3587. ฤทธิ์คชสีห์หลวงพ่อเฮง วัดเขาดิน (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

เมื่อตอนที่ไพฑูรย์ไปส่งต้นฉบับให้กับผู้เขียนใหม่ๆนั้น ผู้เขียนรู้สึกอึดอัดอยู่พอสมควรอย่างแรกการใส่แว่นตาดำตลอดเวลา ไม่ถอดออกแม้จะเข้ามาในโรงพิมพ์วัชรินทร์การพิมพ์ (ปัจจุบันปิดกิจการไปแล้ว) สนทนากับผู้เขียนก็ไม่ยอมถอดแว่นตาออก อย่างที่สองการเข้ามาที่โรงพิมพ์ มักเดินวนไปวนมาเหมือนจะเดินดูลาดเลาอะไรสักอย่าง หรือเกรงใจใครจะมาดักทำร้ายอะไรทำนองนั้น อย่างที่สามก็คือความเครียด พูดจาคล้ายกับระแวงสงสัย แต่ผู้เขียนก็ไม่เคยถาม รับต้นฉบับแล้วทำใบเบิก เบิกเงินมาส่งให้ทีละ 3 ตอน ไพฑูรย์ส่งต้นฉบับครั้งละ 3 ตอนแล้วหายไปก่อนจะโผล่มาแบบนินจา

ครั้นเมื่อสนิทกันมากขึ้นจึงกล้าที่จะถามว่าทำไมต้องใส่แว่นตาดำตลอดเวลา คำเฉลยคือใช้จนติด เป็นแว่นตาเรย์แบนเพื่อปกป้องแววตาที่ผู้เขียนมองดู เมื่อไพฑูรย์ถอดแว่นตาดำต้องยอมรับว่าแววตาของไพฑูรย์เป็นแววตาที่กระด้างหรือที่เรียกว่า “แววตาแห้ง” คนที่มีแววตาแบบนี้ทางวิชาการว่าด้วยอาชญวิทยาระบุชัดว่าเป็น “แววตาของนักฆ่า” หรือ “นักล่าสังหารหน่วยใต้ดิน” ฆ่าคนไม่ต้องมาคิดทบทวนให้เสียเวลาไปเปล่า ไพฑูรย์บอกว่าเกิดตั้งแต่ได้รับความอยุติธรรมจากคดีสังหารขุนตระเวนฯ และการลงมือลงไม้ของผู้คุมที่ตีไพฑูรย์เหมือนตีหมูตีหมา จากการเบียดเบียนและจองล้างของขาใหญ่ในคุกที่ต้องการจะได้ไพฑูรย์ไว้เป็นมือเป็นตีน

ลักษณะการหวาดระแวงเริ่มแต่แหกคุกและหลบหนีเอาตัวรอด นอนไม่เต็มอิ่ม กินไม่เต็มกลืน ต้องปลอมตัวหวาดระแวงไปหมด แม้แต่เสียงสุนัขเห่าหรือเสียงผัวเมียตีกัน หลายครั้งที่ชักปืนออกมาจี้หัวบ๋อยที่เข้ามาให้บริการ หรือแม้แต่บริกรในบังกะโลที่เข้าไปพักก็เจอเหมือนกันทำให้ต้องรีบย้ายที่นอน นอกจากศัตรูที่เป็นผู้รักษากฎหมายแล้วยังมีศัตรูอื่นอีกมากมาย แม้ถอดคราบสิงโตหินออกมาเป็นไพฑูรย์นักเขียนเรื่องราวตัวเองนิสัยหวาดระแวงก็มิได้หายไป เหมือนกับว่าติดเป็นนิสัยประจำ

ส่วนนิสัยเครียดและมีอาการระแวงเหตุเพราะการหลบหนีหลายหนที่ตำรวจส่งสายและนกต่อเข้ามาถึงตัวไพฑูรย์จนแทบจะไม่มีเวลาหนี มีอยู่ครั้งหนึ่งทำให้บริกรบาดเจ็บเพราะระแวงว่าเป็นสายตำรวจ แต่ภายหลังได้ให้เจ้าหม่อมหลวงกำมะลอนำเงินมาแอบชดใช้ให้เพราะสงสารที่ทำให้ต้องเดือดร้อนเพราะความระแวง ไพฑูรย์บอกว่าไม่ว่าสำนักพิมพ์ไหน ถ้าไพฑูรย์ไปส่งต้นฉบับก็เป็นแบบนี้ จนทุกคนถือเป็นเรื่องธรรมดา

ไพฑูรย์เล่าถึงความเครียดระหว่างการหลบหนีเอาไว้ว่า หลายครั้งที่ไม่อาจจะเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพรรคพวก เพื่อนฝูงได้ ต้องตะลุยเดี่ยว ใช้ทั้งความกล้าบ้าบิ่นและการปลอมตัว ไพฑูรย์บอกว่าเครื่องปลอมตัวก็มีวันหมด ต้องปลอมตัวด้วยเทคนิคที่ใช้กันระหว่างพวกอาชญากรโดยเฉพาะเรื่องอาแซน ลูแปง จอมโจรพันหน้า ที่กล่าวถึงเทคนิคดังกล่าวไว้หลายตอน หากพักในบังกะโลจะพักไม่เกินแห่งละ 3 วัน หากเป็นโรงแรมจะเปลี่ยนห้องพักทุกวันและพักไม่เกิน 3 วัน

ไม่ทำตัวให้เป็นจุดเด่นไม่สวมหมวกปิดใบหน้า ไม่ทำอะไรที่เป็นเรื่องที่ทำให้เป็นที่จับสังเกต ทำตัวตามสบาย แต่ให้สังเกตคนรอบข้าง ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ อาทิ มีชายฉกรรจ์หลายๆคนมาเดินวนเวียนรอบโรงแรมที่พัก หรือมีคนมาเคาะประตูอ้างว่าเคาะประตูห้องผิด เวลานอนไพฑูรย์จะไม่นอนบนเตียงแต่จะนอนบนพื้นและหันปลายเท้าออกไปทางประตูห้องพัก เมื่อฉุกเฉินตำรวจบุกเข้ามาจะได้ยิงแหวกทางออกไป ออกสำรวจดูบันไดหนีไฟ ทางออกฉุกเฉิน หรือแม้แต่หน้าต่างห้องน้ำ ว่าพอจะลอดออกไปที่ไหนได้บ้าง

คราวนั้นไปพักที่โรงแรมที่มีชื่อเป็นจีน แปลเป็นภาษาไทยว่า “สี่สายน้ำ” (ไพฑูรย์บอกว่าล่าสุดพบว่าปิดกิจการไปตั้งแต่สงครามโลกระเบิดในเมืองไทย มีบ๋อยชื่อ สนิท ที่ไพฑูรย์ใช้เงินและความคุ้นเคยเป็นบันไดให้บ๋อยคอยรายงานความเคลื่อนไหวของตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตลอดจนคนแปลกหน้าที่มาเยี่ยมๆ มองๆ โรงแรมแห่งนี้ ตีสองกว่าๆ บ๋อยที่ชื่อสนิท เข้ามาส่งข่าวว่า

“พี่รีบหนีเถิด ผมได้ยินพวกสายสืบมันบอกกันว่า จะเข้ากวาดล้างอาชญากรที่เข้ามามั่วสุมชุมนุมกันในโรงแรม เพื่อหวังผลทางด้านจิตวิทยา เช้าตรู่จะเข้าทำการกวาดล้าง เถ้าแก่บอกพวกผมว่าพอตีห้าให้มารวมกันที่ล็อบบี้ อย่าแตกแถวไปไหน ตำรวจเขาจะเขากวาดล้างอาชากรรม”

ไพฑูรย์จึงเก็บข้าวของจำเป็นเตรียมออกจากโรงแรม พอมาเซ็นชื่อคืนกุญแจจะออกไปนอกโรงแรม สายสืบนอกเครื่องแบบสามสี่คนที่เตร่อยู่หน้าโรงแรมเตรียมร่วมปฏิบัติการกวาดล้าง ไพฑูรย์เตรียมพร้อมอยู่แล้วจึงถอยเข้าไปในโรงแรม วกออกด้านหลังตามเส้นทางที่ได้สำรวจไว้แล้ว เส้นทางด้านหลังไปออกริมแม่น้ำ เป็นที่ที่ปลอดจากการเฝ้าระวัง

ไพฑูรย์เดินลงไปยังริมแม่น้ำ พบลุงคนหนึ่งนั่งผิงไฟอยู่ที่ริมฝั่งที่จอดแพซุง จึงเดินเข้าไปหา เอ่ยทักทายแล้วยื่นบุหรี่สิงโตหมอบให้ทดลองสูบ ลุงนิรนามอัดควันเข้าปอดแล้วแสดงความขอบคุณสำหรับบุหรี่สิงโตหมอบ ลุงบอกกับไพฑูรย์ว่ายินดีจะฟังเรื่องราวชีวิตแต่หนหลังของแกหรือไม่ ไพฑูรย์จึงพยักหน้าก่อนจะจุดบุหรี่ให้ลุงอีกมวน

ผมชื่อแจ่ม หรือรู้จักกันในนาม กำนันแจ่ม มือปราบแห่งท่าตะโก เมื่อสิบสองปีก่อนผมเป็นกำนันที่ชาวบ้านรักและเคารพผม พวกโจรลักขโมยวัวควายและพวกผู้มีอิทธิพลขยาดผม

ผมลุยกับไอ้พวกเลวรากเหล่านี้โดยไม่เกรงกลัวใคร เพราะราชสีห์มหาดไทยที่ผมสังกัดหมายถึงอำนาจในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฎร อันพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงโปรดพระราชทานกำเนิดกำนันผู้ใหญ่บ้านขึ้น เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายปกครองย่อยจากตำรวจและนายอำเภอ

ผมยิงไอ้พวกโจรปล้นและขโมยวัวควายชาวบ้านมานับสิบศพ เป็นวิสามัญฆาตกรรมที่ผมเป็นฝ่ายถูกมาโดยตลอด คุณเชื่อเถิดว่าพวกที่อยู่เบื้องหลังการปล้นการขโมยวัวควายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่คอยเรียกรับผลประโยชน์จากพวกโจร โดยเฉพาะกำนันที่ทำตัวเป็นเจ้าพ่อ

วันหนึ่งผมยกกำลังไปตามควายของตาจุกยายคำบ้านหนองขยาด จนทันกับพวกขโมยควาย เกิดยิงต่อสู้กัน พอเช้าออกสำรวจความเสียหายพบฝ่ายโจรตายคาที่ 3 ศพ หนึ่งในจำนวนนั้นชื่อ สว่าง เป็นลูกชายกำนันแสวง หมู่ 5 ท่าตะโก มีรอยถูกยิงด้วยกระสุนพาราเบลัมของผม

กำนันแสวงชี้หน้าผมต่อหน้านายอำเภอที่มาร่วมชันสูตรพลิกศพ ร้องท้าผมยิง แต่ผมใช้ขันติเข้าไปทำความเข้าใจว่า ณ เวลานั้นเป็นเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานและมืดมาก มองไม่เห็นถนัด เป็นการต่อสู้แบบที่เรียกว่าสาดน้ำรดกัน ผมอธิบายว่าผมต้องยิงปืนเพื่อป้องกันชีวิตตัวเอง รู้แต่ว่าพอชันสูตรจึงรู้ว่าเป็นเจ้าสว่างลูกชายกำนันแสวง ผมต้องขอโทษเพราะไม่มีทางเลือก

นับแต่นั้นมา ผมถูกเพ่งเล็งและได้รับความอยุติธรรมโดยตลอด ที่ร้ายแรงที่สุดคือผมถูกซุ่มยิงระหว่างเข้าไปทำธุระที่ตัวอำเภอ ผมรอดได้แต่แม่อีหนูถูกยิงตายคาที่ ผมสืบจนรู้ว่ากำนันแสวงให้เสือโพ มือขวาของมันมาซุ่มยิงผม ทำให้เมียผมตาย

ผมทำความดีมาตลอด แต่เมียผมต้องมารับเคราะห์แทนแถมคดีก็ไม่คืบ ผมถอดตราราชสีห์และเครื่องแบบพระราชทานคืนหลวงด้วยการลาออกจากการเป็นกำนัน ผมถูกอำนาจแห่งความแค้นทำให้ผมหาทางเอาคืนให้ได้ ไอ้กำนันแสวงต้องตายด้วยน้ำมือผม แต่แล้วด้วยบารมีของหลวงพ่อเฮง วัดเขาดิน ที่ผมนับถือท่านได้ให้สติผมว่า

กำนันแจ่มในฐานะที่กำนันแจ่มเคารพนับถือฉันมาตลอด ฉันได้ข่าวว่ากำนันเตรียมจะใช้ศาลเตี้ยจัดการชำระแค้น จึงให้ไปตามกำนันมาพบ ผมขนลุก เรื่องนี้ผมไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้ แล้วทำไมหลวงพ่อเฮงท่านรู้ได้เล่า หรือเป็นเพราะผมไปปรับทุกข์ต่อหน้ารูปถ่ายของหลวงพ่อที่ผมบูชาไว้ที่บ้านทุกครั้งที่ผมทำวัตรสวดมนต์ ท่านอาจรับรู้ได้ด้วยญาณของท่าน

“แล้วหลวงพ่อจะให้ผมอยู่นิ่งเฉยหรือ นับวันแต่พวกมันจะเหิมเกริมขึ้นทุกที”
“กำนันแจ่ม นี่เป็นคชสีห์งาช้างแกะ ฉันปลุกเสกเป็นพิเศษให้กำนันโดยเฉพาะอย่างกำนันนี่มันเป็นยิ่งกว่าราชสีห์ เป็นราชสีห์ที่มีพลังและอำนาจของช้างรวมอยู่ด้วย ฉันไม่ได้ให้ใครง่ายๆดอก แต่ฉันให้กำนันเป็นที่ระลึก แล้วกำนันจะรู้ว่าดีอย่างไร”

นายอำเภอคนใหม่เรียกผมไปพบ ให้ผมลงสมัครเป็นกำนันอีกหน เพราะชาวบ้านมาขอร้องให้ผมเรียกกำนันมาเจรจาให้สมัครเป็นกำนันอีก แต่ผมปฏิเสธ นายอำเภอท่านจึงหว่านล้อมผม จนในที่สุดก็ไปหาหลวงพ่อเฮงให้ช่วยบอกผมให้ลงสมัครอีก ผมจึงต้องลงสมัคร

คราวนี้ผมต้องปะทะกับฝ่ายกำนันแสวงที่ถูกปลดจากกำนัน และถูกดำเนินคดี แต่ด้วยเส้นสายอันเหนียวแน่นจึงรอดมาได้ และกลายเป็นผู้หนุนหลังโจรปล้นวัวควาย หลายครั้งที่อดีตกำนันแสวงลงมือเอง

นายอำเภอระดมกำลังเพื่อเข้ากวาดล้างชุมโจรของเสือเพ็งที่เขตหนองกระโดน อันเป็นชุมโจรที่อาละวาดปล้นทรัพย์และวัวควายชาวบ้าน ซักซ้อมตามแผนที่นายอำเภอวางแผนไว้ จึงเคลื่อนที่เข้าตีชุมโจร ผมอยู่ในเส้นทางที่เป็นทางถอยหนี โจรคนหนึ่งวิ่งหนีผ่านหน้าผมไป ผมไล่กวดไปจนเข้าระยะฉกรรจ์ มันหันมาตวาดแล้วยิงใส่ผมดังแชะๆๆ สามนัด ผมขนลุก มันเป็นเสียงของกำนันแสวง ถ้าผมยิงให้ตายก็ตาย แต่หากผมยิงมันตาย คนจะครหาว่าผมใช้ตำแหน่งหน้าที่แก้แค้น ผมจึงยิงหัวไหล่ข้างขวาของมัน จนกระดูกไหปลาร้าหักแล้วจับเป็น

เมียผมไม่ตายฟรี

เมื่อคืนนี้ก็ได้ข่าวว่าจะมีการกวาดล้างพวกอาชญากร แต่ผมมันเกษียณแล้วจึงได้แต่ฟังไว้เฉยๆ หากเป็นเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็เจอะกัน ทุกวันนี้มีหน้าที่ส่งมอบแพซุงให้พ่อค้าที่กรุงเทพฯ ล่องต่อไปเข้าโรงเลื่อย สายวันนี้ก็จะส่งมอบแพซุง ไพฑูรย์ขอตัวออกเดินทางหนีต่อไป บุหรี่สิงโตหมอบที่เหลือมอบให้อดีตกำนันแจ่มเป็นของกำนัล

ที่มา : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
รูปภาพ : ขอบคุณท่านเจ้าของรูปด้วยครับ

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่
แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji
Web Sit: www.appgeji.com
App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: