3583. เสือไพฑูรย์บุกยิงเถ้าแก่ง้วน (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ไพฑูรย์เล่าว่า เมื่อเป็นนายทหารพระธรรมนูญ ได้ไปถวายตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิมครั้งแรก หลวงพ่อเดิมได้กล่าวคำสอนไพฑูรย์เหมือนเป็นคำพยากรณ์อนาคตของไพฑูรย์ว่า

“ชีวิตมนุษย์นั้นไม่มีแก่นสารแน่นอน ย่อมอยู่ใต้กฎแห่งโลกธรรม 8 ประการอันเป็นคู่โลกมาแต่เดิม อันได้แก่ สุขารมณ์4 อันได้แก่ สุข ลาภ ยศ สรรเสริญ อสุขารมณ์4 อันได้แก่ ทุกข์ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา เมื่อมีสุขอย่าหลงระเริง เมื่อมีทุกข์อย่าหวั่นไหว เมื่อมีลาภอย่าใช้จ่ายให้หมดเปลือง เมื่อเสื่อมลาภให้เพิ่มความเพียร เมื่อมียศให้หมั่นสร้างความดี เมื่อเสื่อมยศให้ประมาณตน

เมื่อได้รับคำสรรเสริญอย่าพองตัว เมื่อได้รับคำนินทาอย่าเกรี้ยวโกรธ สมเด็จพระบรมครูทรงตรัสสอนไว้ในมงคลสูตรว่าการดำรงจิตมิให้หวั่นไหวในโลกธรรม 8 ประการเป็นอุดมมงคล

ไพฑูรย์บอกว่าเมื่อสังหารขุนตระเวน มีความสุขที่ได้ทำตามที่ปรารถนา พอถูกจับดำเนินคดีก็ได้รับทุกข์จนถึงโทษประหารชีวิต เคยมีเงินทองใช้สอยไม่ขาดมือก็ต้องมาหมดที่พึ่ง เคยมียศเป็นนายทหารกรมพระธรรมนูญก็ถูกถอดยศเมื่อคดีถึงที่สุด เคยมีผู้สรรเสริญว่าเป็นคุณชายวรรณวินต้องมากลายเป็นนักโทษชายไพฑูรย์ สมดังที่หลวงพ่อเดิมได้เทศนาเตือนสติเมื่อไปนมัสการครั้งแรกไม่มีผิด

ไม่ว่าจะเป็นคุณชายวรรณวิน เป็นนายทหารกรมพระธรรมนูญ เป็นนักโทษชายไพฑูรย์ เป็นเสือไพฑูรย์ตามฉายาที่หนังสือพิมพ์พาดหัว แต่ทุกครั้งที่ได้ไปนมัสการหลวงพ่อเดิม หลวงพ่อมองดูไพฑูรย์เป็นศิษย์ของหลวงพ่อไม่เคยเห็นเป็นอย่างอื่น หลายครั้งที่ต้องปลอมตัวไนนมัสการหลวงพ่อเดิม ทุกครั้งหลวงพ่อเดิมท่านจำได้

ไพฑูรย์ว่ามองดูจากสายตาที่ท่านมองมาก็รู้ได้จากแววตาและคำที่หลวงพ่อเรียกไพฑูรย์ว่า “สัตว์ผู้ยาก” ทุกครั้งไปคำว่า “สัตว์ผู้ยาก” ทำให้ไพฑูรย์น้ำตาซึมเมื่อก้มลงกราบนมัสการลากลับ ไพฑูรย์บอกว่าเสียดายนักที่ไม่ได้ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพที่วัดหนองโพ เพราะอยู่ในบางขวางเพื่อทำความดีรอรับการพระราชทานอภัยโทษ

หลายครั้งที่จวนตัว ได้หันหน้าไปยังทิศที่ตั้งของวัดหนองโพ พนมมือขอบารมีหลวงพ่อเดิมให้ช่วยทำให้รอดมาได้ทุกครั้ง ดังเช่นครั้งเมื่อถูกตำรวจล้อมจับขณะอยู่ท่าน้ำราชวงศ์ เพราะการปล้นเถ้าแก่ง้วนบ้านหม้อ กองปราบแกะรอยพบว่าไพฑูรย์จะออกเยาวราชเพื่อทำงานใหญ่ เพราะเถ้าแก่ง้วนเบี้ยวเงินค่าเครื่องเพชรที่ไพฑูรย์กับพวกปล้นมาจากนายจินดา ฉายา “ยุ่นปึ้ก” ที่สนิทกับบรรดานายพลญี่ปุ่น ได้ข้าวสาร น้ำตาล ไม้ขีดไฟ น้ำมันก๊าด มาขายในตลาดมืดร่ำรวยทันตาเห็น

เถ้าแก่ง้วนเปิดร้านขายเพชรพลอยเพื่อรับซื้อของโจรอยู่ที่บ้านหม้อ เจ้าอำไพไปติดต่อขายเครื่องเพชรยกล็อต นัดวันให้ไปรับเงินพอเจ้าอำไพไปรับเงินกลับบอกให้ตำรวจมาซุ่มจับ เคราะห์ดีที่เจ้าอำไพจำหน้าจ่าหอมตำรวจ สน.พระราชวัง ที่แต่งนอกเครื่องแบบมาเดินเตร่อยู่หน้าร้านค้าเพชรพลอยของเถ้าแก่ง้วนได้ จึงเดินทางกลับซ่องนรกพร้อมกับเจ้าประจวบและหม่อมหลวงกำมะลอ ก่อนส่งข่าวผ่านลิ่วล้อคณะอั้งยี่ของแม่ดอกเหมยที่รักไปให้ไพฑูรย์ว่าถูกเถ้าแก่ง้วนโกงไพฑูรย์ประกาศต่อหน้าสามสหายว่า

“ไอ้ง้วนต้องตายสถานเดียว”

เถ้าแก่ง้วนเป็นผู้สนิทชิดเชื้อกับอั้งยี่แชคัง ส่งเงินไปบำรุงเป็นประจำ เมื่อมีข่าวมาเข้าหูว่าเสือไพฑูรย์ประกาศเด็ดหัวจึงไปพบหัวหน้าคณะอั้งยี่แชคังที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับแม่ดอกเหมยที่รักให้จับตาดูวามเคลื่อนไหวของไพฑูรย์เพื่อรายงานให้เถ้าแก่ง้วนรู้ เถ้าแก่ง้วนมีเส้นสายอยู่ในกองปราบจึงไปแจ้งให้กองปราบมาคุ้มครองและคอยรายงานความเคลื่อนไหวของไพฑูรย์กับสามสหายที่ตอนนี้เคลื่อนไหวได้ลำบากเพราะเรื่องเถ้าแก่ง้วนเบี้ยวเงินค่าของโจร

ไพฑูรย์ไม่ได้ฉุกคิดว่าเถ้าแก่ง้วนจะให้อั้งยี่แชคังคอยสะกดรอยตาม พอไพฑูรย์ออกจากเยาวราช เถ้าแก่ง้วนก็แจ้งกองปราบจึงมีการส่งตำรวจกองปราบนอกเครื่องแบบมาคอยป้วนเปี้ยนดังได้เล่ามาแล้ว ในซ่องนรกไพฑูรย์นั่งวางแผนพร้อมกับสหายทั้ง 3 มีแผนที่ประกอบ ไพฑูรย์ตัดสินใจใช้พาหนะทางน้ำเพื่อเดินทางเข้าปล้นและกลับ ใช้รถยนต์เชื่อมระหว่างร้านเถ้าแก่ง้วนกับท่าน้ำสะพานพระพุทธยอดฟ้า หากพลาดก็จะเลยไปท่าน้ำราชวงศ์เพื่อหลบหนีทางน้ำต่อไป

ตลาดบ้านหม้อนั้นตอนเที่ยงคนพลุกพล่านเพราะอยู่ไม่ไกลจากโรงหนังเฉลิมกรุงมากนัก ตอนนั้นภาพยนตร์เข้าฉายทำเงินทุกเรื่อง คนแน่นไปหมดโดยเฉพาะรอบเที่ยง ซื้อตั๋วหนังแล้วก็เดินเลยมาดูเพชรพลอยพอใกล้เวลาก็เดินกลับ สามสหายนั่งเรือเร็วมาจอดที่ท่าน้ำสะพานพระพุทธยอดฟ้า ที่นั่นมีเจ้าอำไพขับรถดีโซโต้มารอรับ ท้ายรถมีปืนกลกับระเบิดมือพร้อม ตอนนั้นเป็นระยะสงคราม อาวุธสงครามหาง่ายราคาไม่แพง ตำรวจตอนนั้นอาวุธยังทันสมัยสู้เสือร้ายไม่ได้

เจ้าอำไพขับรถมาจอดซุ่มไว้ห่างจากร้านเถ้าแก่ง้วน สามสหายอันได้แก่ ไพฑูรย์ เจ้าหม่อมหลวงกำมะลอ และเจ้าประจวบ แต่งหน้าพรางจากฝีมือไพฑูรย์เดินสะพายถุงทะเลทำจากผ้าใบภายในมีปืนกลมือ ส่วนระเบิดแขวนอยู่ที่เอวสวมเสื้อแจ็กเกตทับไว้แยกกันเข้าหาเป้าหมาย

ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เตร่อยู่นอกร้านถูกหม่อมหลวงลออเข้าประชิดตัวเอาปืนจี้ลากมาเข้าตรอกด้านข้างร้าน เจ้าประจวบใช้ไม้หวดเข้าที่ปลายคางหลับสนิท ลอกคราบเสื้อผ้าตำรวจมาใส่แล้วเดินไปเตร่แทนเพื่อให้ตำรวจที่อาจกระจายอยู่ไม่เอะใจว่าพรรคพวกหายไป
ไพฑูรย์เล่าติดตลกว่า แต่งตัวไว้หนวดเคราปลอม โพกหัวเป็นแขกซิกซ์ หิ้วกระเป๋าเดินเข้าไปในร้านเถ้าแก่ง้วน ทำทีเป็นลูกค้า เพราะนายห้างซิกซ์มักชอบมาซื้อขายแลกเปลี่ยนวงใหม่เพิ่มเงินหรือมาขายคืน ในกรณีขายคืนเถ้าแก่ง้วนหักค่าสึกหรอร้อยละ 20 เจ้าหม่อมหลวงกำมะลอคอยคุมเชิงหน้าประตูร้านด้านในพอไพฑูรย์เข้าไปเถ้าแก่ง้วนโค้งศีรษะทักทาย

“สวัสดีจ้านายห้าง วันนี้จะให้รับใช้อะไรก็ว่ามาเลย”
“กูเสือไพฑูรย์ มาทวงหนี้ชีวิตมึงไอ้ง้วน วันนี้มึงตายสถานเดียว”
ว่าแล้วไพฑูรย์จึงดึงหนวดเคราปลอมออก เถ้าแก่ง้วนหน้าซีดเหมือนไก่ต้มใกล้เน่าร้องออกมาได้คำเดียวว่า
“ไอ้หยา อาไพฑูรย์ซี้เลี้ยวว้อย”

ไพฑูรย์ชักปืนออกมาไม่มีความลังเล เสือต้องรักษาลายไว้ พูดอย่างใดต้องทำอย่างนั้นให้ได้ เหนี่ยวไกใส่เถ้าแก่ง้วนทันที 3 นัดซ้อน เข้าหัวนัดหนึ่ง เข้าที่หน้าอกซ้ายนัดหนึ่ง อีกนัดเข้าที่ลิ้นปี่ เจ้าหม่อมหลวงกำมะลอทุบกระจกตู้โชว์กวาดเครื่องเพชรเครื่องทองใส่กระเป๋าที่เตรียมมาอย่างรวดเร็ว ทันใดด้านนอกก็มีเสียงปืนดังขึ้น เจ้าประจวบยิงต่อสู้กับสายตรวจท้องที่ที่ผ่านมาพอดี

ไพฑูรย์กับหม่อมหลวงลออรีบวิ่งออกจากร้านยิงใส่สายตรวจวิ่งเข้าหาที่กำบังและ ว. เรียกกำลังเสริม ไพฑูรย์กับสองสหายรีบวิ่งไปขึ้นรถที่เจ้าอำไพจอดรอ แล่นไปทางท่าน้ำสะพานพระพุทธยอดฟ้า ทุกอย่างน่าจะเป็นไปตามแผน รถแล่นมาใกล้สะพานท่าน้ำพุทธยอดฟ้า รถกองปราบตั้งจุดสกัด ไพฑูรย์สั่งให้ถอยหลังเพื่อเปลี่ยนไปที่ท่าน้ำราชวงศ์เพราะที่นั่นมีเรือสำรอง

ไพฑูรย์มาถึงท่าน้ำราชวงศ์ ตำรวจไม่รู้ว่า สน.ใด มาตั้งจุดสกัด สี่สหายต้องลงจากรถ ไพฑูรย์เล่าว่า มีทางเดียวเท่านั้นคือฝ่าออกไป แต่หากฝ่าออกไปจะหาเรือสำรองได้จากที่ไหนเพราะไม่ได้นัดแนะล่วงหน้า ขณะนั้นเองไพฑูรย์ได้หันหน้าไปทางทิศเหนือยกมือขึ้นจรดหน้าผาก หลับตาระลึกถึงหลวงพ่อเดิมว่า

“ลูกจนตรอกแล้ว ขอให้เกิดปัญญาเอาตัวรอดด้วยเถิด”

ไพฑูรย์ว่าพลันก็มีสีเหลืองของจีวรสว่างเข้ามาในมโนภาพ พร้อมกับความคิดที่แล่นออกมาว่า ถอยเข้าเยาวราช ไพฑูรย์นำสามสหายเดินลัดเลาะออกด้านวัดเกาะ (วัดสัมพันธวงศ์) เข้าสู่เยาวราชไปยังสำนักอั้งยี่แม่ดอกเหมยที่รัก ตลอดทางไม่มีอุปสรรค ไม่พบแม้ลิ่วล้อที่เป็นคณะอั้งยี่คู่ปรับที่คอยเป็นหูเป็นตาให้ตำรวจ เข้าไปในสำนักอั้งยี่แม่ดอกเหมยที่รักเห็นไพฑูรย์นำคนแปลกหน้าสามคนเข้ามาจึงถามอย่างไม่พอใจว่า

“เฮียเปียในฐานะผู้คุมกฎก็รู้ว่าคณะอั้งยี่ทุกคนไม่ยินยอมให้พาคนนอกเข้ามาในสำนักเพราะเป็นอันตรายยิ่งยวด”

ไพฑูรย์จึงทำตามระเบียบด้วยการคุกเข่าลงต่อหน้าแม่ดอกเหมยในฐานะประมุขซึ่งตอนนั้นมีลิ่วล้อมาดูเหตุการณ์กันนับสิบคนแล้วพูดว่า

“สามคนเป็นสหายร่วมตาย จำเป็นให้ต้องเข้ามาหลบเพราะจนตรอกที่ท่าน้ำราชวงศ์สามคนกับอั๊วตายแทนกันได้เพราะเป็นพี่น้องร่วมสาบาน คืนนี้จะหาทางออกจากเยาวราชให้จงได้ ขอให้ประมุขได้โปรดละเว้นสักครั้งเถิด จากนี้ไปจะไม่เกิดขึ้นอีก”

“ได้ แต่เฮียเปียต้องออกไปพ้นจากสำนักหนึ่งเดือนจึงจะกลับเข้ามาได้อีก เพราะทางตำรวจจะหาเรื่องบุกเข้ามาในเยาวราชโดยสาเหตุนี้แหละ”

ตกดึกคืนนั้น ไพฑูรย์กับสหายทั้งสามได้ออกจากเยาวราชตามเส้นทางวัดเกาะและท่าน้ำราชวงศ์ โดยแม่ดอกเหมยให้ลิ่วล้อไปนัดเรือเร็วให้รับไพฑูรย์กับพวก ไพฑูรย์กับสามสหายเข้าปะทะกับสายตรวจโรงพักพลับพลาชัยก่อนจะวกลงเรือเร็วกลับซ่องนรกเพื่อให้ตำรวจได้รู้ว่าไพฑูรย์กับพวกมิได้กบดานอยู่ในเยาวราชเพื่อมิให้ตำรวจบุกเข้าไปในเยาวราชสร้างความเดือดร้อนให้กับบรรดาอั้งยี่ทั้งหลาย

เถ้าแก่ง้วนตายคาที่บรรดาร้านรับซื้อของโจรต่างรู้ดีว่าตายเพราะเบี้ยวเงินเสือไพฑูรย์กับพรรคพวก ไพฑูรย์บอกว่าจำเป็นต้องทำเพราะถูกโกงและเหยียบหน้า หากไม่จัดการอะไรลงไปศักดิ์เสือจะไม่เหลือแม้แต่ลาย นี่คืออีกเหตุหนึ่งที่ทำให้โทษของไพฑูรย์สูงขึ้นดังที่ไพฑูรย์ได้จั่วหัวเรื่องอาชญากรหมายเลขหนึ่งว่า

“เขาฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ถูกพิพากษาจำคุกถึง 120 ปี พ่วงคดีประหารอีก 2 คดี”

ที่มา : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
รูปภาพ : ขอขอบคุณท่านเจ้าของรูปด้วยครับ

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่
แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji
Web Sit: www.appgeji.com
App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: