3589. ช่วยผีอีก้อล่าเสือสมิง (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ไพฑูรย์มักทดลองอำนาจว่านอยู่เสมอ ในตอนที่ใกล้ชิดกับผู้เขียนไพฑูรย์มักเอามีดพับคมๆ มาเชือดท้องแขนให้ผู้เขียนชมหลายหน ปรากฏเป็นรอยแดงๆแบบยางบอน ไพฑูรย์บอกว่า

“ทดลองอำนาจว่านให้ดูหรอกไม่ได้เล่นกล เฒ่าหนังแห้งนี่ดีนัก เคี้ยวๆพอลิ้นชาก็ใช้ได้จะเป็นมีดไม้ปืนเป็นไม่ได้กินเนื้อหนังว่านนี้ดีที่สุดไม่ต้องคาถา ไม่ต้องทำจิต เพียงเคี้ยวกินเท่านั้นแต่บอกไว้อย่างว่า ถ้ากินประจำติดต่อกันหลายๆปีแล้วละก็ เวลาถึงหน้าว่านออกดอกจะเกิดรอยต่างๆเป็นจุดๆที่ผิวหนัง ที่เรียกว่า “ว่านออกดอกที่ตัว” จะมีอาการคันและเป็นอยู่ประมาณ 1 เดือนจึงจะหายไปเอง ว่านที่ไหนก็มีขายแต่ต้องเลือกร้านเพราะว่านหัวคล้ายๆกันอาจถูกหลอกขายก็ได้”

ใครก็ตามที่ได้สนิทสนมกับไพฑูรย์จะพบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรสนิทกันแค่ไหน เวลานั่งคุยจะไม่ยอมถอดแว่นกันแดดสีดำเป็นเด็ดขาด หากไม่อยากให้ไพฑูรย์ลุกหนีก็อย่าได้ไปขอให้ถอดแว่นดำออกจากใบหน้า เมื่อพบกันที่สำนักพิมพ์วัชรินทร์การพิมพ์ที่สะพานวันชาติ พอรถจอดไพฑูรย์จะไม่เข้าสำนักพิมพ์เลยแต่จะเดินอ้อมไปอ้อมมา วนซ้ายวนขวาจึงจะเข้าสำนักพิมพ์

ไพฑูรย์บอกว่าติดเป็นนิสัยเพราะมีศัตรูมากทั้งที่เป็นอาชญากรด้วยกัน ตำรวจ ญาติ คนที่ถูกฆ่าที่คอยตามล่าจึงต้องเป็นสิงห์ระแวงภัยไว้ก่อน ผู้เขียนถามว่ามาที่นี่ต้องระวังด้วยหรือไพฑูรย์บอกว่ายิ่งสนิท ยิ่งดี ยิ่งต้องระวัง เป็นการย้ำให้ผู้เขียนเห็นชัดว่าในโลกนี้ไพฑูรย์ไว้ใจตัวเองเพียงคนเดียว

ไพฑูรย์เล่าว่าหนีการตามล่าไปอาศัยอยู่กับชาวเขาเผ่าอีก้อโดยมีพ่อค้าฝิ่นแนะนำไปฝากไว้ วันที่นำไปฝากก็มีการเข้าทรงผีอีก้อ ศาลสถิตผีอีก้อจัดไว้สวยงาม มีดอกไม้ป่าประดับมีอาหารว่างเซ่น เรียกว่าทุกเช้าทุกบ้านจะเอาอาหารที่กินในบ้านไปวางเซ่น พ่อเฒ่าที่เป็นร่างทรงผีอีก้อเป็นพ่อเฒ่าอายุกว่า 90 แถมตาบอด เวลาทำพิธีต้องจูงกันมาแต่พอเข้าผีอีก้อแล้วไม่ต้องมีคนจูงเดินเหินเหมือนคนตาดีๆนี่เอง เป็นที่น่าแปลกใจ พ่อค้าฝิ่นบอกขอฝากลูกคนนี้ด้วย รับรองไม่มีเรื่องร้ายแรงมาให้ พ่อเฒ่าหัวเราะหน้าหงายบอกว่า

“มึงไม่ต้องพูดกูรู้ทั้งหมด มึงก็เหมือนกันหากมาไม่ดีก็เป็นเหยื่อเสือไปแล้ว ไอ้คนที่มึงพามานั่นเป็นอริกับตำรวจ กูเห็นที่เท้ามันเป็นรอยตรวนรอยโซ่มันหนีภัยมา แต่มันจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานมันต้องเดินทางต่อ บอกไว้ตรงนี้เลยว่าต้องกลับไปที่ๆมันหนีมา”

ไพฑูรย์บอกว่ารู้สึกแปลกใจแต่ด้วยความอยากลองจึงแกล้งถามไปว่า

“ไม่กลัวว่าลูกจะเปลี่ยนเป็นศัตรูหรือ”

พ่อเฒ่าลุกขึ้นลืมตาที่เหลือกเห็นแต่ขาวกระทืบเท้าตึงๆแล้วตวาดว่า

“มึงคิดว่ากูล้อเล่นหรือ…ใครไปใครมาจะตายไม่ตายกูรู้หมด อย่างมึงมันหนีน้ำร้อนมาหาน้ำเย็น หากมึงไม่อยู่ที่นี่เดินทางต่อไปมึงจะถูกจับตายตำรวจไปดักมึงที่ท่าสองยางแล้ว อย่ามาโกหกกู” ไพฑูรย์ขนลุกซู่ อันที่จริงถ้าพ่อค้าฝิ่นไม่นำมาไว้กับเผ่าอีก้อ

ไพฑูรย์จะไปที่ท่าสองยางดังที่ผีอีก้อได้บอกไว้จริง จึงร้องตะโกนว่า

“เชื่อแล้ว ลูกเชื่อแล้ว ต่อไปจะไม่ทดสอบอีก”

พ่อเฒ่าเจรจากับลูกหลานอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกลา ร่างของพ่อเฒ่าตาบอดหงายหลังตึงลงไปกับพื้นโดยไม่มีคนรับแต่ไม่มีอันตรายให้คนจูงกลับที่พัก

ขณะนั้นมีเสือที่อีก้อเลี้ยงไว้ให้กินคนที่เป็นสายตำรวจหลุดออกมาจากที่คุมขังไปได้ เสือที่กินคนเป็นเสือสมิงที่วิญญาณร้ายสิงสู่ จะกลับมาแก้แค้นเอากับชาวอีก้อที่เคยจับให้เสือกินจึงมีการเชิญผีอีก้อมาถาม ผีอีก้อบอกว่า

“วิญญาณที่อยู่กับเสือไม่ใช่พวกเรา มันเป็นวิญญาณที่มีวิชาอาคมแก่กล้าจึงทำให้เสือแหกกรงขังออกมา จะมีคนตายหลายคน ให้พยายามหาเครื่องป้องกันบ้านเอาไว้เพราะเสือสมิงจะบุกขึ้นถึงบ้านเพื่อกินคน ผีอีก้อจะคอยช่วยเหลือ แต่ต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน”

คืนที่สามไพฑูรย์ได้ยินเสียงร้องดังมาจากท้ายหมู่บ้านพอรุ่งเช้าก็มีเสียงบอกต่อกันมาว่าเล่าหยง เล่าลี สองพี่น้องถูกเสือบุกขึ้นไปกัดตายคาบ้าน มันลากเอาเล่าลีหายเข้าป่าไปให้ออกตามหา ปรากฎว่าพอถามผีอีก้อ ผีอีก้อบอกว่าไม่ต้องตาม เพราะถ้าตามไปจะถูกเสือกัดตายอีก ให้ก่อกองไปไว้ทุกปากทางเข้าหมู่บ้านจัดเวรยามคอยระมัดระวังเอาไว้ พ้นสามวันไปแล้วจึงค่อยออกล่า

ไพฑูรย์บอกว่าได้ยินเสียงเสือร้องอยู่รอบหมู่บ้านแต่ไม่กล้าเข้ามา พ้นสามวันไปแล้วพรานอีก้อก็ออกล่า โดยมีปืนแก๊ปเป็นอาวุธที่ดีที่สุด ไพฑูรย์มีปืนเมาเซอร์ต่อด้ามที่อีก้อยึดมาจากสายตำรวจแต่ใช้ไม่เป็น ผีอีก้อสั่งให้มอบให้กับไพฑูรย์เพื่ออกล่าเสือสมิง

การล่าดำเนินไป วันแรกมีการตามรอยเสือไปจนพบซากของเล่าลีจึงทำการฝังศพกลางป่า ไพฑูรย์แนะนำให้นอนบนคบไม้แทนการนอนบนดินแล้วก่อกองไฟ แต่ลี ซง ไม่เห็นด้วย จึงชวนเพื่อนนอนกับพื้นโดยก่อกองไฟไว้สี่ทิศ ตกดึกได้ยินเสียงเสือคำราม ได้ยินเสียงปืนและเสียงร้องจึงตื่นขึ้นมาดูก็เห็นเสือขย้ำลี ซงแล้วลากออกไป ส่วนเพื่อนของลี ซง อีกสองคนเพียงบาดเจ็บ

คนเจ็บถูกส่งตัวกลับ ผู้ที่เหลืออยู่รวมกับไพฑูรย์ 5 คนทุกคนยอมทำตามที่ไพฑูรย์สั่งออกตามหาศพลี ซง จนบ่ายจึงพบศพ ไพฑูรย์ให้ตัดไม้มาทำเป็นห้างบนคบไม้ขนาบสองข้างศพลี ซง ก่อไฟไว้เพียงกองเดียว เพื่อล่อให้เสือออกมากินซากเหมือนเสือจะรู้มันไม่เข้ามา จนคืนที่สามจึงเกิดเหตุขึ้น

ไพฑูรย์เล่าว่าค่อนแจ้งเสียงไก่ป่าขันกำลังนอนสบายๆก็ต้องตื่นเมื่อได้ยินเสียงเสือคำราม มองลงไปเห็นเสือโคร่งกำลังขม้ำซากลี ซง ไพฑูรย์ประทับเมาเซอร์ต่อด้ามเล็งยิงไปที่เสือโดนอย่างจังแต่กลับเป็นซากของลี ซง ยืนอยู่แทนเสือ มันเป็นภาพคล้ายกับมายาหลอนทำให้ไพฑูรย์ถึงกับเหงื่อแตกท่วมตัว รุ่งเช้าลงจากห้าง พบรอยตีนเสือเดินทั่วไปหมด ยังไม่ทันจะทำอะไร ลี จ้าง ก็ล้มลงพอเข้าไปประคองก็ลุกขึ้นยืนตาเหลือกขาวไม่เห็นตาดำ ส่งเสียงร้องโวยวาย มีคนแปลให้ไพฑูรย์ฟังว่า

“พวกมึงจงเก็บขนเสือที่หล่นอยู่มาแล้วเจาะเลือดที่ปลายนิ้วทุกคนเอาไปคลุกกับขนเสือขุดฝังดินไว้กับซากลี ซง คืนนี้อย่าหลับ เฝ้ายามกันไว้ให้ยิงที่ลำตัวเสือเท่านั้นเพราะมันพรางส่วนหัวไว้มิให้เห็น”

ไพฑูรย์จึงขึ้นไปนั่งห้างไม่ยอมนอน ค่อนแจ้งฟืนในกองหมดไฟไม่เรืองแสง เสียงเสือคำรามลั่นป่า เสือโคร่งมาจริงมันฉุกละหุกมาก พรานอีก้อประทับปืนแก๊ปยิงตรงส่วนที่เป็นหัวเสือเสียลูกเปล่าไพฑูรย์รำลึกถึงคำผีอีก้อว่า

“อย่ายิงหัวให้ยิงที่ลำตัว”

ยกปืนเมาเซอร์ต่อด้ามเล็งไปที่สีข้าง นึกในใจว่าหากผีอีก้อหลอกก็แล้วไป กระดิกนิ้วปล่อยกระสุนแบบเซมิออโตทีละนัด กระสุนสามนัดแรกไม่เข้าไพฑูรย์ร่ายคาถาคัดของ ยิงซ้ำนัดที่ 4 ได้ผล กระสุนเจาะเข้าสีข้างส่งเสียงร้องลั่นป่าสีข้างกลับกลายเป็นส่วนหัวคมกระสุนทะลวงเข้าแสกหน้าพอดี เสือล้มพวกพรานบรรจุปืนเสร็จเรียบร้อยยิงซ้ำเข้าไป

พอสว่างแล้วแน่ใจว่าเสือตายจึงพากันไต่ลงมาที่พื้น ช่วยกันฝังศพ ลี ซง แล้วตัดไม้ไผ่กับเถาวัลย์มาทำเป็นคานหามเอาเสือกลับหมู่บ้าน มาถึงก็ถลกหนังล้างน้ำทาเกลือกันเน่าเอาออกไปตากแห้ง เนื้อเอาไปฝัง พวกอีก้อไม่กินเนื้อเสือเนื้อหมีกันทุกคน

“พ่อเฒ่าตัวเชื่อมผีอีก้อถูกผีอีก้อสวมร่างมายืนบัญชาการตลอดการถลกหนังผีอีก้อ บอกว่า ต่อไปนี้เรื่องร้ายจะไม่เกิดอีก คราวต่อไปอย่าเลินล่ออีกก็แล้วกัน เพราะผีที่สิงเป็นผีนอกเผ่าที่ถูกเสือกินเป็นวิญญาณที่ยังมีห่วงและเป็นวิญญาณแค้น”

ไพฑูรย์อยู่กับเผ่าผีอีก้อประมาณ 6 เดือน เรียนรู้ชีวิตชาวเขาและได้สาบานเป็นเพื่อนตายกับชาวเขาเผ่าอีก้อหลายคน ทุกคนบอกว่าถ้าเดือดร้อนให้หนีมาซ่อนตัวได้เลย นานแค่ไหนก็ได้

เหตุนี้แหละไพฑูรย์จึงเข้าออกเผ่าอีก้อได้เหมือนเป็นคนในเผ่า พ่อค้าฝิ่นที่เป็นคนพามาฝากไว้กับเผ่าอีก้อมารับไพฑูรย์กลับพร้อมขบวนคาราวานขนฝิ่นลงจากดอยเพื่อส่งให้พ่อค้าคนกลาง ไพฑูรย์เดินทางต่อไปท่าสองยาง

เมื่อไปถึงก็ได้ข่าวว่าตำรวจมาด้อมๆมองๆอยู่ 3 เดือนไม่มีวี่แววเลยพากันกลับไป ดีที่ไพฑูรย์ไม่ได้มา ชาวบ้านได้ยินพวกตำรวจกองปราบบอกว่าคำสั่งให้จับตายลูกเดียว สู้ไม่สู้ก็ตายสถานเดียว ไพฑูรย์บอกว่าตรงตามที่ผีอีก้อพูดไว้ทุกประการ รู้สึกนับถือผีอีก้ออย่างสนิทใจปราศจากความเคลือบแคลงเชื่อเป็นของจริง

ไพฑูรย์บอกว่าทุกอย่างเป็นลิขิตของดาวโจรที่ทำให้ไพฑูรย์ที่เกิดมาใต้ดาวโจรเยี่ยงเดียวกับองคุลีมาล บันดาลให้ต้องซัดเซพเนจรเร่ร่อนหลบหนีคดี หนีการตามล่าที่ยิ่งกว่านิยายประโลมโลกมันเป็นความจริงในชีวิตของนักโทษประหารที่ต้องผจญกรรมชดใช้โทษบาปแต่ปางบรรพ์ วางปืนวางมีดมาเป็นยามจนได้มาเป็นนักเขียนถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตออกมาเป็นตัวอักษรแลกกับเงินดำรงชีพจากความเมตตาของผู้อ่าน และตั้งใจจะเขียนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ทุกถ้อยคำมิได้ตั้งใจให้ผู้ใดเอาเยี่ยงอย่าง เพราะเส้นทางชีวิตของจอมอาชญากรส่วนใหญ่คือไม่ติดคุกจนตาย หรือไม่ก็ตายด้วยลูกปืนตำรวจโดยเฉพาะเยาวชนอ่านแล้วผู้ใหญ่ควรชี้แนะว่าอะไรควรอะไรไม่ควรเพราะเหรียญมักมีสองด้านเสมอ ไม่ควรมองด้านเดียวเท่านั้นจะทำให้เกิดอคติได้ง่ายๆอคตินี่แหละที่ทำลายผู้คนมามากแล้ว

ที่มา : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
รูปภาพ : ขอบคุณท่านเจ้าของรูปด้วยครับ

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่
แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji
Web Sit: www.appgeji.com
App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: