เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 35 เหยื่อโหดร้องอธิบดีตำรวจ (ชลอ เกิดเทศ)

พันตำรวจตรีไพโรจน์ยืนนิ่งรับฟัง เหมือนใช้ความคิด ก่อนอนุญาตนายตำรวจรุ่นพี่ ออกความเห็น

“เฮีย…จะดีหรือ ถ้าเราจะเอากำลังเข้าค้นวัด พวกผู้ใหญ่ทั้งในจังหวัด ทั้งนักการเมือง ทั้งทหาร ให้ความเคารพหลวงพ่อรูปนี้มากอยู่ พรวดพราดเข้าไป อาจจะหงายเก๋งเอา…….”

“เออ…ขอบใจมากที่บอกก่อน งั้นเอาอย่างงี้ เดี๋ยวเอ็งจัดคนของเอ็งที่เคยเข้าไปในวัดป่าสัก พาคนของกูเข้าไปดูความเคลื่อนไหวในวัด ส่วนมึงกับกู เอากำลังไปรออยู่ที่โรงพัก….”

“ดีเหมือนกันครับพี่…”

สารวัตรใหญ่ไพโรจน์ตอบเห็นด้วย ก่อนกวักมือเรียกลูกน้องเข้ามาสั่งการให้หาตำรวจที่เข้าไปในวัดบ่อยๆ รู้เส้นทาง รู้ที่ตั้งของกุฎิพระไฮ้ ผู้ที่เสี่ยหยองให้ความเคารพ ถึงแม้จะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ เข้าไปในวัดพร้อมกับ พันตำรวจโทชูศักดิ์ โภชนะพันธ์ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอพัฒนานิคม

ชลอ สั่งให้เข้าไปหาข่าวสังเกตการณ์ ทำทีมาไหว้พระไหว้เจ้า เพื่อไม่ให้มีใครสงสัย

จากนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ เริ่มทยอยไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน หลาน้อย-ธงชัย พงษ์สว่าง และแยกย้ายกันออกไป

อีก 2  ชั่วโมงต่อมา พันตำรวจโทชูศักดิ์ กลับมาที่ห้องทำงานของพันตำรวจตรีไพโรจน์ เพื่อรายงานภารกิจตามที่พันตำรวจเอกชลอสั่ง

“นาย เจ้าอาวาสไม่อยู่ครับ สอบถามลูกศิษย์ลูกหาแล้ว มีกิจนิมนต์นอกวัด ส่วนพวกลูกน้องบรรดามือปืนไอ้หยอง พวกเด็กวัดบอกว่า ไม่เห็นเข้ามาตั้งแต่มีเรื่องเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์แล้ว…..”

“ส่วนที่พักลูกน้องไอ้หยอง ลองเลียบๆเคียงๆถามได้ความว่า ปกติพวกนี้จะไม่พักในวัด ส่วนใหญ่จะพักอยู่ข้างนอก แต่ไม่รู้ที่ไหน ไอ้ที่เข้ามาสุมหัวกัน จะมาเวลาไอ้หยอง ไอ้น้อยเข้ามาหาพระไฮ้ ส่วนไอ้พวกมือปืน ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าให้พระไฮ้ สักยันต์ หรือปลุกเสกเครื่องรางของขลังให้เท่านั้น…..”

พันตำรวจโทชูศักดิ์บอกอีกว่า

“ดูจากสภาพวัด มีคนเข้ามาทำบุญกันเยอะ คนในวัดที่ไม่ค่อยชอบ เสี่ยหยอง ก็มีเยอะ เพราะมันเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการอะไรทุกอย่างที่เกี่ยวกับพระไฮ้ และยังมีคนแอบกระซิบ ที่มันเข้ามาเป็นลูกศิษย์ลูกหาพระไฮ้ ไม่ใช่อะไรหรอก นอกจากมันรู้ว่า พระไฮ้เป็นที่นับถือของบรรดานักการเมือง ข้าราชการใหญ่ๆในจังหวัด มันเลยมาติดสอยห้อยตาม ทำตัวเป็นลูกรักพูดจาเอาใจพะเน้าพะนอ คอยประเคนข้าวของเงินทอง หารถหารามาให้พระไฮ้นั่ง…”

“ไอ้น้อย ไอ้หยอง 2 พี่น้อง เลยได้ใจ ออกสร้างเวรสร้างกรรมกับชาวบ้าน พอเรื่องจะเข้าตัวที ก็มาออเซาะออดอ้อนขอให้พระไฮ้ช่วย อาศัยความที่เป็นพระที่มีผู้หลักผู้ใหญ่นับถือ พอพระเอ่ยปาก เฮ้ยนี่มันลูกหลานข้า เรื่องก็จบ……”

นายตำรวจหัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี นั่งฟังอย่างตั้งใจอยู่บนเก้าอี้ทำงานของสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสระบุรี ส่วนเจ้าของห้องขยับไปนั่งอยู่เก้าอี้ตัวตรงข้าม

“ มิน่า ถึงเสียพระ…..เฮ้อ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเดินทางกลับก็แล้วกัน ไพโรจน์ เราแยกกันตรงนี้ละนะ วันนี้ขอบใจมากมีอะไรติดต่อกันเหมือนเดิม….”

พันตำรวจเอกชลอพูดพร้อมขยี้บุหรี่ดับลงในที่เขี่ย ลุกขึ้นเตรียมตัวกลับ ก่อนเดินไปตบหลังนายตำรวจรุ่นน้องที่ยกมือไหว้ทำความเคารพ เปิดประตูห้องทำงาน เดินก้าวฉับๆตามสไตล์ลงไปขึ้นรถที่ลูกน้อง และกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ขับมารออยู่ที่หน้าโรงพัก มุ่งหน้ากลับที่ตั้ง กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ที่อยู่ห่างไปอีกประมาณ 50 กิโลเมตร

ระหว่างเดินทางกลับ ชลอสั่งการให้ศูนย์วิทยุ เรียกพันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธร อำเภอชัยบาดาล มาพบที่บ้านพัก หลังกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เพื่อปรึกษาหารือแนวทางการทำงานต่อ

อีก 1 ชั่วโมงถัดมา

ชลอ ก้าวลงจากรถเข้าไปที่บ้านพักหลวงของเขา ชายหนุ่มไม่ได้เดินเข้าบ้าน แต่เดินตรงไปที่ศาลาหน้าบ้านที่เขาทำไว้นั่งคุยงานราชการกันตอนเช้าๆ ซึ่งตรงนั้นมีพันตำรวจโทสำเริง หัวหมู่ทะลวงฟันดับอิทธิพลไบคานยืนรออยู่ก่อนแล้ว

“ไง…รอนานไหม กินน้ำกินท่าหรือยัง……”

พันตำรวจเอกชลอ เอ่ยปากทักนายตำรวจรุ่นน้องจากรั้วสามพรานที่เขาสั่งให้มาพบ

“ไม่นานครับ….ผมได้รับวิทยุก็รีบเดินทางมาเลย…..”

พันตำรวจตรีสำเริงทำความเคารพหัวหน้าตำรวจจังหวัด พร้อมตอบคำถามนายตำรวจรุ่นพี่

“งานที่นายสั่ง เรื่องการตรวจหารถบรรทุกที่สมุนไอ้หยองมันปล้นมา การข่าวเรารู้ว่า มีแน่ แต่ยังไม่พบเพราะพื้นที่กว้างใหญ่มาก แต่ตอนนี้ผมให้คนของเรารวบรวมข่าวที่ได้ พร้อมทั้งมาร์กจุด เพื่อเข้าตรวจค้นอีกครั้ง……..”

พันตำรวจตรีสำเริงกล่าวต่อ ในขณะที่ผู้บังคับบัญชาหนุ่ม นายตำรวจรุ่นพี่นั่งฟังอย่างต้ังใจ

“นอกจากนี้ ผมยังให้ตำรวจของเราช่วยหาข่าว ได้รับความร่วมมือจากจากชาวบ้านเป็นอย่างดี บางรายบอกถึงขนาดเคยเห็นสมุนไบคาน มันขุดดินฝังรถแทรกเตอร์ที่ไปปล้นมาทั้งคัน ตรงนี้ได้ให้พนักงานสอบสวนบันทึกรายละเอียดไว้แล้ว…..”

​ “เอางี้..ต้องใช้เครื่องทุ่นแรง มึงทำหนังสือไปหานายช่างแขวงการทางลำนารายณ์ ขอรถขุดขนาดใหญ่มาช่วยขุดหาตามพื้นที่ต้องสงสัย ไปทำด่วนที่สุด มีอะไรติดขัดติดต่อกลับมา…..”

ชลอสั่งนายตำรวจรุ่นน้อง โดยแนะวิธีประสานหน่วยงานข้างเคียง เพื่อขอเครื่องจักรขนาดใหญ่มาช่วยในการตรวจค้นขุดหารถบรรทุกของกลางที่ถูก ฝังอยู่ในฟาร์มอันกว้างใหญ่ของไบคาน

“ส่วนเรื่องคดี วันนี้มีมาแจ้งอีกรายครับนาย ผู้ร้องเป็นอดีตคนขับรถแทรกเตอร์อยู่ในฟาร์มไบคาน เคยถูกไอ้หยองสั่งลูกน้องทำร้ายร่างกาย เหตุเพราะทำรถแทรกเตอร์ยางรั่ว ผู้เสียหารายนี้เลยหนีออกจากฟาร์ม เพราะกลัวจะเป็นอันตรายถึงชีวิต…….”

สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาล รายงานต่อเป็นชุด

“คำให้การผู้เสียหายรายนี้ บอกว่า เคยเห็นเหตุการณ์ที่ลูกน้องของไอ้หยองชื่อ นายสายพงษ์ หรือหน่อย ปาทาน ยิงนายสวง คนงานในไร่ เหตุเพราะนายสวง โมโหที่ลูกน้องไอ้หยองไปลวนลามนางมาลัย เมียมัน ถึงขั้นเอาหินทุบลูกน้องไอ้หยองคนนั้น…..”

“แต่ตอนนั้น ไอ้หน่อยมันยืนอยู่พอดี และเห็นเหตุการณ์เข้าเลยชักปืนยิงนายสวงนัดเดียวดับ จากนั้นมันให้ลูกน้องเอาศพไปฝังไว้ริมทางรถไฟข้างถนนสายสระบุรี-หล่มสัก…”

“อ้าวแล้วเมียมันล่ะอยู่ไหน…..”

พันตำรวจเอกหนุ่มซัก

“นี่แหละครับนาย… ตอนหลังนางมาลัยได้ผัวเป็นลูกน้องไอ้หยอง ชื่อนายดารามิเซ่น คนที่เราออกหมายจับไปไงครับ……..”

วันเดียวกัน ที่กรมตำรวจ

นายปริญญา สิงหสกุลไกร นักธุรกิจหนุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัย 30 ปี เดินทางเข้าพบพลตำรวจเอกมนต์ชัย พันธุ์คงชื่น อธิบดีกรมตำรวจ โดยหอบเอกสารที่เกี่ยวข้องมาพร้อม

จุดประสงค์เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม กรณีพ่อของนายปริญญา ถูกอิทธิพลไบคานส่งมือปืนไปยิงเสียชีวิตที่จังหวัดตาก แต่คดีไม่คืบหน้า

ท่ามกลางนักข่าวประจำกรมตำรวจที่เดินล้อมหน้าล้อมหลังติดตามทำข่าว เพราะกรณีนายปริญญา ถือเป็นข่าวที่ต่อเนื่องกับการล้างอิทธิพลไบคานที่จังหวัดลพบุรีอยู่ในขณะ นี้

ทันทีที่พันตำรวจตรีวิเชียร โพธิ์ศรี ผู้ช่วยนายเวรอธิบดีกรมตำรวจ รับทราบจากนายตำรวจหน้าห้องว่า มีผู้ขอเข้าพบพลตำรวจเอกมนต์ชัย เพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้

ผู้ช่วยนายเวรหนุ่ม ออกไปเชิญตัวนายปริญญา ที่ถูกสื่อมวลชนประจำกรมตำรวจ มะรุมมะตุ้มซักถามถึงต้นสายปลายเหตุที่ถูกกลุ่มไบคานไล่ฆ่า เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาได้ซักถามด้วยตัวเอง

อีก 20 นาทีต่อมา นายปริญญาเดินออกมาจากห้องทำงาน เจ้าของรหัส “พิทักษ์​1”โดยมีสื่อมวลชนเข้ารุมสัมภาษณ์ต่อ

“พ่อผม นายประกอบ สิงหสกุลไกร ถูกยิงเสียชีิวิต เหตุเกิดที่ อำเภอเมืองตาก เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2522  โดยนายสมชาย พงษ์สว่าง เป็นคนจ้างวาน ทราบว่า ตำรวจภูธรจังหวัดตาก ได้ออกหมายจับไว้แล้ว …..”

ลูกชายเหยื่อเจ้าพ่อเปิดเผยกับนักข่าวน้อยใหญ่ต่อว่า

“ก่อนพ่อผมจะพบจุดจบ ไปทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างกับนายสมชาย ที่จังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่จะขอถอนหุ้นออก เพราะได้ข่าวนายสมชายจะหักหลังเรื่องการสร้างตึกแถวที่ปากช่อง มันโกรธมาก จึงสั่งมือปืนมาเก็บ …..”

“พ่อผมรู้ตัว อุตส่าห์หนีไปหลบซ่อนอยู่ที่จังหวัดตาก แต่ยังถูกตามไปยิงจนเสียชีวิต…”

นายปริญญาเล่าต่อท่ามกลางไฟแฟลชจากช่างภาพที่ยิงภาพในจังหวะที่เขาทำมือทำไม้ประกอบ

“ไม่แค่นี้ครับ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แม่ของผม นางประหยัด ยังถูกคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามไล่ยิง เหตุเกิดบนถนนพหลโยธิน ขณะกำลังเข้าบ้านย่านซอยเสนานิคม 1 โชคดีแม่ผมไม่เป็นอะไร แต่กระสุนไปถูกนายปัญญา ศรีสุวรรณ คนขับรถ และนายนิรันดร์ อิริยะกุล คนติดตามที่นั่งไปด้วยได้รับบาดเจ็บ…..”

“ผมเชื่อว่า เป็นฝีมือนายสมชายที่ต้องการจะฆ่าครอบครัวผมชนิดล้างตระกูล ผมเสียพ่อไปคนแล้ว เกือบจะต้องเสียแม่อีก ครอบครัวผมทนไม่ไหวแล้ว ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ และพี่ๆนักข่าว ให้ช่วยเป็นปากเสียงแทนครอบครัวผมด้วย…”

ขณะที่อธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอกมนต์ชัย พันธุ์คงชื่น กล่าวกับนักข่าวที่รอสัมภาษณ์สั้นๆ

“ สาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มอิทธิพลไบคานเติบใหญ่ขึ้นมาจากการมีอาวุธปืนใน ราชการสงครามไว้ครอบครอง จึงใช้อาวุธที่เหนือกว่าข่มขู่ชาวบ้าน ผมกำชับให้เพ่งเล็งไปที่จุดนี้ ถ้าค้นพบเมื่อไหร่ เล่นงานให้หนัก และสั่งไปด้วยว่า เจอคดีทีไหน ให้จับที่นั่น ไม่ให้มีการไว้หน้า…….”

ทันทีอธิบดีกรมตำรวจหุ่นเสาโทรเลขให้สัมภาษณ์จบ พร้อมๆกับที่นายปริญญาเดินทางกลับ กระจอกข่าวเล็กใหญ่ประจำกรมตำรวจ ต่างสลายตัวรีบรายงานข่าวชิ้นสำคัญกับต้นสังกัดทันที

ขณะเดียวกัน ที่กองปราบปราม สามยอด เริ่มมีความเคลื่อนไหวภายหลัง พลตำรวจเอกมนต์ชัย พันธุ์คงชื่น อธิบดีกรมตำรวจ มีคำสั่งด่วนไปยัง พลตำรวจตรี สงวน คล่องใจ ผู้บังคับการกองปราบปราม รับเรื่องที่นายปริญญา สิงหสกุลไกร มาร้องเรียน ไปดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง

มีคำสั่งให้ร้อยตำรวจเอกวีระ วัฒนชัยนันท์ รองสารวัตรแผนก 1 กองกำกับการ 3 กองปราบปราม เป็นผู้สอบสวน ประสานไปยัง พันตำรวจโทธีรจิตต์ อุตตมะ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองตาก เจ้าของท้องที่เกิดเหตุที่นายประกอบ สิงหสกุลไกร พ่อของนายปริญญาถูกยิงเสียชีวิต

โดยกองปราบปรามได้รับคำตอบ คดีนี้เกิดขึ้นระหว่างพันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ เป็น ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก และจับกุมคนร้ายไว้ได้ 2 คน  คดีอยู่ระหว่างการหาพยานหลักฐานมากกว่านี้เพื่อออกหมายจับนายสมชาย พงษ์สว่าง  ซึ่งถูกซัดทอดเป็นผู้จ้างวาน

ส่วนคดียิงนางประหยัด สิงหสกุลไกร ภรรยานายประกอบ เหยื่อโหดไบคาน และเป็นแม่ของนายปริญญา พลตำรวจตรีสงวน มอบหมายให้ พันตำรวจโทอดิศร จินตนะพัฒน์ รองผู้กำกับการ 1 กองปราบปราม เป็นผู้รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนว่าทั้ง 2 คดีมีความเกี่ยวพันมากน้อยแค่ไหน

รวมทั้งแบ่งกำลังตั้งชุดสืบสวนออกไล่ล่านายสมชาย ตามสถานที่ต้องสงสัยต่างๆด้วย

กราบขออนุญาต : ชลอ เกิดเทศ
ที่มา : Cops-magazine
โดย : กิตติพงศ์ นโรปการณ์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: