3611. ร่างทรงผีป่ามูเซอร์แดง (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

เมื่อคุณพระกล้ากลางสมรถูกไพฑูรย์ปล่อยตัวออกมาเป็นอิสระก็สั่งล่าไพฑูรย์แบบพลิกแผ่นดินคุณพระกล้าออกคำสั่งเด็ดขาดว่า ตามล่าเสือไพฑูรย์กลับมาให้ได้เป็นหรือตายไม่จำกัด ทั้งยังได้นำเงินส่วนตัวสมทบเป็นเงินค่าหัวไพฑูรย์อีกหนึ่งหมื่นบาททำให้เสือไพฑูรย์มีค่าหัวสูงที่สุดในเวลานั้น

เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นทำให้ไพฑูรย์ต้องแยกตัวจากพี่น้องชุมโจรที่บ้านเขาแก้วอำเภอพยุหะคีรี เพื่อไม่ให้ พี่น้องชุมโจรที่ให้ความร่วมมือจนจับคุณพระกล้าไปแก้แค้นต้องมารับเคราะห์เพราะทางการต้องการเพียงหัวของไพฑูรย์เท่านั้น

จากพยุหะคีรีไพฑูรย์หนีขึ้นไปทางกำแพงเพชรเส้นทางหนีคือการผ่านดงดิบนอกเส้นทางเดินเท้าและถนนหลวงจากกำแพงเพชรขึ้นไปจังหวัดตากบ้านเกิดทั้ง ที่รู้ว่าหูตาของตำรวจนั้นมีถี่ราวกับตาแหก็ต้องมาให้ถึงเพราะที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดเช่นกัน

จากจังหวัดตากหากต้องการหนีต่อก็มีเส้นทางอีกมากมาย เข้าไปในเขตปะกากะยอพวกยางที่ไพฑูรย์คุ้นเคยกับหัวหน้าเผ่าดีเคยสาบานเป็นพี่น้องกันหากขึ้นเหนือไปลี้ไปเถินไปลำปางขึ้นเชียงใหม่เชียงรายออกไปลาวก็ไม่ยากแต่ไพฑูรย์บอกว่าถึงอย่างไรก็ไม่ยอมจากประเทศไทยเพราะเมื่อคราวที่แม่ดอกเหมยที่รักไปอยู่ฮ่องกงก็แสนจะคิดถึงแผ่นดินไทยเมื่อกลับมาแล้วก็ไม่อยากจะไปไหนอีกคิดเพียงอย่างเดียวว่าถ้าตายขอให้ลมหายใจสุดท้ายหมดลงบนแผ่นดินไทย

ที่วัดดอนแก้ว ไพฑูรย์ได้พบกับหลวงตาอุ่มที่เป็นญาติข้างมารดา เมื่อเห็นว่าไพฑูรย์เดือดร้อนมาก็รู้สึกสงสารจึงแนะทางออก

‘’เจ้าเปียหลวงตาเห็นว่าศึกคราวนี้ใหญ่หลวง เจ้าควรจะทำดังนี้ประการแรกบวชแล้วแบกกลดธุดงค์ออกไปในป่าลึกรอจนเรื่องเงียบค่อยออกมาใหม่หรือไม่ก็บวชกับต้นโพธิ์เอาผ้าเหลืองมาห่มเรียกว่าบวชกับต้นโพธิ์แล้วออกเดินธุดงค์ประการแรกวางตัวลำบากแต่ประการหลังนี้วางตัวง่ายเพราะไม่ใช่พระที่บวชจริงเจ้าจงเลือกเอา’’

ไพฑูรย์เล่าว่าในตอนนั้นรู้สึกมึนไปหมดเพราะหากหนีในรูปของไพฑูรย์แม้อยู่ในป่าก็ไม่พ้นคนสังเกตเห็นและข่าวจะออกมาจากป่าหลังจากนั้นการปิดป่าล่าตัวไพฑูรย์ ชาวป่าชาวเขาก็จะเดือดร้อนทางเดียวที่เหลือคือบวชกับต้นโพธิ์หลวงตาอุ่มนัดไพฑูรย์เข้าไปในป่าที่มีต้นโพธิ์ขึ้นพร้อมกับไตร จีวร อังสะ สังฆาฏิ รัดประคต ย่ามกับบริขารธุดงค์หลวงตาอุ่มทำพิธีโกนหัวให้กับไพฑูรย์จากนั้นไปกราบโคนต้นโพธิ์เพื่อขอบวชกับต้นโพธิ์แบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา

เมื่อครองผ้ารัดด้วยรัดประคตพาดสังฆาฏิเป็นพระสงฆ์แล้วหลวงตาอุ่มก็สอนเรื่องศีล 10 ที่จะต้องถือแบบเคร่งจึงจะได้ผลดีเพราะเป็นบาปหนาที่ปลอมเป็นสงฆ์

แบกกลดธุดงค์ไว้บนบ่าในย่ามมีปืน 2 กระบอกที่ใช้สำหรับป้องกันตัวเองในยามคับขันไพฑูรย์ได้ให้สัจวาจากับหลวงตาอุ่มว่าตราบใดที่ผ้าเหลืองห่มตัวเป็นเกราะกำบังภัยจะไม่ยอมให้ผ้าเหลืองเปื้อนเลือดเป็นเด็ดขาดเพราะการใช้ผ้าเหลืองพรางตัวคราวนี้เพราะหมดหนทาง

แบกกลดมุ่งจากตากขึ้นไปอำเภอลี้จังหวัดลำพูน ผ่านไปยังถิ่นมูเซอร์แดงชาวเขาเผ่านี้มีชีวิตความเป็นอยู่แบบปิด ไม่คบหาสมาคมกับคนภายนอก พวกเขานับถือผีฟ้าเป็นใหญ่ มีหมอผีเป็นที่เคารพของชาวบ้าน ไพฑูรย์ธุดงค์เข้าไปในเขต

เสียงนกประหลาดก็ดังขึ้นไพฑูรย์ตระหนักดีว่านั่นเป็นสัญญาณบอกเหตุว่ามีผู้บุกรุกไพฑูรย์คุ้นกับธรรมเนียมของชาวเขาเป็นอย่างดีมูเซอร์แดงมีอาชีพทางปลูกฝิ่นแล้วนำยางมาเคี่ยวเป็นฝิ่นสุก จึงต้องระมัดระวังเรื่องคนแปลกหน้าที่อาจจะเป็นสายสืบของตำรวจปลอมตัวเข้ามาเพื่อทำลายไร่ฝิ่น

คืนแรกที่ไพฑูรย์ปักกลดก็ต้องใช้ก้อนดินเสกด้วยคาถาว่า

‘’พุทธังสัตตะรัตตนะมหาปะการังอัมหากังสะระณังคัจฉามิ ธัมมังสัตตะรัตตนะมหาปะการังอัมหากังสะระณังคัจฉามิ สังฆังสัตตะรัตตนะมหาปะการังอัมหากังสะระณังคัจฉามิ สุสุ ละละ ทาทา โสโส นะโมพุทธายะ พุทโธพระบัง ธัมโมพระบัง สังโฆพระบัง”

หยิบก้อนดินขึ้นมาภาวนาคาถาก้อนละ 1 จบแล้วขว้างไปในทิศทางทั้ง 4 เหนือ ใต้ ออก ตก เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมผ่านก้อนหินที่อธิษฐานเป็นกำแพงไว้ผู้ที่ทำกำแพงแก้วไว้จะสะดุ้งตื่นระวังตัวได้ทันท่วงทีคราวนี้ก็เช่นกันไพฑูรย์สะดุ้งตื่นไม่รอช้าฉวยย่ามออกจากกลดไปซุ่มดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ประมาณครู่ใหญ่ๆชายฉกรรจ์อาวุธครบมือทั้งดาบทั้งมีดและปืนแก๊บบุกเข้ามาลื้อค้นข้าวของในกดเพื่อจะดูว่าพระองค์นี้มาจากไหนกันแน่ไพฑูรย์ส่งเสียงออกจากที่ซุ่มในความมืดเพื่อให้บรรดามูเซอร์แดงได้รู้ว่าเป็นใครกันแน่

‘’โยมทุกคนอาตมามาดีไม่ได้มาทำร้ายเดินธุดงค์มาในป่าค่ำเสียก่อนไม่ได้ทันได้เข้าไปบอกคนในหมู่บ้านขอพักแรมคืนพอฟ้าสางก็จะเดินทางต่อไปอย่าได้มารื้อค้นรบกวนอาตมาเลย’’

‘’ต้องขออภัยท่าน เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องตรวจสอบผู้บุกรุกเป็นใครกันแน่ท่านออกมาแสดงตัวได้แล้ว’’

อาตมาจะออกไปเดี๋ยวนี้

ไพฑูรย์เดินออกจากเงามืดถือย่ามห้อยแขนมา ผ้าเหลืองกระทบกับแสงไฟจากกองฟืนที่พวกมูเซอร์แดงเอาไม้ใหม่มาเพิ่มเติมให้แสงสว่างดูงดงามไพฑูรย์เล่าว่ารู้สึกเสียใจที่หากมิได้เป็นเสือเป็นสางแต่วางมือแล้วบวชเป็นพระก็จะพบความหมายแห่งชีวิตที่แท้จริง

คนที่ส่งเสียงพูดภาษากลางกับไพฑูรย์เป็นชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมตาหยียกมือไหว้ไพฑูรย์รู้ตอนหลังว่าคือ ‘’เหล่าซือ’’หัวหน้าหมู่บ้านและหมอผีประจำเผ่ามูเซอร์แดง

‘’ขออภัยให้พวกเราด้วยเราคิดว่าท่านเป็นสายตำรวจที่เคยมาวุ่นวายกับเราที่นี่เคยมีครูบามาสั่งสอนพวกเราให้รู้จักว่าพระเป็นอย่างไรเราเข้าใจท่านขอให้ท่านได้พักผ่อนพรุ่งนี้นิมนต์เข้าไปรับอาหารเช้าในหมู่บ้าน’’

รุ่งอรุณวันใหม่ ไพฑูรย์ถือบาตรเข้าไปรับอาหารที่เป็นข้าวป่ากับเนื้อเค็มพริกป่น เหล่าซือนิมนต์ไปที่บ้านเตรียมปูเสื่อสานจากไม้ไผ่ไว้รองรับเมื่อไพฑูรย์ฉันภัตตาหารแล้วจึงยะถาสัพพี ก่อนจะลากลับเหล่าซือได้นิมนต์มาที่หมู่บ้านในตอนค่ำโดยจะเป็นผู้ออกไปรับเข้ามาในหมู่บ้าน

เมื่อมาถึงบ้านของเหล่าซือแล้วถึงรู้ว่าเหล่าซือจะทรงผีป่ามูเซอร์แดงที่คอยคุ้มครองหมู่บ้านไพฑูรย์แห็นเหล่าซือถอดเสื้อออกเหลือแต่กางเกงหน้าอกเปลือยเปล่านั่งสมาธิหลับตานิ่งมีชายหนุ่มที่เป็นลูกนำไก่เป็นๆมาเชือดคอหอยปล่อยให้เลือดไหลลงไปในชามนำไปวางไว้ตรงหน้าของเหล่าซือ เหล่าซือลืมตาขึ้นไพฑูรย์เล่าว่า

‘’ตาดำหายไปหมดเหลือแต่ตาขาวปากแสยะ เอื้อมมือมาหยิบเลือดไก่สดๆขึ้นมาซดรวดเดียวหมด เลือดสีแดงย้อยจากมุมปากดูน่ากลัวยกมือชี้มาทางไพฑูรย์พูดเป็นภาษามูเซอร์แดง’’ ลูกชายเหล่าซือแปลให้ไพฑูรย์ฟัง

‘’คนแปลกหน้ามีสองร่าง ร่างหนึ่งเป็นร่างภายนอกที่ปกปิดร่างกายในที่เป็นผู้ถูกล่าแม้มาดีแต่จะนำภัยมาสู่คนในหมู่บ้านขอให้เดินทางต่อไปก่อนดวงจันทร์เต็มดวง ขอให้คนแปลกหน้าได้ปฏิบัติตาม’’

ไพฑูรย์ยอมรับว่ารู้สึกประหลาดใจในความรอบรู้ของผีป่ามูเซอร์แดงนับถือว่าเป็นผีป่าที่มีความแก่กล้าสามารถบอกได้ว่าไพฑูรย์เป็นพระปลอมมา

เมื่อผีป่าออกไปแล้วลูกชายของเหล่าซือได้เล่าให้เหล่าซือฟังว่าผีป่าพูดอะไรบ้างเหล่าซือเล่าให้ไพฑูรย์เข้าใจว่าเมื่อผีป่ามาอยู่ในร่างจะไม่รู้ว่าพูดอะไรไปบ้างต้องให้ลูกชายเล่าให้ฟัง ไพฑูรย์ยอมรับว่าปลอมมาจริงเพราะต้องหลบหนีการล่าของตำรวจ เมื่อผีป่าบอกว่าจะทำให้หมู่บ้านนี้เดือดร้อนก็จะขออำลาเดินทางต่อไป

ไพฑูรย์บอกว่าอย่าได้ไปดูถูกว่าพวกชาวเขาเป็นคนโง่ไร้วัฒนธรรมนับถือผีเรื่องผีประจำเผ่านั้นมีอภินิหารหยั่งรู้เรื่องราวลึกตื้นเป็นอย่างดีบอกเรื่องราวได้แม่นยำสายตำรวจไปหาข่าวทำลายฝิ่นหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพราะผีประจำเผ่าเป็นคนชี้บอกทำให้ถูกกำจัดหลายคนกลายเป็นเหยื่อเสือหลายคนกลายเป็นผีเฝ้าหน้าผา

ใครก็ตามเข้าไปในถิ่นชาวเขาด้วยวัตถุประสงค์ร้ายหรืออำพรางไม่อาจรอดพ้นสายตาของบรรดาผีประจำเผ่าของชาวเขาได้ง่ายๆเรื่องเร้นลับแบบนี้ไพฑูรย์บอกว่าอย่าไปลบหลู่ดูถูกผีประจำเผ่าชาวเขา สมุนไพรไม่กี่อย่างที่ผีป่าบอกให้ไปเก็บมาต้มให้คนไข้กินทำให้ไข้หนักหายราวปลิดทิ้งมาแล้ว

ไพฑูรย์เองก็เคยรอดชีวิตจากไข้ป่ามาแล้วโดยสมุนไพรที่ผีป่าบอกให้นำมาต้มหลายอย่างคนธรรมดากินเข้าไปแล้วถึงตายแต่ไพฑูรย์กลับไม่เป็นอันตรายและหายจากไข้ป่าไม่ปรากฏอาการอีกเลยแม้ควินินที่ว่าแน่ยังแพ้ยาผีป่าบอก

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: