัวใจพระเจ้าสิบชาติ ”เตชะสุเนมะทู จะนาวิเว” เป็นที่เคารพบูชาของนช.เบี้ยวเสมอมาตลอดและได้ผจญการต่อสู้มาอย่างโชกโชน การสักหัวใจดังกล่าวสามารถป้องกันอันตรายอยู่ยงคงกระพันชาตรีมีอิทธิฤทธิ์น่าเคารพบูชาเป็นพระคาถาที่ข้าพเจ้าขอจดจาก นช.เบี้ยวไว้มีโอกาสได้พ้นโทษจึงได้เขียนเรื่องประสบการณ์สู่สายตาท่านผู้อ่านดังต่อไปนี้

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงแต่ว่าเป็นเรื่องแปลกแหวกแนวกว่าเรื่องอื่นมีบันทึกทางเรือนจำจดเอาไว้อย่างมีหลักฐานเพราะกรณีเรื่องนี้ทำให้เจ้าพนักงานฝ่ายราชทัณฑ์ที่รับผิดชอบถูกอธิบดีลงโทษ ถูกไล่ออกตัดเงินเดือน ขังกันแทบทุกคนแม้แต่ท่านผู้บัญชาการก็ถูกตำหนิในฐานหย่อนสมรรถภาพในด้านการปกครอง

เรือนจํากลางบางขวางตอนนี้คุณหลวงรักษา สุขสันต์ รักษาการในตำแหน่งผู้บัญชาการ ร้อยตำรวจเอกชุมพร พิทักษ์เขตรักษาการในตำแหน่งหัวหน้าแผนกควบคุม ร้อยโทแพร เพชรกำเนิด เป็นพัศดีประจำจังหวัดนนทบุรี นางสาวอุบลบุนนาค เป็นเจ้าพนักงานผู้คุมหญิงอยู่เรือนจำขังหญิงในแดนจังหวัดนนทบุรี

ข้าพเจ้ารักษาการอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเป็นนักโทษชั้นดีเยี่ยมมีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนักโทษประหารชีวิตและมีหน้าที่ปราบปรามทรชนคนเก่งอันธพาลในคุก ข้าพเจ้าสร้างความดีเพื่อหวังได้รับความอิสระก่อนคำพิพากษา

ที่ทำงานข้าพเจ้าอยู่แดน 1 วันนี้วันที่ 16 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2481 มีนักโทษถูกส่งมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราชชื่อ นช.เบี้ยว แสงทองกับนางน้อยผู้เป็นภรรยาต้องหาคดีเรื่องฆ่าลูกเขยตาย ส่วนนางน้อยถูกส่งมาแล้วได้ถูกแยกย้ายไปอยู่เรือนขังหญิงนนทบุรี ที่คุกบางขวางมีทั้งนักโทษชายและนักโทษหญิงแต่มีกำแพงกั้นอยู่คนละที่

เมื่อข้าพเจ้าได้รับคำสั่งจากหัวหน้าแผนกควบคุมให้มารับนักโทษข้าพเจ้าก็ออกมาเห็นนช.เบี้ยว นั่งอยู่ก็ได้เรียกตัวเข้าแดนทำทะเบียนรูปพรรณและทะเบียนแยกประเภทข้าพเจ้าถามชื่อพ่อแม่พี่น้องและถามถึงตำหนิไฝฝ้า

นช.เบี้ยวบอกว่าตำหนิที่ตัวมีแต่รอยสักพร้อมกับถอดเสื้อให้ข้าพเจ้าดูนช.เบี้ยว สักหัวใจพระพุทธเจ้า หัวใจเสือสมิง หัวใจพระเจ้าสิบชาติ หัวใจอาวุธพระพุทธเจ้าหัวใจน้ำไฟดินลมและหัวใจธาตุทั้ง 4 หัวใจเกาะเพช รข้าพเจ้าก็จดบันทึกเอาไว้

นช.เบี้ยว บอกว่าเป็นรอยสักที่พระอาจารย์นุ่ม สุขจิตโต อาจารย์วัดสุจริตธรรม จังหวัดนครศรีราชสีมา เป็นผู้สักให้

ต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็นำตัวนช.เบี้ยว เข้าแดนอยู่ภายใต้อาณัติควบคุมดูแลของข้าพเจ้า

อยู่มาวันหนึ่งนช.เบี้ยว ถามข้าพเจ้าเรื่องเมียของเขาที่ถูกขังอยู่เรือนจำนนท์(บางขวาง) เขาจะพบคุยได้ไหมข้าพเจ้าตอบว่าคุยได้แต่ต้องยื่นเรื่องเสนอรายงานตามลำดับจนถึงท่านผู้บัญชาการเห็นสมควรก็อนุญาตให้ยื่นวันธรรมดาถ้าเพียงพบเห็นแต่คุยกันไม่ได้ต้องเป็นวันอาทิตย์มีลิเกทุกๆ แดนเวียนกันเล่น

บางแดนก็เล่นรำวง บางแดนก็เล่นลิเก บางแดนก็เล่นโนราห์ ถ้ามีลิเกทางผู้บัญชาการจะเปิดให้นักโทษหญิงดู แต่ต้องมานั่งอยู่ข้างหน้า อยู่ในความควบคุมของผู้คุมหญิง นักโทษชายอยู่ข้างหลังแต่คุยกันไม่ได้ห้ามติดต่อกัน

วันไหนเป็นวันอาทิตย์นช.เบี้ยวต้องรีบแต่งตัวไปดูทุกวันอาทิตย์ จนต่อมาประมาณ 3 เดือน นช.เบี้ยวได้ถามข้าพเจ้าว่านักโทษหลบหนีเข้าไปหานักโทษหญิงที่เรือนนอนมีความผิดสถานใดข้าพเจ้าแปลกใจจึงพูดติดตลกออกไปว่า

ถ้าเข้าไปได้ก็เท่ากับขึ้นสวรรค์ นช.เบี้ยว บอกว่าผมไม่ได้ไปยุ่งกับนักโทษหญิงคนอื่นนอกจากเมียของผมคนเดียว ข้าพเจ้าบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะนี่มันคุกไม่ใช่บ้าน

”มึงต้องถูกตีแน่ถ้าเขาจับได้มึงนี่หาเรื่องตายแท้ๆ”

ข้าพเจ้าจึงถามว่ามึงจะเข้าไปโดยวิธีใด นช. เบี้ยว บอกว่าผมไปเที่ยวดูลิเกแดน 4 ไปเที่ยวที่หลังตึกไปเห็นท่อสูงกว้างพอรอดเข้าไปได้ เพราะสูงแค่อกแต่ตรงกลางท่อมีเหล็กกั้นกลางเอาไว้ แผนการของผม ผมหาเลื่อยตัดเหล็กได้ โดยผมไปซื้อมาจากแดนสงวนและขุดหลุมฝังเอาไว้

วันไหนผมจะเข้าไปหาเมียผมจะเอาเลื่อยตัดเหล็กตัดลูกกรงตรงกลาง แล้วเข้าไปหาเมียผม พบเมียผมแล้วก็กลับ ผมไม่ได้อยู่ค้างคืนข้างแรม คิดว่าคงจะเป็นที่ปลอดภัย

ข้าพเจ้าพูดว่า”นักโทษในคุกตั้งเจ็ดแปดพันคนไม่เคยมีใครเขาจะคิดอย่างมึงมึงนี่มันวอนหาที่ตาย”

ข้าพเจ้าได้พูดอธิบายให้นช.เบี้ยวฟังถึงอาญาโทษที่ติดต่อกับนักโทษหญิงบอกว่า

”อย่าว่าแต่เข้าไปในเรือนขังหญิงเลยเพียงแค่นักโทษผู้ชายเขียนติดต่อถึงนักโทษหญิงเจ้าพนักงานจับได้ทั้งนักโทษหญิงนักโทษชายจะถูกตีตรวนกร้อนผมถูกขังกินข้าวกับน้ำพริกตลอด 6 เดือนและก็จะถูกโบยด้วยหวายอีก 20 ที ถ้าหนังไม่เหนียวถูกโบยแล้วเลือดจะสาดนองเนื้อหนังจะหลุดเป็นชิ้นชิ้นที่นี้พูดถึงมึงเข้าไปถึงเรือนจำกลางหญิงมึงจะถูกลงโทษขนาดไหนมึงก็คิดเอาเอง”

นช. เบี้ยวบอกว่าผมไม่กลัวขอให้ได้ร่วมรักกับเมียสักครั้งเถิด เพราะเป็นเวลา 3 ปีแล้วที่ติดคุกไม่มีโอกาสได้ถูกตัวกันเลย

ต่อจากนั้นอีก 2 วันนช.เบี้ยวก็ไหว้วานให้ข้าพเจ้าเขียนรายงานอนุญาติเยี่ยมเมียท่านผู้บัญชาการเห็นกฎกระทรวงมหาดไทยบ่งไว้ชัดให้เยี่ยมกันได้จึงอนุญาติ

นช.เบี้ยวกับภรรยาได้พบปะพูดคุย นช.เบี้ยวพูดกับเมียว่า

”วันอาทิตย์จะเข้ามาหาที่เรือนนอน ขอให้เมียรอคอย ผู้ภรรยาก็ถามว่าจะเข้ามาได้อย่างไร นช. เบี้ยว ก็ไม่บอก บอกเพียงแต่ว่าจะเข้ามาให้ได้ ผู้ภรรยาเข้าใจว่าคงจะเป็นการขออนุญาตเข้ามาจึงรับคำ”

นช. เบี้ยว บอกกับเมียว่า

”ถ้าวันอาทิตย์มีลิเกที่แดนนนท์นักโทษหญิง28คน ออกดูลิเกกันหมดขอให้เมียนอนทำป่วยเป็นไข้ห่มผ้าไม่ต้องไปกับเขาเหลือน้องคนเดียวคงไม่มีภัยอันตรายใดๆ ผู้เมียสงสารผัวก็รับปากตามที่ผัวบอกให้ทำ”

ต่อจากนั้นนช.เบี้ยวได้เตรียมเลื่อยตัดเหล็กที่ซื้อมาจากแดนสงวนเอาไว้สำหรับตัดลูกกรงที่ขวางท่อที่จะไปสู่คุกหญิง

วันอาทิตย์ทางแดนนนทบุรี เป็นแดนที่เข้ารอบแสดงลิเกมีชาวคุก 7 ถึง 8 พันคนต่างเตรียมตัวมาชมลิเกและการแสดงมหรสพด้านต่างๆแล้วแต่ใครจะชอบดูอะไร ทางฝ่ายนางน้อยผู้เป็นภรรยานช.เบี้ยว ก็เสแสร้งทำไม่สบายนอนเอาผ้าคลุมโปงกินยาทันใจ แสดงหลักฐานเป็นประจักษ์ให้ผู้คุมหญิงเห็นว่าป่วยจริง

ผู้คุมหญิงได้คุมพวกนักโทษหญิงทั้งหมดออกไปชมลิเกเหลือแต่นางน้อยคนเดียว เวลา 9.00น. เช้าลิเกแสดงระหว่างนี้นช.เบี้ยว เตรียมตัวตรงมาที่แดน 4 ซึ่งมีท่อทางน้ำไหลเชื่อมกับคุกหญิง ท่อนั้นสูงเพียงอกอยู่หลังตึก

ถ้านั่งในท่อจะไม่มีใครเห็นนช.เบี้ยวคลานเข้าไปถึงกลางท่อแล้วก็ จัดการตัดลูกกรงเหล็กที่ขวางกลางท่อสองซี่ขาดแล้วนช. เบี้ยวก็ลอดเข้าไปพบนางน้อยและได้พบกันตามปรารถนา ได้ร่วมรักกันจนอิ่มหนำสำราญ จนเพลินลืมเวลา

12.00 น. หยุดพักกินข้าวในตอนนี้ทางเรือนจำนิมนต์พระภิกษุที่วัดบางแพรกเหนือมาแสดงธรรมเทศนาให้นักโทษฟัง ผู้คุมหญิงก็พานักโทษหญิงกลับเข้าเรือนขังเสียงไขกุญแจของเจ้าพนักงานหญิงได้ยินเสียงเปิดประตูนางน้อยก็บอกว่าผู้คุมมาแล้วให้รีบออกไปนช. เบี้ยวจะลงท่อก็ไม่ทันนางน้อยจึงเอานช.เบี้ยวเข้าหมกซ่อนตัวในลังถ่านซึ่งอยู่ใต้ถุนเรือนขังหญิง

จนเวลา 13.00 น. ลิเกเริ่มโหมโรงแสดงต่อ ที่นี้ยุ่งหน่อยเพราะมี นญ.ลัดดา แก้วประเสริฐ ปวดท้องจะคลอดบุตรจึงไปตามหมอโรงพยาบาลมาเพื่อทำการคลอด นช. เบี้ยวก็ไม่สามารถที่จะลงมาที่ท่อได้ มีเจ้าพนักงานหญิงและนักโทษหญิงอีก 5-6 คนช่วยกันทำคลอดจนลิเกเลิกเวลา 16.00 น. ผู้คุมก็พานักโทษหญิงกลับเข้าเรือนขังและก็จัดหาอาหารกินกันกว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลา 18.00 น.

เวลา 18.00 น. เจ้าพนักงานหญิงมีอยู่ 6 คนได้กลับบ้านสามคนและยังเหลืออยู่อีก 3 คน ต้องอยู่ถึงเวลา 21น. เรียกว่าเวรรักษาการควบคุมดูแลนักโทษหญิงทั้งหมดในเรือนขัง

ทางฝ่ายนช. เบี้ยวนอนในลังถ่านรอเวลาที่จะปลอดถึงจะได้ออกมา แต่ก็ยังเห็นเจ้าพนักงานหญิงและพวกหมอทำการคลอด ยังอยู่อีก จนเวลาเข้าเขต 19.00 น.ก็ยังไม่ได้ออก

ทางแดนต่างๆในคุกบางขวางเวลา 18.00 น.ก็เก็บนักโทษเข้าห้องขังทั้งหมดเช็คยอดนักโทษแดนต่างๆเข้าเสร็จเรียบร้อยกันหมดแล้ว ทางแดนหนึ่งยังขาดนช.เบี้ยว ซึ่งนอนอยู่ห้อง8อีกคนหนึ่ง

เจ้าพนักงานเดือนร้อนค้นหากันทั่วโดยเจ้าพนักงานเข้าใจว่านช. เบี้ยวซุ่มซ่อนตัวเอาไว้เวลากลางคืนก็จะปีนกำแพงคุกหนี

แต่สำหรับข้าพเจ้ารู้ดีจึงนั่งนอนสวดมนต์ภาวนาขอให้นช.เบี้ยวปลอดภัย เจ้าพนักงานค้นที่อื่นหมดแล้วก็ตรงเข้าไปแดน 4 ใช้ไฟฉายส่องตามท่อพอลงมาท่อสายไฟดูเห็นลูกกรงเหล็กที่ขวางกั้นท่อขาดเว้าแหว่งไป จึงสงสัยว่า นช. เบี้ยวอาจจะหนีออกทางท่อปีนกำแพงแดนนนท์หนีไปแล้ว

เจ้าพนักงานจึงพร้อมกันเข้าแดนนนท์ เข้าเรือนขังหญิง ค้นดูในสถานที่ต่างๆพบนช.เบี้ยวนอนตาใสแป๊วอยู่ในลังถ่าน

เจ้าพนักงาน 20 กว่าคนเรียกร้องค่าเหนื่อยล่อด้วยไม้กระบองคนละทีสองทีถีบกระทืบคนและตุบสองตุบจนนช.เบี้ยวทนไม่ไหวถึงกับสลบเจ้าพนักงานก็หิ้วปีกหามมาถึงตึกบัญชาการนอนสลบอยู่ท่านผู้บัญชาการก่อให้เอาน้ำมาเทราดสองปีบ จนนช.เบี้ยวฟื้น และท่านผู้บัญชาการก็ถามว่า

”มึงเข้าไปทำไมในเรือนขังหญิงมึงจะคิดหนีหรือ”

น.ช.เบี้ยวตอบว่า
”ผมไม่ได้คิดหนีผมเข้าไปหาเมียในเรือนขังหญิง ท่านผู้บัญชาการก็พยักหน้าให้พนักงานที่อยู่ที่นั่นตีและทำร้ายเสียงดังตูมๆเหมือนตีวัวหรือควายสลบเป็นเคารพที่สอง”

ผู้บัญชาการสั่งให้เจ้าพนักงานตีตรวนนช.เบี้ยว โดยลาก นช.เบี้ยวไปทั้งที่สลบเหมือดตีตรวนแล้วให้นักโทษช่วยกันจับตรวนลากหน้าถูลู่ถูกังกับพื้นซีเมนต์และกรวดทรายระยะทางประมาณ 1 เส้นจนถึงตึกแดงเจ้าพนักงานที่ควบคุมตัวก็มากลบ

ผู้บังคับแดนหนึ่งมีความโกรธแค้นนช.เบี้ยวที่กล้ากำแหงอหังการทำผิดกฎหมายโดยไม่เกรงอาญาโทษจึงให้พี่เลี้ยงนักโทษประหารคือข้าพเจ้าตักน้ำมาราดอีก 2-3 ปีบ จนนช.เบี้ยวพื้นผู้บังคับแดนพูดว่า

”มึงรับรองกับกูไว้ว่าจะอยู่อย่างเป็นคนดีแต่กลับอยู่อย่างคนชั่วมึงทำให้กูลำบากและก็จะต้องถึงกับถูกตัดเงินเดือนนช.เบี้ยวยกมือไหว้พัสดีบอกว่า ”นาสวนในนี้ ไม่มีไฟนรกเผาหมดแล้ว”

สิ่งที่ตอบแทนก็คือพัศดีก็ยกเท้าเตะนช. เบี้ยว หงายหลังเจ้าพนักงานแดนหนึ่งก็ช่วยกันเตะกระทืบเป็นการใหญ่จนสลบครั้งที่ 3 และ นช.เบี้ยวก็ถูกลากตัวเข้าตึกแดง อันตรายใดๆที่จะสร้างรอยบาดเจ็บถึงกับเลือดตกยางออกไม่มีเลยเพราะนช.เบี้ยว มีเวทมนต์คาถาสักป้องกันตัวเอาไว้ ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาแล้ว

หลังจากนั้นนช.เบี้ยวถูกขังได้ 30 วัน อาการปวดบวมค่อยยังชั่วถูกคณะกรรมการเรียกตัวมาสอบสวนทางผิดวินัยเรือนจำในข้อหาทำลายของหลวงโดยตัดลูกกรงเหล็กเสียหายและเข้าไปหานักโทษหญิงผู้เป็นเมียเป็นการผิดกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยมาตรา 41 ตัดสินให้ขังตึกแดงกินข้าวกับน้ำพริกจองจำเครื่องบรรณาการ 1 เดือนและโบยอีก 20 ที

พอคณะกรรมการตัดสินเสร็จเพชฌฆาตหวายก็เรียกนช.เบี้ยว มาโบยอีก20 ทีตอนนี้นั้นอาการปวดของนช. เบี้ยว ก็ยังมีรอยบวมช้ำในอยู่ นช.เบี้ยวถูกโบยก็ไม่ระคายผิวหนัง ไม่มีเลือดออกจากตัวเลย

นี่แหละครับเขาเรียกว่าคนแปลกกว่าคนเขาทั้งหลายไม่มีใครกล้าจะกระทำความผิดดังเช่นนช.เบี้ยว แต่ก็น่าเห็นใจเพราะแกก็รักเมียของแก ได้รับความสุขเพียงไม่ถึงชั่วโมงก็ได้รับความทุกข์อย่างมหันต์

ถูกลงโทษเช่นนี้ข้าพเจ้าคิดว่ามีเหตุผลพอที่จะทำให้นช. เบี้ยวไม่คิดอยากจะไปนอนกับเมียอีก คนเราไม่เจ็บตัวไม่ถูกทรมานก็คงไม่สำนึกผิดและก่อนที่จะทำไปไม่นึกถึงผลเสียเจ็บตัวเพราะความประมาท นช. เบี้ยวถูกลงโทษอย่างสาหัสดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาแล้ว(หากเป็นคนธรรมที่ไม่มีเครื่องราของขลังคุ้มตัวคงเลือดอาบเนื้อหนังเหวอะหวะเจียนตาย)

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : horonumber
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: