เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 28 ล้อมเขาปราบโจรเรียกค่าไถ่ (ชลอ เกิดเทศ)

ช้าวันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ทุกฉบับพร้อมใจพาดหัว

ฉุดสาว “ชั้นตรีสาธารณสุข” เรียกค่าไถ่ โจรลพบุรีพาหนีขึ้นเขา มุ่งประเด็นแก้แค้น

บ้างก็โปรยเนื้อข่าว น่าตื่นเต้นชวนติดตาม

“ผกก.มือปราบ ขีดเส้นตายกลุ่มโจรค่าไถ่ จับเจ้าหน้าที่ชั้นตรีสาธารณสุข ลูกสาวเศรษฐีเงินกู้จังหวัดลพบุรี หากไม่ยอมปล่อยเหยื่อ จะจับตายภายใน 7 วัน…”

เนื้อข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับ รายงานไปในทางเดียวกันอีกว่า พันตำรวจเอกชลอ กำลังระดมกำลังตำรวจจาก 4 อำเภอ แบ่งเป็น 4 สาย ออกไล่ล่าหาข่าวแก๊งโจรเรียกค่าไถ่กลุ่มนี้ แต่พลันมีข่าวมาจากบ้านของผู้เสียหาย ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง เขียนด้วยลายมือเหยื่อสาว เป็นข้อความสั้นๆ

ขอให้ทางบ้านช่วยคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นเหยื่อจะไม่ปลอดภัย !!!

ทำให้บรรยากาศในความพยายามช่วยเหลือเหยื่อค่าไถ่สาวเคร่งเครียดหนักเข้าไปอีก

แต่การข่าวชลอ รู้จากสายโจรของไอ้เหน่ว่า แก๊งโจรเรียกค่าไถ่แก๊งนี้พาเหยื่อสาวหนีขึ้นเขาสูงที่ติดกันเป็นเทือก 2 ลูก ชาวบ้านเรียกกัน เทือกเขาวังเปล และเทือกเขาแหลม ถิ่นเก่า เสือไอ้ และเสือเดช กริ่งกรับ 2 เสือร้ายที่ถูกตำรวจเด็ดชีพไปแล้ว ใช้เป็นที่กักขังเหยื่อค่าไถ่

สำหรับเทือกเขาทั้ง 2 ลูกที่ว่า มีเขตติดต่อตั้งแต่ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง บ้านห้วยหิน ตำบลม่วงค่อม อำเภอชัยบาดาล บ้านทรัพย์ตะกั่ว เขตติดต่ออำเภอพัฒนานิคม

ที่ชลอมั่นใจ เพราะข่าวโจรของไอ้เหน่ ตรงกับการข่าวของตำรวจ และพยาน ที่พบกลุ่มโจรกลุ่มนี้พาเหยื่อสาวหลบหนี

ภายหลังชลอรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ดังกล่าวให้ พล.ต.ต.ประจันต์ พราหมณ์พันธ์ ผู้บังคับการเขต1 และนายโชดก วีรธรรม พูลสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีแล้ว นายตำรวจหนุ่มนักบู๊ ได้พาตัวเองเข้าไปกินนอนในป่าร่วมกับลูกน้องอยู่ที่เชิงเขาทั้ง 2 ลูก เพื่อสั่งการปิดล้อมไล่ล่าโจรด้วยตัวเอง

การทำงานอย่างถึงลูกถึงคนของชลอ และข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่เล่นข่าวกันอย่างต่อเนื่องทำให้นายโชดก พ่อเมืองลพบุรี ต้องประสานไปยังพลตรีเสถียร นิลกำแหง ผบ.ศูนย์การบินทหารบกลพบุรี ที่มาดำรงตำแหน่งแทนพลโทสุนทร คงสมพงษ์ นำเฮลิคอปเตอร์ขนเสบียงส่งให้กับชลอแทบทุกวัน และที่ได้ใจตำรวจ กับข้าราชการในปกครอง เมื่อสถานการณ์เริ่มเข้าด้ายเข้าเข็ม การแกะรอยใกล้คนร้ายเข้าไปทุกที นายโชดก ให้เฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่หุบเขาวังเปล พื้นที่ราบที่อยู่ห่างจากเทือกเขาวังเปล และเทือกเขาแหลมเกือบ 10 กิโลเมตร ก่อนเดินเท้าเข้าไปสมทบกับทีมงานของพันตำรวจเอกชลอ

ใช้เวลาเดินเท้าเกือบ 2 ชั่วโมง คณะของนายโชดก จึงมาถึงชายป่าเชิงเขาอีด่าง ที่ชลอให้ลูกน้องสร้างเป็นกระท่อมพอกันแดดกันน้ำค้างเป็นจุดบัญชาการ

จังหวะที่นายโชดก เดินป่าเข้าไปถึง เป็นเวลาเดียวกับที่ชลอกำลังนั่งพูดคุยหาข่าวกับชาวบ้านในพื้นที่ เป็นโอกาสให้นายโชดกเข้าร่วมสอบปากคำหาข่าวด้วยตัวเอง

“กลุ่มโจรมีผู้ชาย 5 คน มีผู้หญิง 1 คน ผู้หญิงน่าจะเป็นเหยื่อสาวตัวประกัน ส่วนคนร้ายมีเอ็ม 16 กับ ลูกซองยาวเป็นอาวุธ ทั้งหมดพักอยู่รวมกันบนห้างที่สร้างใหม่บนเขา แต่เพิ่งย้ายออกไปก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง เชื่อว่าพวกมันคงปีนขึ้นไปบนยอดเขาเรื่อยๆ….”

ชายร่างผอมเกร็งแต่แข็งแรงตามแบบฉบับชาวบ้านป่าให้ข้อมูลกับนายโชดก และชลอ

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้สื่อข่าวที่เดินทางมาพร้อมกับพ่อเมืองลพบุรี กรูเข้าสัมภาษณ์นายตำรวจมือปราบที่มาขลุกอยู่ในป่า ถึงความคืบหน้าของคดี

“ตำรวจจะจับตายพวกโจร หากคิดต่อสู้ และจะช่วยเหยื่อสาวให้ได้ ทั้งนี้จะปิดล้อมทางขึ้นลงเขา ไม่ให้มีเสบียงอาหารกิน จนกว่าจะยอมมอบตัวโดยดี  หนีไปก็ไม่รอด…..”

“ให้เวลาอีก 3 วัน หากยังกบดานเงียบไม่เข้ามอบตัว จะลุยจับตายทันที…..”

ชลอเสียงกร้าวผ่านสื่อมวลชนทิ้งท้าย หวังให้กลุ่มโจรค่าไถ่ได้ยินถึง

อย่างไรก็ตาม การระดมกำลังตำรวจเข้าพื้นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพันตำรวจโทวิทูร ศิริภาคย์ รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เป็นผู้คุมกำลังเข้าล้อมเขาอีด่าง ทั้งลาดตระเวน และตั้งด่านตรวจค้นทั้งรถมอเตอร์ไซด์ และรถยนต์ที่ผ่านไปผ่านมา เพราะเกรงว่าจะเป็นพวกโจรขนเสบียงขึ้นไป

นอกจากนี้ ชลอยังให้พันตำรวจโทอัมพร อุ้มอารีย์ รองผู้กำกับการตำรวจภูธร จังหวัดลพบุรี รุ่นพี่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน นำกำลังไปอารักขาแม่ของเหยื่อสาวค่าไถ่ ที่ตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ เพราะเกรงแก๊งโจรค่าไถ่จะตลบหลังย้อนกลับไปฉุดอีกคน

วันรุ่งขึ้น ชลอยังวางแผนไล่ล่าโจรค่าไถ่อย่างเคร่งเครียดอยู่เชิงเขาอีด่าง พลันไอ้เหน่ สายโจรตัวเอ้ของชลอ ผลุนผลันเข้ามาพร้อมกับเพื่อนวัยเดียวกันอีก 2-3 คน ก่อนเดินเข้าไปกระซิบเบาๆข้างนายตำรวจหนุ่มมือปราบ

“นาย…เจอแล้ว  อยู่ในไร่ข้าวโพด เชิงเขาแผงม้า เขตบ้านดงปลาซิว โคกสำโรง ห่างจากที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมงครับนาย….”

“จริงหรือวะ….”ชลอย้อนถาม แต่ในใจลิงโลด เพราะเชื่อมั่นในไอ้เหน่ สายที่เขาเลี้ยงไว้

“ครับนาย..”

“งั้นไป…. เดี๋ยวมึงนำทาง”ชลอปรู๊ดปร๊าดตามสไตล์

“เดี๋ยวกูรายงานผู้ว่าฯโชดก กับรองหละ พันตำรวจเอกสละ พูลศิริ รองผู้บังคับการตำรวจเขต1 ก่อน แล้วไปกัน….”

หลังวิทยุรายงานความคืบหน้าผู้บังคับบัญชา ชลอ สั่งเรียกแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำชับให้ใช้ความระมัดระวัง เพราะคนร้ายมีอาวุธปืน และมีตัวประกันอยู่ด้วย

หลังกำชับกำชาเรียบร้อย พันตำรวจเอกชลอ พร้อมทีมงาน แน่นอนต้องมีพันตำรวจโทวิทูร เพื่อนร่วมรุ่น พันตำรวจโทบุญมี ด้วงเจริญ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอโคกสำโรง เจ้าของพื้นที่ ใช้กำลังตำรวจเกือบ 80  นาย พร้อมอาวุธนานาชนิดครบมือ แบ่งกำลังเป็น 3 สาย มุ่งหน้าไร่ข้าวโพด โดยนัดหมายกันที่เชิงเขาแผงม้า

อีก 1 ชั่วโมงต่อมา แสงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนลงไปทางทิศตะวันตกเรื่อยๆ แดดที่ร้อนระอุ เริ่มผ่อนคลาย เพราะดวงอาทิตย์กลมโตกำลังคล้อยลงลับเหลี่ยมเขา เป็นเวลาเดียวกับพันตำรวจเอกชลอ พร้อมกำลังเคลื่อนตัวเป็นรูปก้ามปูหรือรูปคีมเข้าพื้นที่ที่คาดว่า คนร้ายกักขังเหยื่อประกันสาวไว้ โดยใช้วิทยุติดต่อกันเป็นระยะ

ในที่สุด สายตาของตำรวจในชุดพันตำรวจเอกชลอมองเห็นห้างไม้ไผ่ที่ปลูกขึ้นอย่างลวกๆ อยู่กลางดงข้าวโพด มี ชาย 2 หญิง 1 นั่งอยู่บนแคร่

หูตาไม่ฝาด นายตำรวจหนุ่มเห็นชายหนุ่ม 1 ใน 2 คนนั้นกำลังนั่งเล่นกีตาร์ร้องเพลงรัก ลอยตามลม โดยมีชายหญิงอีก 2 คนนั่งฟังอยู่ข้างๆ

โจรอะไรวะ….มีอารมณ์สุนทรีย์อย่างนี้

ชลอคิดในใจ พร้อมวิทยุแจ้งสถานการณ์ ชุดของเขาจะบุกเข้าชาร์จจับกุม และให้คีมทั้ง 2 ข้าง ทำหน้าที่สนับสนุน จากนั้นส่งสัญญาณให้กำลังตำรวจในชุดที่เขาคัดเลือกแล้ว 10 นาย คืบคลานเข้าไปใกล้ห้างไม่ไผ่อย่างช้าๆ ช้าๆ และเงียบที่สุด

ส่วนที่เหลือ ให้คอยระแวดระวังเป็นกำลังเสริม หากคนร้ายที่เหลือโผล่เข้ามา

ชลอนำทีมใช้เอ็ม 16 เป็นอาวุธคู่กาย คลานศอกนำเข้าไปจนได้ระยะ โดยที่ชายหญิง 3 คนในห้างกลางไร่ข้าวโพด ยังไม่ระแคะระคาย เล่นกีตาร์ร้องเพลงเพลินอยู่อย่างนั้น

เหมือนจระเข้โผงับเหยื่อ ชลอพุ่งพรวดออกจากที่กำบังเข้าหาชายฉกรรจ์ทั้ง 2 คน ก่อนตะโกนสั่งให้หมอบลงกับพื้น โดยใช้ปืนเอ็ม 16 ชี้ไปที่คนทั้งคู่สลับไปสลับมา พร้อมๆกับตำรวจที่เหลือ กรูเข้าจับชายทั้งคู่นอนคว่ำกับพื้น ปลดปืนลูกซองสั้นที่พกติดตัวคนละกระบอกออกจากเอว

ชุดปฏิบัติการพบระเบิดมือชนิดเอ็ม 26 ที่อยู่ในย่ามอีก 2 ลูก

ส่วนสาวรุ่นที่นั่งฟังเพลงอยู่เมื่อครู่ โผเข้ากอดขาพันตำรวจเอกชลอ เพราะตกใจที่จู่ๆมีคนบุกเอาปืนเข้ามา แต่ปากยังขอร้อง อย่าทำอันตรายชายหนุ่มคนที่เล่นกีตาร์ ท่ามกลางความงุนงงของตำรวจลูกน้องชลอ และตัวเขาเอง

“เราใช่ ปฤษณา ที่ถูกลักพาตัวมาหรือเปล่า…”ชลอถามเพราะสงสัย

“ใช่ค่ะ…”

สาววัยรุ่นเบญจเพศที่หน้าตาซูบโซม เพราะถูกพารอนแรมไปตามป่าเขาเอ่ยตอบ

“แล้วทำไม ไม่ให้ทำอะไรมัน…”ชลอซักอีก

ชั้นตรีสาว สาธารณสุข เหยื่อค่าไถ่ไม่ยอมตอบ ก้มหน้าเอียงอาย ขณะที่ไอ้โจรหนุ่มวัยรุ่น คนเล่นกีตาร์ก็มองไปที่เหยื่อสาวด้วยสายตาที่ชลออ่านออกว่า มันน่าจะเป็นคู่รักกันมากกว่า

“มึงชื่ออะไรวะ”ชลอหันหน้าไปถามโจรหนุ่มด้วยเสียงเข้ม

“ผมชื่ออ้วน ชื่อจริงชื่อสมควร จันทร์เหม บ้านอยู่ห้วยบง สระบุรี ครับ…”

“แล้วมึงล่ะชื่ออะไร ”

ชลอถามโจรเรียกค่าไถ่อีกคนที่อายุราวๆ 30 ปี ที่ถูกคุมตัวนั่งอยู่กับพื้น

“ผมชื่อโหมด ชื่อจริงชื่อ ของ นามสกุล ศรเชน บ้านอยู่โคกสำโรงครับ…..”

“แล้วพวกมึงที่เหลืออยู่ไหน ชื่ออะไรบ้าง”

“ที่เหลือมีอีก 4 คน มีเสือแป๊ะ หรือทองใบ สมมานะ เสือวิชิต คำเครือ เสือหลอง หรือนายฉลอง คำเครือ  2 คนนี้เป็นญาติกัน และเสือเตี้ย ไม่ทราบชื่อจริง นามสกุลจริงครับนาย พวกผมแยกย้ายออกไปหาเสบียง หาข่าวครับ ”ไอ้เสือโหมดสารภาพสิ้นไส้

พอรู้ตรงนี้ ชลอให้ตำรวจที่เหลือวางกำลังระวังเหตุ หากคนร้ายที่เหลือย้อนกลับมา อาจเกิดการปะทะกันได้

หลังวางกำลังป้องกันเสร็จ ชลอหันกลับมาซัก 2 คนร้ายอีก

“เรื่องราวมันเป็นมายังไง ใครจ้างพวกมึงมาฉุดเขาวะ ตอบมาเร็วๆ เอาเรื่องจริง อย่าให้กูโมโห”ชลอเริ่มสอบสวนรุกเข้าหาคนบงการ

“ผมรับจ้างเขาอีกต่อ เขาให้มาจับป้าเหงี่ยมเศรษฐีนีเงินกู้ แต่ป้าเหงี่ยม แกไหวทันหลบได้ พอดีเห็นลูกสาวเขากำลังเดินไปอาบน้ำ เลยเปลี่ยนใจจับลูกสาวมาแทน”

“แล้วคนจ้างชื่ออะไร”

“คนจ้างชื่อเฉลิม เป็นคนบ้านหมี่ ลพบุรี แต่จ้างมาเท่าไหร่ผมไม่รู้ เพราะจ้างผ่านเพื่อนผมที่ออกไปหาเสบียงอีกที”

“แล้วเราเป็นไงบ้างล่ะ ปฤษณา ผมชื่อชลอ เป็นหัวหน้าตำรวจลพบุรี”

คราวนี้ ชลอหันมาถามตัวประกันสาวที่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว แต่สายตายังมองไปที่ไอ้โจรวัยรุ่นด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย สร้างความแปลกใจให้กับนายตำรวจหนุ่มมาก

“ไม่เป็นอะไรมากค่ะผู้กำกับ พวกโจรมันดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ออกไปซื้ออาหาร และซื้อเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ เพราะตอนหนูถูกจับ ใส่ชุดกระโจมอกเพียงชุดเดียวเท่านั้น”

“อ้าว ..แล้วมันเอาเงินทีไหนไปซื้อล่ะ”

“ไอ้โจรคนที่เป็นหัวหน้า ให้อ้วน คนที่นั่งตรงนี้ เอาสร้อยคอ สร้อยข้อมือนาก และแหวนของหนูไปขายในตลาด รู้สึกจะได้มา 5 พันกว่าบาท

นอกจากเสื้อผ้า แล้ว อ้วน เขายังบอกตัวหัวหน้าโจรขอซื้อกีตาร์มาด้วย เพราะจะได้กลบเกลื่อนชาวบ้านว่าเป็นนักท่องเที่ยว”

สาวบ้านหมี่ลพบุรี ให้การชลอเป็นฉากๆ

ระหว่างชลอกำลังซักถามรายละเอียด พลันมีเสียงเครื่องยนต์รถไถ ดังมาจากดงข้าวโพดด้านข้างของห้าง ท่ามกลางความตื่นตัวของตำรวจชุดปฏิบัติการของชลอ เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นรถไถของชาวไร่แถวนั้นหรือไม่ เพราะความสูงของดงข้าวโพดบดบังอยู่

กราบขออนุญาต : ชลอ เกิดเทศ
ที่มา : Cops-magazine
โดย : กิตติพงศ์ นโรปการณ์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: