เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 42 นอภ.ชัยบาดาล โจทก์เก่าไอ้หยอง (ชลอ เกิดเทศ)

อีกด้านหนึ่งที่อำเภอชัยบาดาล การทำงานของตำรวจลพบุรี ในการควานหาหลักฐานเอาผิดลูกชายไบคาน โดยเฉพาะการตรวจค้นฟาร์มไบคาน อาณาจักรเสี่ยหยอง มีความคืบหน้าไปตามลำดับ

เมื่อกำลังตำรวจ สถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาล นำโดยพันตำรวจโทชูชาติ สุขประเสริฐ สารวัตรป้องกันปราบปราม รับมอบหมายจากหัวหน้าสถานี พันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ  ประสานกับนายชวลิต วิบูลย์ประพันธ์ นายอำเภอชัยบาดาล ขอรถตักขนาดใหญ่ มาขุดดินบริเวณพื้นที่ต้องสงสัยที่คิดว่าจะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดถูกฝังซ่อนสายตากฏหมาย และคนภายนอก

เพราะก่อนหน้่านี้ พันตำรวจโทชูชาติได้รับการบอกเล่าจากนายอ่ำ  อดีตคนงานในฟาร์มไบคาน อายุอานามเฉียดห้าสิบ หย่อนไม่กี่ปีว่า เคยเห็นสมุนของเจ้าพ่อชัยบาดาล ขับรถบรรทุกน้ำมันเข้ามาจอด ก่อนช่วยกันแยกชิ้นส่วน อาทิ ถังน้ำมัน และอะไหล่ต่างๆแยกย้ายกันฝัง ในพื้นที่อันกว้างใหญ่สุดหููสุดตาแห่งนี้

ถึงแม้จะมีอุปสรรคในช่วงแรก เพราะนายชวลิตตอบกลับมา ไม่มีรถตักขนาดใหญ่ แต่รับปากจะดำเนินการจัดหารถตักขนาดใหญ่มาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เพราะส่วนตัวนายชวลิต นายอำเภอใจเพชรคนนี้ สมัยรับราชการเป็นนายอำเภอ อยู่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อ 2-3 ปีก่อน ก็เคยประลองกำลังกับเสี่ยหยองมายกหนึ่งแล้ว

ครั้งนั้น เสี่ยหยอง พยายามอย่างมาก ทำทุกวิถีทางที่จะให้นายชวลิต เซ็นอนุมัติให้เสี่ยหยองเปิดศูนย์การค้าที่สร้างผิดระเบียบสุขาภิบาล แบบเอาง่ายเข้าว่าเพื่อลดต้นทุน

แต่เมื่อถูกนายชวลิตปฏิเสธ ทำให้โครงการของมาเฟียน้อยต้องหยุดชะงัก เสียหายไปหลายล้านบาท

เหมือนฟ้าจะลิขิต หรือจะเป็นความโชคร้ายของเสี่ยหยอง เพราะกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้นายชวลิต ย้ายมาดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอในแผ่นดินผืนนี้  แผ่นดินชัยบาดาล

ปะทะกับอิทธิพลของเสี่ยหยองอีกคำรบ

ลำพังเสี่ยหยอง มีศัตรูคู่อาฆาตแค่พันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ พันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ และพันตำรวจตรีชูชาติ สุขประเสริฐ 3 สีกากีที่พยายามจะเอาเสี่ยหยองมาเข้าซังเตอยู่ทุกเช้าค่ำ ก็เหนื่อยพอแล้ว

นายชวลิต ที่เคยเป็นอริกันเมื่อหลายปีก่อน ยังย้ายมาเป็นหมายเลข 1 ในเรื่องของการปกครอง และคอยสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจในการลดอิทธิพลมาเฟียน้อย ลูกชายไบคานอีก

ไม่แปลกเลยที่เสี่ยหยองจะต้องพบกับความลำบากอย่างไม่เคยมาก่อน ถือเป็นช่วงที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

ในที่สุด นายชวลิต สามารถจัดหารถตักขนาดใหญ่มาได้ หลังจากใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว ประสานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี

“พื้นที่ที่ว่า มันอยู่ทางทิศใต้ของบ้านพักเสี่ยหยอง ห่างไปประมาณ 3-4 กิโลเมตรครับนาย…”

นายอ่ำ พยานปากเอกฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐฯ บอกกับพันตำรวจตรีชูชาติ ที่ได้รับมอบหมายในการตามหารถน้ำมันที่มีข่าวว่าถูกฝังอยู่ในไร่แห่งนี้

ให้มันเจอจริงๆหน่อยวะ… !!!!

พันตำรวจตรีชูชาติเอ่ยปากตอบ เพราะการที่จะขุดพบหลักฐานชิ้นสำคัญที่ว่า มันยากพอๆกับการงมเข็มในมหาสมุทร แต่ภายในใจสารวัตรป้องกันและปราบปรามคนนี้ ก็คาดหวังให้พบหลักฐานสำคัญชิ้นนี้จริง

หลังจัดเตรียมทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย ขบวนรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองอำเภอชัยบาดาล รวมถึงอาสาสมัครชาวบ้านส่วนหนึ่งที่นายหล่ำ เปิดเพิก และนายเทียม สดับจิต  2 แกนนำชาวบ้านที่จัดกำลังมาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ออกแล่นตามกันไป3-4 คันรถ โดยมีรถบรรทุกรถตักขนาดใหญ่วิ่งตามหลังมาเป็นคันสุดท้าย ตามทางถนนในฟาร์มที่เป็นลูกรัง ท่ามกลางเมฆฝนที่ลอยต่ำครึ้มดำมาทุกขณะ ก่อนที่จะเทลงมาอย่างหนักปานฟ้ารั่ว

ถึงธรรมชาติจะไม่เป็นใจ ฟ้าร้องคำรามครั้นครั่น สลับกับฟ้าแลบแปลบปลาบ บวกกับสายฝนเม็ดใหญ่ที่กระหน่ำลงมา แต่ทุกคนก็มีความมุ่งมั่นที่จะค้นหาชิ้นส่วนรถบรรทุกน้ำมัน หรือสิ่งอื่นใดตามคำบอกเล่า ที่จะเป็นหลักฐานในการมัดตัวเสี่ยหยอง เจ้าของที่ดินผืนนี้

15 นาทีต่อมา พื้นที่เป้าหมายที่นายอ่ำอ้างว่า เคยเห็นสมุนไบคานขับรถน้ำมันที่เชื่อว่าเป็นของนายคำนวณ วรปัญญา มาจอดแยกชิ้นส่วนและนำอะไหล่ฝังดินก็อยู่ตรงหน้า

อดีตคนงานในไร่ไบคาน ชี้นิ้วไปตรงหน้า ขณะที่พันตำรวจตรีชูชาติมองตาม

พื้นที่ที่ว่านั้น เป็นเนินดินขนาดใหญ่ข้างๆป่าละเมาะที่ส่วนใหญ่เป็นต้นกระถิน และหญ้าคอมมิวนิสต์ขึ้นปกคลุม

รถแบ็กโฮ หรือรถตักขนาดใหญ่ ขณะนี้ถูกติดเครื่องลงมาจอดนิ่งอยู่กับพื้น เริ่มทำงานโดยคนควบคุุมจักรกลขนาดใหญ่ บังคับปากเหล็กที่ตักขนาดใหญ่ขุดเอาดินขึ้นมาจนกลายเป็นหลุมลึก และกว้างในไม่กี่อึดใจต่อมา เนื่องจากฝนที่ตกลงมาทำให้การตักดินง่ายขึ้น

ฝนยังคงตกหนัก ฟ้าก็เริ่มมืดลง เวลาก็เริ่มผ่านไปทุกขณะ หลายคนเริ่มหนาวสั่น เพราะเม็ดฝนที่ไม่มีทีท่าจะซาลง กลับหนาเม็ดอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

พันตำรวจโทชูชาติ ที่ยืนเปียกอยู่กับนายชวลิต และชาวบ้านหลายคนเริ่มดูเวลา เพราะผ่านไปนานเกือบชั่วโมงแล้ว เขาคิดว่า ถ้าไม่เจออีกสักพักจะสั่งให้เลิก เพราะกว่าจะเดินทางกลับออกไปจากพื้นที่ เกรงว่าจะมืดเสียก่อน อีกทั้งอาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน หากมีลูกน้องเสี่ยหยอง หรือไบคาน ที่ยังจงรักภักดี ดักซุ่มทำร้ายในช่วงเวลาที่ว่า

นายตำรวจหนุ่มกำลังคิดว่า จะให้คนงานทั้งหมดหยุดการทำงาน และกลับมาขุดใหม่ในวันรุ่งขึ้น พลันคนบังคับรถแบ็กโฮก็ส่งเสียงดังลั่น เพราะปากเหล็กที่ใช้ตักดินไปกระทบกับสิ่งที่คล้ายกับโลหะ เสียงดังแคร้ง

“นายๆๆเจออะไรก็ไม่รู้ เหมือนเหล็กใหญ่…..”

เท่านั้น พันตำรวจโทชูชาติ นายชวลิต และผู้ใต้บังคับบัญชาของคนทั้ง 2 ฝ่าย รวมไปถึงกลุ่มชาวบ้านอาสาสมัคร ก็กรูไปที่ปากหลุม จ้องมองไปที่สิ่งที่คนขับรถบอกว่าพบวัตถุบางอย่าง

สายตาทุกคู่มองเห็น แต่ยังมองไม่ออกว่าวัตถุที่คนขับแบ็กโฮบอกนั้นเป็นอะไร พันตำรวจโทชูชาติ จึงตะโกนสั่งเสียงแข่งกับลมและฝน

“ขุดเลาะไปเรื่อยๆ ดูซิจะเป็นสิ่งที่พวกเรากำลังตามหาอยู่หรือเปล่า….”

พันตำรวจโทชูชาติสั่งการพร้อมพูดให้กำลังใจคนบังคับเครื่องจักรกลใหญ่โตชิ้นนี้ จนในที่สุด ภาพที่ปรากฎต่อสายตาของแต่ละคนที่อยู่ในที่นั้น ค่อยเด่นชัดมาทีละนิด ทีละนิด

ทุกคนรู้ว่า นี่คือชิ้นส่วนถังน้ำมันของรถบรรทุกน้ำมันที่หายไปเกือบ 7  ปี

จากนั้นทั้งตำรวจ และชาวบ้านช่วยกันใช้สลิงเกี่ยวกับรถแบ็กโฮ โดยปลายสลิงอีกด้าน ผูกติดลากถังน้ำมันขนาด 12,000 ลิตร ที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ขึ้นมาตรวจสอบ โดยพบว่ายังมีน้ำมันโซล่าเหลืออีกจำนวนมาก คะเนด้วยสายตาแล้ว น่าจะเหลืออยู่ไม่ต่ำกว่า 5 พันลิตร

นี่คือหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะ มัดเสี่ยหยอง มาเฟียทายาทไบคานอย่างดิ้นไม่หลุด

ท่ามกลางฝนที่เริ่มจะขาดเม็ด ราวกับฟ้าเป็นใจ

สารวัตรชูชาติ รายงานทางวิทยุไปยังพันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ ถึงข่าวดีนี้ทันที เพราะเท่ากับงานโค่นอิทธิพลมาเฟียชัยบาดาลสำเร็จลงไปส่วนหนึ่งแล้ว

นายตำรวจหนุ่มหัวหน้าชุด ได้รับวิทยุต่อจากพนักงานวิทยุว่า พันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ หัวหน้าตำรวจจังหวัดลพบุรี กล่าวชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ และจะเดินทางมาตรวจของกลางชิ้นสำคัญที่สุูญหายไปกว่า 7 ปีด้วยตัวเองในวันพรุ่งนี้

เหตุรถบรรทุกน้ำมันที่หายไปทั้งคนทั้งรถเมื่อ 7 ปีก่อน ทุกคนเชื่อว่านายสมชายหรือเสี่ยหยอง น่าจะมีส่วนรู้เห็น แต่ช่วงที่รถน้ำมันหายไปใหม่ๆ บารมีของไบคานยังทะมึนค้ำฟ้าชัยบาดาลอยู่ ทำให้ไม่มีใครกล้าไปตอแย หรือแม้จะสอบถาม

แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน บารมีไบคานเริ่มถูกเขย่า เพราะการทำตัวเหิมเกริม ลุแก่อำนาจ หรือแม้แต่การใช้อิทธิพลของ 2 ลูกชาย น้อย หน้าด่าง และเสี่ยหยอง คือตัวแปรที่ทำให้บารมีไบคานเริ่มสั่นคลอนลงเรื่อยๆ

นายอ่ำ พยานปากเอกของพันตำรวจโทชูชาติบอกว่า

“ตอนเป็นคนงานอยู่ในไร่ แอบได้ยินเสี่ยหยองสั่งนายซันคาน มือปืนแขกน่าจะมาจากปากีสถาน หาวิธีไปเอารถบรรทุกของนายคำนวณมาให้ได้ จากนั้น อีก 3 วันต่อมา ผมเห็นนายซันคานขัับรถน้ำมันขนาดใหญ่เข้ามาในฟาร์มกลางดึก….”

นายคำนวณ ที่ว่า คือนายคำนวน วรปัญญา เจ้าของรถบรรทุกน้ำมันที่เคยมีเรื่องกับนายสมชายเมื่อครั้งอดีต

พยานปากเอกเล่าให้พันตำรวจโทชูชาติฟังเหมือนกับเหตุนี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้

“จากนั้น เสี่ยหยองเกณฑ์คนงานในไร่ มาช่วยกันแยกชิ้นส่วนถังน้ำมันออกจากรถ แล้วเอารถเกรดขนาดใหญ่ขุดหลุมฝังไว้ แม้กระทั่งตัวรถ เสี่ยหยองยังให้ลูกน้องแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กลายเป็นเศษเหล็กในคืนเดียว เหลืิอเพียงเครื่องยนต์ถูกนำเอาไปใช้ในงานอื่น……”

“จากนั้นอีกประมาณ1 ปี นายซันคานถูกฆ่าตาย คนในไร่ลือกัน ถูกนายสมชายสั่งฆ่า แต่ไม่รู้ว่า มาจากเรื่องอะไร….”

นายอ่ำยืดอกเล่า โดยมีนายชวลิต พันตำรวจโทชูชาติ ยืนฟังอย่างตั้งใจ เพราะการพบชิ้นส่วนรถบรรทุกน้ำมันที่มาจากคำบอกเล่าของเขา มันสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชายวัยเฉียด 50 ปี นี้มาก

นายอ่ำฝันเล็กๆว่า งานชิ้นนี้คงได้ค่าตอบแทน ไม่ว่าจะเงิน หรือเหล้าดีๆรออยู่

—————————————————–

บ่ายของวันที่ 21 มิถุนายน พุทธศักราช 2523

พันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ ยืนคุยกับพันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ และพันตำรวจตรีชูชาติ หลังจากตรวจพื้นที่ในบริเวณที่พบถังน้ำมันขนาดใหญ่

เรื่องที่นายตำรวจทั้ง 3 นายพูดคุยกันนั้น เป็นเรื่องรายละเอียดในคดีต่างๆที่เกิดจากอิทธิพลไบคาน  โดยเฉพาะฝีมือนายสมชาย ที่เขาต้องเข้าไปรายงานให้พลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจในวันพรุ่งนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตำรวจจากกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อ

“ที่แน่ๆก็มี 5 คดีแล้วครับพี่ลอ ที่เรามีพยานหลักฐาน และเจ้าทุกข์ในการดำเนินการตามกฎหมายกับ ไอ้หยอง คดีแรกเป็นคดีฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา เป็นคดีที่เราค้นพบกระดูกในไร่ และมีพยานยืนยันว่าไอ้หยอง สั่งเผาคนในเตาถ่าน แม้ยังไม่รู้ว่า คนตายเป็นใคร แต่พยานยืนยันหลายปากครับ….”

หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรชัยบาดาลรายงานต่อให้้กับนายตำรวจรุ่นพี่จากรั้วสามพราน ก่อนดูรายละเอียดในกระดาษที่เขาถือไว้ ก่อนกล่าวต่อ

“คดีที่สอง เป็นคดีลักทรัพย์ของนายกิ่ง ปรีชา ที่ไอ้หยองพาพวกไปรื้อบ้านหมดทั้งหลัง คดีที่สาม คือทำร้ายร่างกายนายบุญยิ่ง โตพันธิ์ ไอ้หยองโหดมาก เฆี่ยนนายบุญยิ่งหลังลายไม่พอ ยังให้สมุนเอาถ่านไปจากบ้านหลายกระสอบ คดีที่สี่ เป็นคดีที่เราพบปืนในไร่ของไอ้หยอง ดำเนินคดีในข้อหา มีอาวุธปืนเถื่อนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง ส่วนคดีสุดท้าย เป็นคดีปล้นรถน้ำมันของนายคำนวณ วรปัญญา และฆ่านายแสวง ขันธ์คู่ คนขับรถเสียชีวิต”

“เรื่องนี้นายคำนวณจะมาให้การเพิ่มเติมครับพี่ลอ เขาติดต่อมาแล้วว่าจะมาให้การในบ่ายวันนี้ เบื้องต้นเขาเชื่อว่า ถังน้ำมันที่พบน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของรถบรรทุกน้ำมันที่ถูกปล้นไปเมื่อปี 16 เชื่อว่าถูกปล้นขณะนายแสวง ลูกน้องขับรถบรรทุกน้ำมันเต็มคัน อยู่ในเขตท้องที่ อำเภอพัฒนานิคม…..”

พันตำรวจตรีสำเริง อ่านชอร์ตโน้ตคดีต่างๆที่เสี่ยหยองพัวพัน ให้หัวหน้าตำรวจภูธรเมืองลิงฟัง ขณะที่พันตำรวจเอกชลอ พยักหน้าตอบ

“ไอ้มุ้ยคำ เอ็งรวบรวมรายละเอียดไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้ากรุงเทพฯไปหานายณรงค์ด้วยกัน……”

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: