3615. พบผู้ใช้ว่านโพรงอาถรรพ์ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

เคยมีผู้ปรารภกับไพฑูรย์ว่า ต้องการให้เขียนเรื่องราวที่ได้ประสบมาในเยาวราชก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะระเบิด ตั้งแต่ได้เข้าไปอยู่กับแม่ดอกเหมยที่รัก จากลิ่วล้อจนได้เป็นผู้พิทักษ์กฎ จนในที่สุดแม่ดอกเหมยได้มอบร่างกายและจิตใจให้เพื่อตอบแทนที่ได้ยอมสละแม้ชีวิตเพื่อปกป้องตัวเธอไว้หลายครั้งหลายหน ไปจนถึงเหตุที่เจ้าอาวาสวัดเล่งเน่ยยี่ถูกโจรจับขังแล้วปลอมเป็นพระแทน การปะทะฝีมือกับนักบู๊ของอั้งยี่สำนักต่างๆ ไพฑูรย์ตกลงรับปากและเริ่มเขียนต้นฉบับ

แต่ผู้ที่มาเขียนให้บอกว่าต้องขอโทษเพราะเกรงว่าสร้างเป็นภาพยนตร์จะสู้เรื่องเล็บครุฑกับเรื่องกตัญญูประกาศิตไม่ได้ยื่นเงินใส่ซองมาให้ 1,000 บาท ไพฑูรย์บอกว่ารู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งเพราะถือเป็นการดูหมิ่นฝีมือการเขียน

ไพฑูรย์บอกว่าเรื่องในเยาวราชที่ไพฑูรย์ได้ประสบมาเหนือกว่าเพราะได้แลกเลือดแลกเนื้อมาแล้วอย่างโชกโชน ไพฑูรย์จึงหยุดเขียนแล้วหันมาเล่าให้ผู้เขียนฟังเอง โดยผู้เขียนไม่กล้าเอ่ยปากขอให้เล่าเรื่องสะเทือนส่วนลึกของจิตใจของไพฑูรย์อย่างยิ่ง

อีกครั้งหนึ่งคือเหตุการณ์ที่ไพฑูรย์ดวลกับตำรวจในงานหล่อรูปหลวงพ่อเดิมที่วัดหนองโพ เมื่อปี พ.ศ.2482 มีผู้มาขอให้เขียนให้ละเอียดจะนำไปเขียนบทภาพยนตร์เพื่อสร้างเป็นหนังฉายตามโรง แต่ไพฑูรย์ปฏิเสธเพราะเกรงว่าจะถูกะงับการเขียนแบบเดียวกับที่เคยเจอมาแล้วกับเรื่องราวในเยาวราช ไพฑูรย์พูดติดตลกว่าเดี๋ยวของขึ้น

ผู้เขียนเคยกระเซ้าไพฑูรย์ว่า

“พี่ไพฑูรย์ พี่เขียนแต่เรื่องของนายเหล่งตุ๊กแกผี ผีผู้คุมเล่นถั่วดำ และผีที่หลอกผู้คุมจนวิ่งไปตกกระทะเคี่ยวน้ำตาลตายตัวพี่เองเคยเจอผีด้วยตัวเองบ้างไหม”

ไพฑูรย์นั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงร้องว่า มีอยู่เรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน ตอนนั้นเข้าไปในป่าลึกแถว จ.น่าน ป่าที่นั่นแรงมาก มีทั้งผีโพง ผีป่า ผีโป่ง ตอนแหกคุกได้แวะไปเอามีดหมอที่ฝากไว้กับพี่เสงี่ยมที่นางเลิ้ง กับปืนพกสองกระบอกที่เจ้าอำไพนำมามอบให้หับยาควินินก็พอแล้วสำหรับหนีเข้าป่า

ในเป้มีพริกป่น เกลือ กับพวกเนื้อเค็มก็พอแล้ว ข้าวสารไม่แบกไปเพราะกินพวกเผือกมันหรือหน่อไม้แทนข้าวไปวันๆจนกว่าจะพบหมู่บ้านชาวป่าค่อยหาข้าวเหนียวกิน เนื้อเค็มหมดก็ล่ากระต่ายล่าสัตว์เล็กๆมากินธนูทำง่าย ตัดไม้ไผ่สดมาดัดด้วยไฟ เชือกสายธนูมีเตรียมไป บากร่องสำหรับพันสายธนูแค่นี้ก็เสร็จลูกธนูก็ไม้ไผ่ขนาดเล็กดัดให้ตรงทำส่วนหัวให้แหลม ลนไฟให้แข็งก็ล่าสัตว์ได้แล้ว

ปลาในลำห้วยสาขาของน้ำตกก็ยิงกินมาแล้วไม่ใช้ปืนเพราะต้องประหยัดลูกปืนไว้ใช้ยามจำเป็นเท่านั้น

มีหมู่บ้านป่าใน อ.ปัว จ.น่าน หัวหน้าหมู่บ้านชื่อ หนานโลกา เป็นสหายกับบิดาไพฑูรย์ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ แม้เมื่อไพฑูรย์เป็นนายทหารพระธรรมนูญก็เคยเดินป่าไปหาหนานโลกามาจนจำทางได้ การหนีเข้าป่าไปหาหนานโลกาจึงเป็นเรื่องไม่ยาก หนานโลกาจำหลานเปียได้แม่น ยิ่งรู้ว่าเป็นนักโทษเพราะความจำเป็นและแหกคุกออกมายิ่งเห็นใจให้ที่พักพิง

การหนีไปหาหนานโลกาปีนั้นหนานโลกาแก่ไปมากแต่ความจำยังดี สายตาไม่ค่อยดีต้องจ้องหน้าไพฑูรย์อยู่นานจึงจำได้ หนานโลกาต้อนรับด้วยเหล้าป่าพร้อมกับแกล้มให้คลายหนาวแล้วนำไปพักในกระท่อมสำหรับแขกมาพัก ก่อนจะกลับออกไปได้สั่งไพฑูรย์ว่า

“เปีย อย่าได้ออกจากกระท่อมไปเดินเพ่นพ่านนะ เวลานี้ชาวบ้านตายเพราะผีกะเล่นงานไปหลายราย เจอะกับมันเข้าจะลำบาก”

ผีกะ หรือ ผีก๊ะ ชาวเหนือว่าเป็นผีที่มีวิชาอาคม แต่ผิดคำครูที่เรียกเป็นภาษาเหนือว่า “คะหลำ” พอตกดึกจะออกมาเดินจับกบจับเขียดกินเป็นอาหาร แต่อาหารโปรดคือรกเด็กแรกเกิดบ้านไหนมีคนปวดท้องจะคลอดลูกต้องทำพิธีป้องกันแบบล้านนาเพื่อมิให้ผีก๊ะเข้ามากินรกเด็กได้

คนเคราะห์ร้ายไปเจอมันเข้ามันกลัวจะจำหน้าได้มันจะฆ่าเข้ามันกลัวจะจำหน้าได้มันจะฆ่าให้ตายสาวไส้ออกมากิน

ไพฑูรย์บอกกับหนานโลกาว่าไม่ต้องเป็นห่วง มีมีดหมอหลวงพ่อเดิมมาด้วย หนานโลกาไม่รู้จักมีดหมอหลวงพ่อเดิม พูดกับไพฑูรย์ว่า

“มีดหมอหรือ สู้ของเฮาได้ก่อ ของเฮาอาคมแรงผีกั๋ว ของเจ้าเยียะหยังได้หา” (มีดหมอหรือสู้ของเราได้หรือ ของเราอาคมขลังผีกลัวของเจ้าทำอะไรได้วะหา)

ไพฑูรย์ไม่ต่อล้อต่อเถียงปิดประตูกระท่อมตามหลังหนานโลกา คืนที่ 3 ไพฑูรย์ตื่นขึ้นประมาณตีสอง เพราะรู้สึกตัวสะดุ้งตื่นเหมือนมีอะไรมาตัดผ่านเข้าในเขตที่กำหนดจิตวนขวากระท่อมไว้ด้วยคาถาปิดทิศของหลวงพ่อเดิมที่ร่ายไว้

“นะห้าม โมปิด พุทมิดหัว ธาล้อมตัว ยะซ่อนหัวหายตัว ณ บัดนี้ นะจงงง โมจังงัง พุทกำบัง ธาละลาย ยะสูญหาย อนัตตาสูญเปล่า”

คาถาบทนี้นอกจากจะใช้กำบังตัวได้แล้วยังสวดแล้วหลับตากำหนดจิตวนรอบที่พักอาศัยเพื่อป้องกันอันตรายได้อีกด้วย เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในวงที่กำหนดจิตเอาไว้จะทำให้ผู้สวดรู้ตัวตกใจตื่นรับเหตุการณ์ได้ทันท่วงที

ไพฑูรย์แง้มหน้าต่างมองออกไปก็เห็นลูกไฟสีเขียวดวงใหญ่ลอยวูบวาบออกไปทางด้านหลังกระท่อมที่ไพฑูรย์พัก แทนที่จะเชื่อฟังคำของหนานโลกา ไพฑูรย์หยิบปืนโคลท์ตราม้าขนาด 9 มม. เสียบไว้ที่เอว หยิบมีดหมอหลวงพ่อเดิมมาจบหน้าผากระลึกถึงหลวงพ่อเดิม เสียบไว้ที่เอวด้านหน้า เดินตามแสงสีเขียวนั่นออกนอกกระท่อมพัก

แสงสีเขียวเหมือนรู้ว่ามีคนตามหลัง มันลอยข้ามห้วยไปลอยอยู่ฝั่งตรงข้ามไพฑูรย์ ไพฑูรย์เล่าแล้วยื่นท่อนแขนที่ขนลุกเกรียวมาให้ผู้เขียนดู

“ในท่ามกลางแสงสีเขียวมีร่างมนุษย์หัวล้านเลี่ยน ผิวหนังเหี่ยวย่น ยืนหันหลังให้ก้มๆเงยๆมือจับโน่นคว้านี่แต่ไม่ยอมหันหลังมาดู ที่นับว่าน่าขนลุกที่สุดคือ เท้าสองข้างลอยอยู่เหนือพื้นดินประมาณศอกเศษ ผมดึงมีดหมอออกจากฝัก พนมมือเอาปลายมีดจรดหน้าผากแล้วร่ายพระเวทกำกับมีดหมอ

“นารายนะจักราวุธัง สักกัสะวชิราวุธัง ยมนัสนัยนาวุธัง อาฬาวกะธุสาวุธัง เวสสุวัณ นัสสะคธาวุธัง ปัญจอาวุธานัง เอเตสัง อานุภาเวนะ ปัญจอาวุธานัง ภัคคะ ภัคคา วิจุณนัง วิจุณนัง มาเมนะ ผุสสันติตุจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฐาหิ”

แปลความว่าจักรอันเป็นอาวุธแห่งพระนารายณ์ วชิราวุธอันเป็นอาวุธของพระอินทร์ ดวงพระเนตรอันเป็นอาวุธแห่งพญายมราช ผ้าขาวอันเป็นอาวุธของอาฬาวกะยักษ์ กระบองอันเป็นอาวุธแห่งท้าวเวสสุวัณ อาวุธห้าประการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว (เป็นมีดหมอนี้) สามารถทำลายสรรพสิ่งให้วินาศเป็นผุยผงเพื่อให้เกิดสันติสุขและความสว่างไสวกับมวลมนุษย์

ไพฑูรย์ยกมีดขึ้นเหนือหัวกรีดอากาศจากบนลงล่าง เป้าหมายคือร่างของผีกะหรือผีก๊ะ เจ้าผีกะสะดุ้งร้องเสียงเหมือนวัวถูกเชือดกังวานไปทั่ว ถึงอย่างนั้นก็ไม่หันกลับมา ไพฑูรย์ร่ายคาถาสะกดซ้ำอีก

“อักขระยันตัง สันตังวิกะรึงคะเร สัพเพเทวาปีศาเจวะ กรึงตรึงแน่นแผ่นปฐพี อปลายันติ วิกะรึงคะเร วิกะรึงคะเร วิกะรึงคะเร”

เจ้าผีกะขยับตัวไม่ได้ ไพฑูรย์กำลังจะเดินข้ามลำห้วยไปดูเจ้าผีกะให้ใกล้ๆ แต่พอก้าวเท้าเท่านั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นด้านข้างของผีกะที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เจ้าผีกะร้องอีกครั้ง แสงสีเขียวดับวูบไป ไพฑูรย์พุ่งตัวเข้าหาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้างเพราะเกรงจะถูกยิงใส่

พอทุกอย่างสงบแล้วจึงเดินกลับกระท่อม เช้าตรู่ประตูกระท่อมถูกเคาะ เสียงหนานโลกาเรียกไพฑูรย์ให้ตื่น พอเปิดประตูออกไปหนานโลการีบบอกข่าว

“เมื่อคืนเฮายิงผีกะด้วยกระสุนอาคมจอดป้าย เฮาตามล่ามันมานานแต่มันรอดได้ทุกครั้ง เมื่อคืนบ่ฮู้ไผสะกดมันเฮาจึงยิงได้ กิ๋นข้าวก่อนแล้วไปตามหาศพมัน”

ตอนสายมีคนมาตามหนานโลกา บอกว่าให้ไปที่บ้านของมะซอง ผู้ใหญ่บ้านให้ไปดูไพฑูรย์ตามหลังหนานโลกาไปบ้านของมะซอง กะเหรี่ยงเฒ่า ร่างของมะซองกะเหรี่ยงเฒ่านอนเน่าหนอนไต่ยั้วเยี้ยส่งกลิ่นเหม็นตลบ มองซายหลานชายพ่อเฒ่ายืนยันว่าเมื่อวานตอนบ่ายยังนั่งคุยกันอยู่แต่พอเช้ากลายเป็นศพเน่าตายมาเป็นเดือน หนานโลกาบอกกับผู้ใหญ่และชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ว่า

“อ้ายมะซองเป็นผีกะ เมื่อคืนมีคนสะกดมันแล้วข้ายิงด้วยปืนที่ใส่ลูกอาคม พอตอนเช้ามันก็ตายเน่าหนอน ข้าเชื่อว่ามันแอบเลี้ยงผีโพง(ว่านโพง) เอาไว้ช่วยกันหาแล้วขุดรากถอนโคนมาเผาให้สิ้นซาก”

ชาวบ้านออกช่วยกันค้นหาห่างจากบ้านมะซองขึ้นไปประมาณ 500 ม. ก็พบดงว่านโพงที่มะซองแอบปลูกเอาไว้ มีซากสัตว์เล็กสัตว์น้อยนอนตายเกลื่อนจึงช่วยกันขุดขึ้นมาเผา พอบ่ายก็หามศพมะซองไปเผาจนเรียบร้อย ตอนค่ำหนานโลกามานั่งคุยกับไพฑูรย์ที่กระท่อมที่ไพฑูรย์พัก ตอนหนึ่งหนานโลกาพูดว่า

“ไม่รู้ใครสะกดไอ้ผีกะเอาไว้ ข้าตามล่ามันมาหลายปี มันรอดไปได้ทุกที เพราะพอเข้าใกล้ประทับปืนยิงมันก็วูบหายไปตามไปก็ไม่ทัน เมื่อคืนข้าประทับปืนยิง มันแวบไปไหนไม่ได้เลย จอดป้าย”

ไพฑูรย์จึงเล่าเหตุการณ์ที่ได้ตามผีกะไปแล้วใช้มีดหมอหลวงพ่อเดิมเล่นงานผีกะ แล้วหยิบมีดหมอส่งให้ดู หนานโลกาถึงกับอุทานว่า

“มีดหมอก๊ะ มีดหมอของไผ”

“ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ที่หนานโลกาบอกว่าสู้มีดหมอเฮาได้ก่ออย่างไรล่ะ คราวนี้ก็เชื่อแล้วสินะ”

หนานโลกาหัวเราะจนหน้าหงาย ยื่นมีดหมอหลวงพ่อเดิมคืนให้ไพฑูรย์ แล้วสองตาหลานก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะงอหายอีกครั้ง

***********************************************
ว่านผีกระสือ , ว่านผีปอบ , ว่านผีโพง

ต้นและหัวของว่านชนิดนี้มีลักษณะคล้ายขมิ้นอ้อย สีขาว รสฉุนร้อน เมื่อหัวแก่มีธาตุปรอทลงกิน มีพรายเป็นแสงแมงคาเรืองในเวลากลางคืน มีสรรพคุณอยู่ยงคงกระพัน แต่บางตำราก็ว่าผีโพงนั้น เกิดกับคนที่มีว่านหรือเลี้ยงว่านยาอันมีฤทธิ์แรงกล้า ไม่ใช้เฉพาะว่านผีกระสือ และไม่ได้บอกด้วยว่าว่านยาที่ว่านั้นมีว่าน อะไรบ้างในเวลากลางคืนตอนดึก ๆ โดยเฉพาะเวลาที่ฝนตกพรำ ๆ ว่านชนิดนี้ จะออกหากินแบบเดียวกับผีกระสือ จะมีดวงไฟเล็กๆสว่างเรืองๆ อยู่ที่ปลายจมูก และหยดลงเป็นหยดๆ เหมือนหยดน้ำ

ผีโพงจะออกหากินตามหนองน้ำ หรือทุ่งนาหลังฝนตก อาหารของผีโพงคือกบ และเขียด ซึ่งผีโพงจะกินด้วยการจับมาดูดเอาเมือกกินทีละตัวๆ โดยปกติ ผีโพงจะกลัวคน แต่ถ้าหากใครทำให้เจ็บใจ ผีโพงจะเอาไม้คานของแม่ม่ายพุ่งข้ามหลังคาบ้าน แล้วในทีสุดคนนั้นก็จะพบกับความพินาศวอดวาย ที่น่าสังเกตก็คือ ผีโพงนั้นจะมีหน้าตาคล้ายกับเจ้าของหรือผู้ปลูกว่าน แต่เดี๋ยวนี้ว่านชนิดนี้ไม่ค่อยมีใครนิยมแล้ว แทบจะสาปสูญจากวงการว่าน เพราะถือว่าเป็นอัปมงคล

***********************************************
ผีโพง เป็นผีตามความเชื่อพื้นบ้านทางภาคเหนือ ผู้ที่เป็นผีโพงเกิดจากเล่นไสยศาสตร์แล้วควบคุมวิชาในตัวเองไม่ได้ หรือปลูกว่านชนิดหนึ่ง เรียกว่าว่านผีโพง ซึ่งมีสีขาว รสฉุนร้อน เมื่อแก่จะมีธาตุปรอทลงกิน ทำให้เกิดแสงส่องสว่างแบบแมงคาเรือง

ผู้ที่เป็นผีโพง ในเวลากลางวันจะเป็นเหมือนผู้คนธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่ตกกลางคืนจะกลายร่างเป็นผีโพง มีจุดเด่นคือ มีแสงสว่างหรือดวงไฟที่รูจมูก ออกหาของกิน ได้แก่ ของสกปรกคาว เช่น กบ, เขียด, ศพ หรือรกเด็กเกิดใหม่ เช่นเดียวกับผีกระสือ, ผีกระหัง หรือผีปอบ

โดยปกติแล้ว ผีโพงจะไม่ทำร้ายมนุษย์ แต่ถ้าหากถูกคุกคามก็จะจู่โจมทำร้ายได้เช่นกัน หากมีผู้ใดไปทำอะไรให้ผีโพงไม่พอใจ ผีโพงจะใช้ก้านกล้วยที่ตัดใบออกหมดหรือคานคาบของแม่ม่ายพุ่งข้ามหลังคาบ้านผู้นั้น ซึ่งครอบครัวของผู้ที่โดนขว้างจะพบกับภัยพิบัติต่าง ๆ นานา

ผีโพงจะตายได้ เมื่อมีผู้ไปพบปะกับผีโพงเข้าอย่างจัง และทักว่าผีโพงแท้จริงแล้วคือใคร หากผ่านพ้นมาได้หนึ่งวันแล้ว ผู้ที่เป็นผีโพงจะตาย

ผีโพงสามารถถ่ายทอดให้แก่กันได้ ด้วยพ่นน้ำลายใส่หน้าหรือมีใครไปกินน้ำลายของผีโพงเข้า

ที่ตำบลพลับพลา อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งชื่อ บ้านหนองผีหลอก อยู่ห่างจากตัวอำเภอโชคชัยประมาณ 5 กิโลเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นไร่มันสำปะหลังและนาข้าว เหตุที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากคำร่ำลือที่มีมาแต่อดีตนับร้อยปีว่าที่แห่งนี้ ในอดีตมีสภาพเป็นหนองน้ำพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ ติดกับทางเกวียน ในเวลาค่ำคืนมีผีโพงและผีโป่งออกมาจับกบเขียดกินเป็นอาหารบ่อย ๆ จนไม่มีผู้ใดกล้าผ่านไปในเวลากลางคืน แต่จนปัจจุบันนี้หมู่บ้านแห่งนี้ยังมิได้มีการยกฐานะเป็นหมู่บ้านอย่างเป็นทางการ

*อันนี้ของจริงในวัยเด็กแอดมินยังจำความได้เเม่นยำเคยเห็นมากับตาครับ ไม่เห็นคนเดียวเห็นทั้งเเม่ พ่อ และย่าของแอดมินเลยครับโดยแอบดูอยู่ที่หน้าต่างบ้านเห็นดวงไฟสีเขียวกระพริบคล้ายเเสงหิ่งห้อยดวงใหญ่อยู่ที่สวนหลังบ้านห่างไปประมาณ3-400เมตรวันนั้นฝนตกประมาณ4-5ทุ่มครับไม่เห็นหน้ามันครับ โดนแม่ไล่ให้กลับเข้าห้องเสียก่อน แอดมินยืนยันได้ครับของพวกนี้มีจริงเเน่นอน ทุกภาคทุกจังหวัดมีตำนานเหมือนกันหมด สำหรับคนที่จะเล่นว่านแนะนำศึกษาก่อนนะครับ ว่านก็มีทั้งคุณและโทษ บางว่านก็มีอาถรรพ์ควรดูและศึกษาให้ดีก่อน

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ขอขอคุณรูปภาพสวยๆจาก : คุณท่องทาง
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: