3594. หัวใจแห่งพระเวทอาคม (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ไพฑูรย์หายไปพักหนึ่งส่งแต่ต้นฉบับมาทางไปรษณีย์ ทำให้ผู้เขียนรู้สึกประหลาดใจว่าป่วยหรือเปล่าหรือมีเหตุอันใดต้องหลบหนีอีก แต่แล้วไพฑูรย์ก็มาในรูปพระภิกษุสงฆ์ครองจีวรเหลืองอร่าม ผู้เขียนยกมือไหว้เชื้อเชิญให้นั่งก่อนจะให้เด็กทำความสะอาดไปซื้อน้ำอัดลมมาถวายเพราะเกินเพลไปแล้ว จากนั้นก็สอบถามท่านว่า หลวงพี่บวชอีกหรือคราวนี้จะสึกหรือไม่

“สึก แต่ยังไม่ได้ฤกษ์อยู่ไม่ไหวมันร้อน เจ้ากรรมนายเวรที่เราเคยเล่นงานเอาไว้มาเบียนตลอด ไม่ได้หลับได้นอน คิดว่าบวชเมื่อออกจากคุกมาจะชำระหนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรหมดแต่กลับไม่หมดเลยต้องกลับไปบวชที่วัดดอนแก้ว แต่ยังเขียนต้นฉบับส่งมาได้ นี่ลงมาซื้อของกลับไปวัด”

ไพฑูรย์บอกว่ากรรมฆ่ามนุษย์นี่หนักหนากว่าการฆ่าสัตว์เพราะมนุษย์หากมีชีวิตอยู่ยังทำความดีได้ บวชได้ เรียนได้ สวดมนต์ทำบุญใส่บาตรได้ แต่เมื่อเราไปฆ่าเขาเท่ากับตัดประโยชน์ของเขาหมดทั้งโลกนี้และโลกหน้าแน่นอนบางคนอาจเลวระยำสร้างแต่ความเดือดร้อนทำให้สังคมแต่เขายังไม่ถึงที่ตายเราไปหยิบยื่นความตายให้เขาจะด้วยเหตุผลใดก็ตามทีเถิด เป็นมหันตกรรมหนักหนา

วิญญาณหลายดวงไปเกิดไม่ได้เพราะไม่ถึงที่ตายกลายเป็นสัมภเวสีเป็นเจ้ากรรมนายเวรตามราวีไม่สิ้นสุด ทำบุญอุทิศให้ก็ไม่รับขอจองเวรให้ถึงที่สุด หลายครั้งที่ถูกจับตัวกลับไพฑูรย์ว่าเป็นผลงานของเจ้ากรรมนายเวรที่มีส่วนในการทำให้ต้องจนมุมทั้งๆที่ไม่น่าจนมุม

เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อเสือไพฑูรย์แหวกวงล้อมตำรวจสันติบาลและท้องที่แบบลุยเดี่ยวไพฑูรย์วิ่งปะปนเข้าไปในฝูงชนที่กำลังเดินกันขวักไขว่จนมาถึงสะพานเดชาติวงศ์นครสวรรค์ข้ามแม่น้ำตำรวจไม่กล้ายิงเกรงจะถูกประชาชนผู้บริสุทธิ์ ได้แต่ยิงข่มขวัญไพฑูรย์ก็ยิงข่มขวัญเช่นกัน พอมาถึงกึ่งกลางสะพานมองเห็นน้ำก็คิดว่ารอดแน่เพราะพระเวทสังข์ถ่วง มองดูแล้วปลอดจึงพุ่งลงไปกระแทกกับท่อนซุง ก่อนที่สติจะดับวูบก็มองเห็นใบหน้าของสองสาวที่ไพฑูรย์เคยยิงตายเพราะปลอมมาล่อลวงไปฆ่าเพื่อหวังเงินรางวัลมาลอยให้เห็นแถมยังหัวร่ออย่างสะใจ

มารู้ตัวอีกทีเมื่อนอนบนเตียงในโรงพยาบาล ศีรษะบวมโตแขนหักซี่โครงรวน ตำรวจเอาตรวนพร้อมโซ่มาล่ามข้อเท้าติดกับเตียงผลัดกันเฝ้ายามตลอด 24 ชั่วโมง เพราะหลวงอดุลท่านกำชับว่าให้คุมตัวลงมาที่กรุงเทพฯอย่าให้ได้มีโอกาสกระโดดลงน้ำเพราะคุณหลวงเคยเจอมาด้วยตัวท่านเองแล้ว

หมดสิ้นอิสรภาพถูกคุมตัวลงมาขังไว้ที่กองปราบก่อนที่จะนำส่งศาลเพื่อพิจารณาโทษในฐานะแหกคุกทำร้ายเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ ยิงตำรวจบาดเจ็บหลายนายระหว่างหลบหนี จากนั้นถูกส่งเข้าเรือนจำเพื่อรับการซ้อม 3 สลบตามกฎบางขวางทั้งตีนทั้งมือทั้งกระบอง สลบแล้วเอาน้ำราดพอรู้สึกตัวก็ช่วยกันประเคนอาวุธให้กินจนอิ่ม สลบเงียบก็เอาน้ำราดแล้วซ้อมอีกจนครบ 3 สลบจึงถูกขังคุกมืด

ไพฑูรย์จึงย้ำว่าเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรนั้นมีจริง จากนั้นได้เล่าเรื่องระหว่างที่บวชหลังจากได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อปี 2500 ว่าก่อนจะตัดสินใจบวชนั้นพอหลับตานอนได้หลับสนิทก็มีเสียงพูดที่ริมหูว่า

“ไอ้สิงโตหิน มึงรู้ไหมกูเป็นใคร บอกให้ก็ได้กูคือไอ้คนที่เอามีดคว้านตูดอีเมียทรยศแล้วฆ่าไอ้ชู้ตายคามือ แล้วถูกมึงซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานเอาดาบเพชฌฆาตไปฟันกูจนแขนกับคอขาด กูไม่ไปไหนหรอก คอยตามล้างตามเช็ดมึงไปตลอด อย่าหวังว่ากูจะหยุดล้างผลาญมึง”

ตื่นขึ้นมาเหงื่อแตกท่วมตัวทำอย่างไรดีหว่า นี่เพียงรายเดียวแล้วอีกกี่รายที่ฆ่าเอาไว้ หลวงพ่อช่วงวัดบางแพรกใต้ ท่านเคยเข้าไปเทศนาโปรดนักโทษประหารในคุกบ่อยๆจนคุ้นเคยกับไพฑูรย์ ฟังไพฑูรย์เล่าจึงไขปริศนาว่า

“โยมไพฑูรย์ กุศลใดเล่าจะเท่ากับการอุปสมบทไม่มีแล้ว ยิ่งอุปสมบทแล้วปฏิบัติในพุทธโอวาทสังวรในศีล 227 ข้อ ให้บริสุทธิ์แล้วกุศลที่โยมได้อุทิศออกไปย่อมส่งผลให้เจ้ากรรมนายเวรยุติการเบียดเบียนได้ทันที แม้จะไม่อโหสิแต่ก็จะหมดกำลังลงไปไม่อาจทำให้อะไรโยมได้บริจาคไว้ให้เป็นทานบารมีแต่พ่อนาคที่ไร้เงินทองมีจิตต้องการบวช”

ไพฑูรย์จึงได้บวช พระอุปัชฌาย์ได้แนะว่าเมื่อเธอสำเร็จเป็นสมมติสงฆ์แล้วเธอจงกรวดน้ำอุทิศกุศลให้ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และศัตรูทั้งหลาย ขออโหสิฝ่ายเดียว ไพฑูรย์เล่าต่อไปว่า

“ในคืนวันนั้นเอง กำลังเคลิ้มๆก็ได้ยินเสียงคนหลายคนพูดกันอยู่ในห้องที่ปลายเท้า จับความได้ว่า ได้กุศลแล้ว มันสำนึกแล้ว อโหสิให้มันเถิด ไม่ได้ มันทำกับกูเกินให้อภัย กุศลมันให้มากูเอาแต่จะให้กูอโหสิไม่ได้ แสดงว่าในหมู่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายส่วนหนึ่งยอมส่วนหนึ่งไม่ยอม

พอตื่นเช้าเข้าทำวัตรแล้วจึงเร่งนั่งสมาธิเพื่อทำจิตให้เป็นกุศลมีพรหมวิหาร แผ่กุศลไปทุกทิศทุกทาง แบบว่ามึงจะรับไม่รับกูก็จะแผ่ไป พรรษาแรกผ่านไปจึงรู้สึกโล่งเหมือนยกอะไรที่ทับหน้าอกอยู่ออกไปเสียให้พ้น”

หากท่านผู้อ่านจำได้ลูกชายสองคนของอั้งยี่ที่ไพฑูรย์สังหารที่เยาวราชตามมาล้างแค้นยิงไพฑูรย์แต่ไม่ออก ไพฑูรย์ไม่โต้ตอบแถมยังให้ปากคำกับตำรวจว่าจำหน้าไม่ได้ทั้งๆที่จำได้ เพราะต้องการล้างกรรมให้มันหมดไปเสียในชาตินี้ไม่ให้ตามข้ามภพไปจนต้องผลัดกันฆ่าไม่สิ้นสุดลงได้

หลังจากไพฑูรย์กลับไปวัดดอนแก้วแล้วก็สึกกลับลงมาเป็นนักเขียนใหม่อีกครา

ไพฑูรย์บอกกับผู้เขียนว่าเป็นชาย 3 โบสถ์ตามตำรา โบสถ์แรกทดแทนคุณบิดามารดา โบสถ์ที่สองให้เจ้ากรรมนายเวร โบสถ์ที่สามให้เจ้ากรรมนายเวรอีกครา จะไม่ขอบวชอีก ไพฑูรย์ยังฮัมเพลงของคำรณ สมบุญญานนท์ว่า

“ข้าเป็นชายสองโบสถ์ ห่ามโบสถ์สามนี้ยังไม่แน่ โลกหมุนปรวนแปรสุดแท้จะพา ไปเป็นคนชั่วว่าหวังศาสนากลับใจแต่แล้วเหตุไฉนเขาไม่เกื้อหนุน”

นี่คือไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม บุคคลสองบุคลิกที่หากใครไม่ได้คุยใกล้ชิดแล้วจะรู้สึกว่าเป็นคนน่ากลัวและมีอะไรลึกลับซ่อนอยู่ภายในใจส่วนลึก ต่อไปนี้คือคาถาอาคมต่างๆ ที่ได้จดไว้จากปากของไพฑูรย์ที่ยังพอจะนำมามอบให้ท่านผู้อ่านได้นำมาใช้

คาถาพุทธนิมิต (หลวงพ่อจง วัดน่าต่างนอก)
พุทโธ พุทธัสสะ อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง อิมังกายะพันธานัง อธิษฐามิ
พุทโธ พุทธัสสะ อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง อิมังกายะพันธานัง อธิษฐามิ
พุทโธ พุทธัสสะ อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง อิมังกายะพันธานัง อธิษฐามิ

เสก 3 จบเป่าลมลงบนฝ่ามือทั้งสองข้าง ยกขึ้นลูบศีรษะจะเกิดความคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดตามแต่อธิษฐานก่อนลูบศีรษะ
คาถาป้องกันคุณไสย (หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม)

นะมะ นะอะ นอกอ นะกะ กอ ออ นะอะ นะอะกะอัง อุมิอะมิ มะหิสุตตัง สุนะพุทธังอะสุนะอะ นะทะลวง โมทะลาย พุทกำจัด ธากำจาย ยะสูญหาย สรรพคุณไสย อัปปะราชะยัง

เสกน้ำทำน้ำมนต์สวด 16 จบใช้เทียนสีผึ้งแท้หนัก 1 บาท จุดวางพาดปากขันน้ำมนต์ พอสวดจบที่ 16 ให้จุ่มเทียนลงไปในขันน้ำมนต์ให้เตรียมต้นข่าทั้งต้นมัดรวมกัน 3 ต้น จุ่มน้ำมนต์พรมคนถูกคุณไสย หากแสดงอาการฮึดฮัดต่อสู้ให้ใช้ต้นข่าตีแล้วเอาน้ำมนต์รดลงไปบนหัวจนกว่าจะสงบ จะได้ผลหรือไม่อยู่ที่จิตของผู้ทำน้ำมนต์ หากจิตมั่นคงและเชื่อถือแล้วจะขลังนัก (ทำสำเร็จอย่าลืมใส่บาตรอุทิศกุศลให้หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้องด้วย)

ไพฑูรย์กล่าวย้ำเสมอว่าคาถาอาคมมาก่อนสิ่งอื่นใด เครื่องรางของขลังเกิดขึ้นได้ก็เพราะคาถาอาคม อักขระเลขยันต์ที่ลงไปในเครื่องรางของขลัง คาถาอาคมอักขระเลขยันต์จะไม่เกิดพลังอำนาจแต่อย่างใดหากผู้ทำไม่มีพลังจิตที่กล้าแข็งมีความเชื่อมั่นถือมั่น เพราะอักขระเลขยันต์จะมีอิทธิฤทธิ์ขึ้นได้เพราะมีพลังจิตอันกล้าแกร่งหนุน พูดง่ายๆคือเหมือนกับอะตอมที่ปกติหากไม่มีตัวกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาก้าวหน้าตามสูตรที่ว่า 2-4-8-16-32-64-128-256”

ในโครงสร้างระเบิดปรมาณู ปฏิกิริยาของพลังจิตและคาถาอาคมมีปฏิกิริยาทำให้กระสุนปืนที่แล่นมาหมดกำลังทะลุทะลวง มีดหมดความแหลมคม ไม้หมดความแข็ง

นั่นคือหัวใจของความสำเร็จในด้านคาถาอาคมที่ไพฑูรย์ย้ำเสมอว่า แม้แต่พระเวทสังข์ถ่วงของหลวงพ่อเดิมที่ไพฑูรย์ใช้จนประสบผลสำเร็จเพราะอำนาจจิตความมั่นคงความศรัทธาและพลังอื่นๆ หากไพฑูรย์ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปมีหวังจมน้ำตายกลายเป็นศพลอยอืด แต่ทุกครั้งที่ใช้พระเวทสังข์ถ่วง ไพฑูรย์จะปลุกจิตปลุกตัวให้มีความเชื่อมั่นถือมั่นในพระเวทสังข์ถ่วงและหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพว่าแน่จริงขลังจริง นั่นแหละคือหัวใจของพระคาถาทั้งปวง

ขอบคุณขอมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว

แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: