3593. อาถรรพ์สักยันต์บนร่างกาย (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

การสักตามร่างกายของมนุษย์มิได้มีเพียงในประเทศไทยแต่มีอยู่ทั่วโลกผิดกับประเทศไทยก็ตรงที่คนไทยเราสักยันต์ตามตัวเพื่อประโยชน์ในการทำให้เกิดความคงกระพันชาตรีเกิดอำนาจตบะในการรณรงค์สงครามและการต่อสู้ เป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายไทยนิยมสักกันมาแต่กรุงศรีอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์

สำนักสักยันต์สมัยก่อนนี้ส่วนหนึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ท่านมีคาถาอาคมมาแต่เป็นฆราวาสเมื่อมาบวชท่านก็เลยเปิดสำนักสักยันต์บนร่างกายให้กับศิษย์ไพฑูรย์บอกว่าหลวงพ่อหรุ่น (ขุนวิกาลใจภารา) อดีตเสือหรุ่นที่ท่านวางดาบวางปืนทางการให้อภัยโทษแต่งตั้งให้เป็นกำนันมียศเป็นขุนวิกาลใจภารา เคยเล่าประวัติของท่านเมื่อวางปืนแล้วว่า

มีหน้าที่สองอย่างคือ เกลี้ยกล่อมโจรให้วางอาวุธกลับตัวเป็นคนดี ปราบปรามโจรผู้ร้ายที่แข็งข้อชุมโจรไหนที่ว่าแน่ขุนวิกาลใจภาราจับตาย หลังจากเจรจาแล้วไม่ยอมวางอาวุธ เสือชมอดีตมือขวาของขุนวิกาลใจภาราออกอาละวาดปล้นฆ่าขุนวิกาลเรียกมาเจรจาแต่เสือชมบอกกับขุนวิกาลใจภาราว่า

“พี่หรุ่นพี่มอบตัวหลวงท่านให้ยศเป็นขุนวิกาลฯแต่ข้าฯหากมอบตัวก็มีคุกเป็นที่ตั้ง พี่หรุ่นรับประกันได้ไหมว่าเมื่อข้าฯวางปืนจะไม่ติดคุก”
ขุนวิกาลใจภาราตอบไม่ได้เพราะไม่ใช่ผู้ที่จะกำหนดชะตากรรมของเสือชม แต่ได้บอกไปว่า

“เราลากันด้วยดีเอ็งไปทางหนึ่งข้าฯไปทางหนึ่งเราอย่าได้มาเผชิญหน้ากันเพราะข้าฯเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมีหน้าที่ปราบปรามเสืออย่างพวกเอ็งไม่อยากลงมือก็ต้องลงมือ”

เสือชมเคียดแค้นขุนวิกาลอย่างหนักจึงใช้แผนย้อนรอยเสือ แต่งกำลังเข้าปล้นบ้านเศรษฐีผันที่ ต.เชียงรากน้อย อันเป็นเขตรับผิดชอบของขุนวิกาลใจภารา ไม่ปล้นเปล่าร้องตะโกนให้ได้ยินไปทั่วว่า

“บุกเข้าไปโว้ย ไอ้เสือหรุ่นเอาวา ไอ้เสือหรุ่นเอาวา”

ขุนวิกาลถูกเรียกตัวไปสอบสวนแต่เคราะห์ดีที่ขณะเสือชมอ้างชื่อเสือหรุ่นปล้นขุนวิกาลอยู่ในงานประจำปีของวัดหญ้าไทรจึงพ้นจากการสงสัยขุนวิกาลประกาศไม่อยู่ร่วมโลกกับเสือชมนำกำลังออกมาตามล่าเสือชมจนในที่สุดเสือชมก็ถูกขุนวิกาลใจภาราตัดหัวด้วยมือขุนวิกาลเอง หลังจากนั้นขุนวิกาลก็รู้สึกเบื่อในลาภยศสรรเสริญและการเป็นมือปราบจึงลาออกจากราชการอุปสมบทแบบเงียบๆ มีเรือแจวมีประทุนหนึ่งลำเป็นบ้านค่ำไหนก็จอดเรือขึ้นไปขอจำวัดรุ่งเช้าออกบิณฑบาตพอฉันเช้าฉันเพลแล้วก็แก้โซ่เรือแจวต่อไป

ไปที่ใดก็ลงตะกรุด ลงผ้าประเจียดแจกชาวบ้านมีพระพุทธคุณเป็นที่เล่าลือญาติโยมที่นับถือนิมนต์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดแต่หลวงพ่อหรุ่นปฏิเสธเพราะท่านไม่ต้องการยึดติดกับตำแหน่งแห่งที่ ด้วยท่านออกจะร้อนวิชาเอาการที่สุด ท่านได้ทราบข่าวว่าลูกสาวคนเดียวของท่านมาบวชชีอยู่ที่วัดอัมพวัน ต.สามเสน ท่านจึงแจวเรือมาเยี่ยม แม่ชีจึงนิมนต์ให้จำพรรษาอยู่ที่วัดอัมพวันจะได้ช่วยดูแลได้ใกล้ชิด

หลวงพ่อหรุ่นจึงอยู่ในวัดอัมพวันในฐานะพระลูกวัดแม้เมื่อเจ้าอาวาสมรณภาพญาติโยมจะนิมนต์ให้เป็นเจ้าอาวาสแต่หลวงพ่อหรุ่นปฏิเสธ
ท่านเปิดสำนักสักยันต์อันเป็นยันต์ที่ท่านสำเร็จและได้รับการประสิทธิประสาทมาจากอาจารย์ของท่าน เรียกว่ายันต์เก้ายอด ท่านสักให้บรรดาศิษย์ซึ่งในตอนนั้นมีพระเกจิอาจารย์ที่สักยันต์ร่วมสมัยกับท่านก็มี หลวงพ่อปั้นวัดประชาระบือธรรมสักใบโพธิ์ที่ข้อมือ หลวงพ่อโม วัดสามจีนสักลั่กกั๊ก ทำอะไรกันไม่ได้เรียกว่า “เถือกันไม่ลง”

พี่เสงี่ยมที่เป็นหัวหน้านักเลงนางเลิ้งมานมัสการหลวงพ่อหรุ่นแล้วเลื่อมใสให้สักเก้ายอดและให้บรรดาพรรคพวกมาสักในจำนวนนั้นมีนายธรรมนูญ เทียนเงิน (อดีตผู้ว่า กทม. ปัจจุบันถึงแก่กรรมแล้วรวมอยู่ด้วย)

ไพฑูรย์บอกว่านางเลิ้งสักเก้ายอดกันเป็นพื้น

สำหรับโพธิ์ดำนั้นคุมเนื้อที่จากบางกระบือ เกียกกายไปวัดสะพานสูงบางซื่อ ส่วนลั่กกั๊กนั้นตั้งแต่ตรอกสลักหินหัวลำโพงกินตลอดเยาวราชไปจนถึงท่าน้ำราชวงศ์ ไพฑูรย์บอกว่าคนที่สักยันต์นั้นมีกฎอยู่ว่าเมื่อจะเข้าไปในถิ่นของฝ่ายตรงข้ามจะต้องสวมเสื้อแขนยาวกลัดกระดุมข้อมือกลัดกระดุมคอเสื้อเพื่อปกปิดรอยสัก

หากเดินโชว์รอยสักเข้าไปถือว่าไม่ให้เกียรติหรือท้าทาย คงจำกันได้ว่าพระเอกลิเกเก่าที่มักมาหลอกเอาบรรดาหญิงขายบริการแถบนางเลิ้งไปขายต่อ เวลาเข้าเขตนางเลิ้งก็จะคว่ำหัวแหวนขาวลงเอาท้องแหวนขึ้นเพื่อปกปิดสัญลักษณ์ตามธรรมเนียมแต่วันนั้นลืมเพราะถึงฆาตเลยถูกแมงดาฆ่าตาย

นักเลงสักโบราณเขาไม่คุยข่มถล่มทับกันเพราะถือว่าอาจารย์ใครอาจารย์มันไม่ยกตนข่มท่าน ไพฑูรย์บอกว่า ใครมาด่ามาดูถูกครูบาอาจารย์เราเราก็โกรธเราจึงไม่ควรไปลบหลู่ดูถูกครูบาอาจารย์คนอื่น อาจารย์สักไม่ว่าที่ใดสมัยนั้นจะให้กินน้ำสาบานปฏิญาณว่า

จะใช้วิชาอาคมที่ได้รับไปไว้ป้องกันตัวไม่ข่มเหงรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า
จะดำรงชีพอยู่ด้วยความสุจริตไม่ผิดกฎหมายบ้านเมืองไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับสังคมโดยรวม
ไม่คิดร้ายทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และบ่อนทำลายบ้านเมือง
ไม่เป็นชู้เมียผู้อื่นจะด้วยสมยอมหรือไม่ก็ตามที
ไม่กล่าววาจาด่าแม่ผู้อื่นแบบปากพล่อย
ไม่กินอาหารที่ประกอบจาก บวบ น้ำเต้า มะเฟือง

สำหรับไพฑูรย์สักหลายสำนักแต่เมื่อมาเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิมได้รับการฝังว่านกระชายดำก็ยุติการสักทั้งหมด จึงไม่ได้สักเก้ายอดได้แต่ไปนมัสการหลวงพ่อหรุ่นกับพี่เสงี่ยม แต่หลวงพ่อหรุ่นท่านก็แน่ ไม่ต้องบอกอะไร ท่านเอามือมาจับศีรษะไพฑูรย์แล้วพูดว่า

“ไม่ต้องสักหรอกอาจารย์ทางเหนือทำไว้ดีแล้ว ไม่ต้องแต่งเติมเสริมก็สมบูรณ์อยู่แล้ว รักษาให้ดีก็แล้วกัน”

ไพฑูรย์เล่าว่าหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอมที่เป็นอาจารย์ของเสือผาด ทับสายทอง เมื่อบวชพรรษาต้นๆเป็นอาจารย์สักที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ศิษย์นอกคอกหลายคนไปเป็นโจรอันธพาลไม่ทำตามสัจจะที่ให้ไว้ นายอำเภอได้มานมัสการหลวงพ่อเงินถึงวัดดอนยายหอมแล้วนมัสการเรียนหลวงพ่อเงินด้วยถ้อยคำรุนแรง

“หลวงพ่อไม่น่าส่งเสริมคนชั่ว หลวงพ่อสักให้คนพวกนั้นทำให้เกิดฮึกเหิมไปก่อคดีร้ายแรงทางการก็ปราบปรามได้ลำบากทำไมหลวงพ่อไม่ดูให้ดีเสียก่อน”

“โยมนายอำเภอ อาตมาจะบอกให้ตอนที่เขามาหาอาตมาให้สักเขาเป็นคนดี อาตมาจึงสักให้ต่อมาเขากลับไปทำผิดคิดชั่วอยู่นอกเหนือคำสาบานที่ให้ไว้เป็นเรื่องสุดวิสัยจะมาหาว่าอาตมาส่งเสริมโจส่งเสริมอันธพาลไม่ได้

แต่ก็เอาเถิดเพื่อความสบายใจของทางการอาตมาจะยุติการสักอุปกรณ์การสักทุกอย่างอาตมาจะนำไปทิ้งน้ำ ต่อไปนี้จะไม่มีการสักที่วัดดอนยายหอมอีกต่อไป”

นายอำเภอคุกเข่าลงกราบตรงหน้าหลวงพ่อเงินเป็นการขอขมาที่ได้ล่วงเกิน ก่อนลากลับไป แล้วไม่เคยกลับมาเหยียบที่วัดดอนยายหอมอีกเลย สำหรับไพฑูรย์เคยไปนมัสการระหว่างการหลบหนี

หลวงพ่อเดิมท่านสร้างมีดหมอให้ผู้คนนำไปป้องกันตัวด้วยเมตตาผู้อ่อนแอเป็นคนทำมาหากินที่มักถูกคนที่สักเต็มตัวมีนิสัยเป็นอันธพาลข่มขู่คุกคาม เพราะถือว่าเป็นคนหนังเหนียว

หลวงพ่อบอกว่ามีดหมอนี้เอาไว้กันและแก้ กันคือกันคุณไสย กันอาวุธปืนและของมีคม แก้คือสอนให้พวกนักเลงสักยันต์นอกคอกด้วยการใช้ปลายมีดหมอสะกิดเอาเลือดออกไพฑูรย์ย้ำว่า

“มีดหมอหลวงพ่อเดิมที่แท้เท่านั้นที่สามารถทำลายอาถรรพ์จากรอยสักได้ชะงัดและเมื่อถูกมีดหมอเอาเลือดออกแล้วจะไม่เหนียวอีกเลย เพราะคนพวกนี้เรียกว่าหัวล้านนอกครูไม่สมควรที่จะได้รับการคุ้มครองจากสายสักอีกต่อไป”

สำหรับไพฑูรย์แล้วเมื่อเป็นไทยยามได้ใช้มีดหมอสะกิดเอาเลือดพวกอันธพาลที่ชอบหมาหมูขู่กรรโชกมาแล้วรายไม่ว่ารายไหนรายนั้นยุ่ยเป็นหยวกกล้วยไพฑูรย์เน้นว่า

“ไม่ว่าอาจารย์สักสำนักใดจะมีข้อห้ามเหมือนกับที่ได้กล่าวมาแล้วแต่ต้น เพราะถือเป็นกฎเหล็กรุ่นหนึ่งๆสักไปเป็นสิบเป็นร้อยคนแต่มีไม่กี่คนที่รักษาสัจจะเอาไว้ได้ครบสามารถดำรงความขลังของลายสักเอาไว้ได้นอกนั้นเสื่อมหมด แต่ที่ยังกระโดดโลดเต้นได้เพราะการปลุกตัวเองต่อหน้าผู้คนและต่อหน้าอาจารย์ในวันไหว้ครู หากให้อาจารย์สักท่านเรียกมาตรวจสอบตัวๆอย่างละเอียดก็จะพบว่าไม่มีอะไรเหลือแล้ว”

ไพฑูรย์กล่าวถึงหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบว่าสักยันต์ไม่เหมือนสำนักอื่น เพราะท่านสักยันต์ที่เรียกว่า “บุตร-ลบ” สักให้ครั้งละสองคนก่อนสักให้กินน้ำสาบานให้สัจจะแล้วให้สาบานว่าจะไม่คิดร้ายทำลายกันให้เป็นเพื่อนตายที่ตายแทนกันได้

การสักบุตรลบของหลวงพ่อคงกระพันชาตรีเข้าถึงกระดูกตีไม่แตกไม่หักไม่มีคู่ใดเลยที่สักไปแล้วจะคิดร้ายทำลายกัน เพราะใครก็ตามที่คิดและลงมือทำจะตายโหงด้วยอาการอันน่าทุเรศเวทนาทุกรายไป

ทั้งหมดคืออาถรรพ์เสน่ห์และเรื่องราวของลายสักที่ไพฑูรย์ได้รู้ได้เห็นได้ผจญมาด้วยตัวเองท่านที่มีลายสักพึงรักษาลาสักนั้นเอาไว้เท่าชีวิตเพราะนั่นคือการเทิดทูนบูชาพระคุณของครูบาอาจารย์เจ้าของลายสักเอาไว้เป็นการพิสูจน์ว่าเราสามารถรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับครูบาอาจารย์เอาไว้ได้สมบูรณ์แม้กาลเวลาจะผ่านไปเวลานานแล้วก็ตามที

ลายสักยันต์เป็นของสูงเป็นสิ่งที่จะต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุดเพราะผิดกับลายสักสวยที่นิยมสักกันเพื่อโอ้อวดฝีมือของผู้สักไม่ต้องเสียเวลาดูแลรักษาเหมือนการสักยันต์ที่เป็นสิ่งที่จะต้องรักษาไว้จนลมหายใจสุดท้าย

ขอบคุณขอมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว

แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: