เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 19 ผู้กำกับเมืองตาก (ชลอ เกิดเทศ)

เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 19 ผู้กำกับเมืองตาก (เขียนโดยชลอ เกิดเทศ)

ใกล้เที่ยงวันที่1ตุลาคม พุทธศักราช 2518

พันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ เข้าไปรายงานตัวผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 9 จังหวัดนครสวรรค์ ตามคำสั่งกรมตำรวจ

หลังจากนั้นเขาเดินทางกลับมาที่บ้านพักใน กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก โดยให้พลวิทยุสั่งการไปยังหัวหน้าตำรวจทุกสถานีในพื้นที่ 9 แห่ง มาประชุมเพื่อรับฟังสถานการณ์ และมอบนโยบาย ที่ห้องประชุมกองกำกับในวันรุ่งขึ้น

9 แห่งที่ว่า มี 8 อำเภอ และ1 กิ่งอำเภอ ประกอบด้วย อำเภอแม่สอด ท่าสองยาง อุ้มผาง แม่ระมาด เมือง วังเจ้า สามเงา บ้านตาก กิ่งอำเภอพบพระ

ชายหนุ่มสั่งทำป้ายขนาดใหญ่ติดไว้ที่หน้าห้องประชุมกองกำกับไว้ในการประชุมพรุ่งนี้

“ตำรวจดีต้องมีคุณธรรม”

จากนั้น ชลอ เข้ามานั่งพักผ่อนในห้องรับแขกที่ถูกจัดรอต้อนรับอย่างเรียบร้อย

เขาเอนหลังนั่งพิงโซฟานุ่ม ปล่อยใจลอยไปชั่วขณะ

ภวังค์นั้น ชายหนุ่มตั้งใจ จะพา พันโทแช่ม และนางทองคำ พ่อ และแม่ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านพักที่อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี หลังผู้เป็นพ่อเกษียณอายุราชการ ขึ้นมาอยู่ด้วยกันที่จังหวัดตาก เพราะเขาจะได้หมดห่วง ได้ทำงานอย่างเต็มที่

รวมทั้งลูก ๆของเขา 3คน กุ้ง ปู ปลา โดยให้“ใหญ่-สุรางค์ พลทรัพย์” สาวน้อยอยุธยา ซึ่งเรียนจบพาณิชย์พระนครมาหมาด ๆ ถูกเขาเอ่ยปากให้ขึ้นมาดูแลลูก ๆเขา และตัวเขาเองที่จังหวัดตากด้วย

เช้าวันที่ 2 ตุลาคม พุทธศักราช 2518

ที่ห้องประชุมกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก คลาคล่ำไปด้วยหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรทุกสถานีในจังหวัดตาก เพื่อมารายงานสถานการณ์ โดยเฉพาะเรื่องของความมั่นคง

“ทำความเคารพ ผู้กำกับการ ตำรวจภูธรจังหวัดตาก…”

พันตำรวจโทประเสริฐ บูรณนัฎ รองผู้กำกับการ ตำรวจภูธรจังหวัดตาก นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 6 ที่กำลังนั่งคุยอยู่กับ พันตำรวจโทไชยณรงค์ พูลสวัสดิ์ เพื่อนนักเรียนสามพรานรุ่นเดียวกัน กับบรรดานายตำรวจระดับลดหลั่นลงมา ลุกขึ้นยืนตรง สั่งทำความเคารพผู้บังคับบัญชาคนใหม่ นายตำรวจรุ่นน้องที่ห่างกันถึง 9 รุ่น อย่างดังฟังชัด ทันทีที่เห็นพันตำรวจเอกชลอ ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง โดยนายตำรวจทุกคนที่อยู่ในห้องลุกพรึ่บยืนตรงทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง

ชลอยกมือไหว้ผู้ใต้บังคับบัญชารุ่นพี่ทั้ง 2 คนที่ห่างกันเกือบ 10 รุ่น ก่อนเดินไปที่โต๊ะประชุม บอกให้ทุกคนนั่งลง ทำตัวตามสบาย พร้อมกล่าวบอกถึงนโยบายการทำงานของเขา

“ขอบคุณครับ… พี่ประเสริฐ พี่ไชยณรงค์ และเพื่อนข้าราชการตำรวจจังหวัดตาก ที่มาหารือกันในวันนี้ สำหรับนโยบายทำงานของผม ไม่มีอะไรมาก อย่างที่ทุกคนเห็นหน้าห้องประชุมก่อนเข้ามาเมื่อสักครู่นี้ “ตำรวจที่ดี ต้องมีคุณธรรม…” มีปัญหาให้ผมสนับสนุนเรื่องใด เชิญได้ทันทีทุกเวลา เราไม่ใช่ใครที่ไหน พี่น้องกันครับ….

พันตำรวจเอกชลอ ให้นโยบายการทำงานด้วยความเป็นกันเองอย่างรวดเร็วตามสไตล์ ก่อนให้พันตำรวจโทประเสริฐ นายตำรวจรุ่นพี่ บรีฟสถานการณ์ความมั่นคงในจังหวัดก่อนเป็นอันดับแรก

พันตำรวจโทประเสริฐ เดินไปที่หน้าห้องประชุม ซึ่งมีแผนที่จังหวัด แผนที่ทางยุทธศาสตร์ และเอกสารประกอบการประชุมขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้ากระดาน

“หลังจากกองกำลังติดอาวุธคอมมิวนิสต์ ได้จู่โจมตีเจ้าหน้าที่รัฐบาลเป็นครั้งแรกที่บ้านนาบัว ตำบลเรณูนคร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พุทธศักราช 2508 โดยให้ชื่อวันนี้ว่า “วันเสียงปืนแตก”มีฐานที่มั่นอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายแห่ง ที่สำคัญอยู่ที่บริเวณเทือกเขาภูพาน….”

รองผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดตาก เริ่มกล่าวรายงานสถานการณ์ภายในห้องประชุม

“ขณะที่ภาคเหนือของเรา กลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้เปิดการต่อสู้ด้วยอาวุธครั้งแรกกับเจ้าหน้าที่จังหวัดเชียงราย ตำบลนาไร่หลวง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2510 โดยมีฐานที่มั่นในพื้นที่จังหวัดเชียงราย น่าน ตาก และรอยต่อ 3 จังหวัด ระหว่าง จังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย…….”

พันตำรวจโทประเสริฐ รายงานสถานการณ์ต่อ ชนิดไม่เหลือบตาดูโผ แสดงให้เห็นความเข้าใจในสถานการณ์เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว

“พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ประกาศจัดตั้งกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย (ทปท.) กระจายฐานที่มั่นดำเนินการก่อการร้ายไปทั่วทุกภาค เรียกว่าสงครามประชาชนหรือสงครามปฏิวัติ ดำเนินยุทธศาสตร์ ป่าล้อมบ้าน บ้านล้อมเมือง เพื่อยึดครองประเทศด้วยกำลังอาวุธ และล้มล้างระบบการปกครองปัจจุบันด้วยวิธีการรุนแรง…..”

ส่วนผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในจังหวัดตาก พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้จัดตั้ง สำนักดอยหลวง หรือ สำนัก ผกค. ขึ้นที่ บ้านธงชัย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตั้งแต่ปลายปี พุทธศักราช 2506 โดยอาศัยชาวเขาเผ่าม้ง หรือแม้ว เป็นกองกำลังติดอาวุธ

พุทธศักราช 2513 ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์กลุ่มนี้ ได้รับการจัดตั้งเป็นกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย จังหวัดตาก มีภารกิจหลักคือ ขัดขวางการสร้างเส้นทางสายแม่สอด-อุ้มผาง

พุทธศักราช 2515 ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เขตตาก ได้จัดตั้งสำนักบัญชาของผู้นำขึ้น และแบ่งเขตงานออกเป็น 2 เขตงาน คือ เขต1เรียกว่า สำนัก 10 อยู่ที่ บ้านธงชัย และเขต2 เรียกว่า สำนัก 80 อยู่ที่ บ้านแม้วแม่ละเมา

พุทธศักราช 2516 ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เขตตาก ยกฐานะเขตงานดังกล่าวเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานเขต 89 โดยมีเขตงานย่อยรวม3 เขต ดังนี้

เขต 89/1 คลุมพี้นที่ อำเภอแม่สอด อำเภอเมืองตาก และกิ่งอำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร

เขต 89/2คลุมพื้นที่ กิ่งอำเภอพบพระ และ อำเภออุ้มผาง ตอนบน

เขต 89/3 คลุมพื้นที่ อำเภออุ้มผาง ตอนใต้ทั้งหมด ทั้ง 3 เขตงานย่อยดังกล่าว ขึ้นตรงต่อสำนักเขต89 ซึ่งมีสำนักงานกลางอยู่ที่ บ้านแม้วแม่ละเมา

พันตำรวจโทประเสริฐกล่าวต่อ

“ในห้วงปี พุทธศักราช 2517-ปัจจุบัน ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เขตตาก มีกำลังติดอาวุธเข็มแข็งมาก มวลชนชาวเขาเผ่าม้งให้การสนับสนุนเสบียงอาหาร และทำการผลิตอย่างกว้างขวาง ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเราหลายครั้ง ในการคุ้มครองการสร้างเสันทางสายแม่สอด-อุ้มผาง ทำให้การสร้างทางต้องหยุดชะงักลง และ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้ย้ายเขตงานไปสู่พื้นที่ จ.อุทัยธานี จ.สุพรรณบุรี และ จ.กาญจนบุรี…..

สำหรับงานด้านยุทธการ ฝ่ายเราประสานสนธิกำลังกับ หน่วยงานทหาร และกองกำกับการตำรวจตระเวณชายแดน เขต 6 ค่ายพระเจ้าตากสิน โดยมีเฮลิคอปเตอร์จากกองบินตำรวจใช้งาน 1 ตัว ทั้งหมดคือสถานการณ์ความมั่นคงในจังหวัดตาก ครับผม…….”

พันตำรวจโทประเสริฐ บรีฟสถานการณ์อย่างคร่าวๆ แต่ได้ใจความอย่างที่สุด

ในเรื่องของการมอบหมายงาน ไม่ว่าจะเป็นงานธุรการ งานในจังหวัด รวมทั้งงานสืบสวนปราบปราม ชลอต้องยกมือไหว้วาน เฮียประเสริฐ และเฮียไชยณรงค์ รุ่นพี่นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 6 เป็นธุระ

ส่วนงานหลักของ ชลอ คือการขึ้นเฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้ ของบริษัทเบลล์ แบบ UH-1H ติดกันชิบ บินออกตรวจเยี่ยมตำรวจในความรับผิดชอบของเขา ตามแนวชายแดนไทย-พม่า โดยเฉพาะอำเภออุ้มผาง อำเภอแม่สอด อำเภอท่าสองยาง อำเภอแม่ระมาด และกิ่งอำเภอพบพระ อยู่ทุกวัน

อาศัยนักบินหนุ่มโสดอย่าง ร้อยตำรวจเอกอวยชัย โดดดารา และเพื่อนนักบินมากินนอนอยู่กับเขาที่บ้านพักในกองกำกับ ทำให้ทุกอย่างคล่องตัวราบรื่นไปหมด

ไม่แต่นักบินเท่านั้น ตำรวจตระเวณชายแดน เขต 6 ค่ายพระเจ้าตากสิน โดยเฉพาะ พันตำรวจโทสุขเกษม ศรีวัฒนะ ผู้บังคับหน่วยก็เป็นแขกประจำ

แม้กระทั่งนายตำรวจหนุ่มเลือดนักรบอย่าง “ไอ้แจว”ร้อยตำรวจตรีธารา ปุณศรี นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 27 ที่เพิ่งจบหมาด ๆมาเป็น ผบ.หมวดตำรวจตระเวนชายแดน บ้าน “ตาพะพู” ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง หากครบรอบเวลาพักเมื่อไหร่ก็ออกมาเฮฮาอยู่ที่บ้านนายตำรวจรุ่น 15 ผู้นี้

รวมทั้งสายลับจากสันติบาล ที่มาเดินท่อม ๆหาข่าวตามแนวชายแดนไทยพม่า เมื่อออกเวรก็จะมารวมกันอยู่ที่บ้านพักของพันตำรวจเอกชลอ หัวหน้าตำรวจจังหวัดตากผู้มีใจกว้างขวาง

นับได้ว่าเป็นศูนย์รวมของตำรวจเลยก็ว่าได้

ไม่นั่งกินเหล้า ก็นั่งเล่นไพ่รัมมี่เป็นที่สนุกสนาน ทำให้ชลอ รู้จักคนเยอะ ดังคำที่ว่า “นกมีขน คนมีพวก” ไปโดยปริยาย

เป็นธรรมดาของการสู้รบ ผู้บังคับบัญชาต้องเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะสถานีตำรวจที่ตั้งอยู่กลางเขตอิทธิพลของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชาวม้ง

อย่าง สถานีตำรวจภูธรตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง

พื้นที่สีแดง ที่พันตำรวจเอกชลอ ต้องบินไปเยี่ยมอยู่บ่อยครั้ง เพื่อส่งเสบียงอาหาร และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ

แม้ว่าจะมีฐานของตำรวจตระเวนชายแดน และฐานเคลื่อนที่เร็วของทหารจากกองทัพภาค 3 ส่วนหน้า รายล้อมอยู่ แต่เนื่องจากภูมิประเทศเป็นป่าเขา ทำให้ฐานของตำรวจตระเวณชายแดน ทหาร รวมไปถึงตำรวจโรงพักอย่างสถานีตำรวจภูธรตำบลแม่จัน ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายเข้าโจมตีปิดล้อมเพื่อแย่งชิงมวลชนอยู่เสมอ

ชลอบินเข้าแนวทุกวัน ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ต้อนรับเป็นลูกตะกั่วเหล็กร้อน ๆวันละปุสองปุ แถมบางครั้งอากาศแปรปรวนบ้าง อากาศปิดบ้าง ชวนให้หวิว ๆว่าจะบินกลับหรือบินไปกันไม่ถึง

แต่พันตำรวจเอกชลอ และร้อยตำรวจเอกอวยชัย ยังคงปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายอย่างนั้นอยู่ทุกวัน

“นาย…ถามจริงๆ กลัวไหม…..”

ร้อยตำรวจเอกอวยชัยพูดผ่านไมค์ที่ติดอยู่กับหมวกนักบิน ถามพันตำรวจเอกชลอ ที่นั่งอยู่ข้างหลัง

“ มึงยังไม่กลัว กูจะไปกลัวทำไม มึงขับตก ก็ตายด้วยกันทั้งลำก็เท่านั้น…ที่สำคัญแม่พยาบาลคนสวยที่มึงไปเทียวไล้เทียวขื่ออยู่ ได้แฟนใหม่แน่…”

ชลอตอบกลับนักบินคู่ใจ พร้อมแย๊ปกลับเพราะรู้ว่า อวยชัยกำลังมีความรักไปติดพันพยาบาลสาวสวยโรงพยาบาลประจำจังหวัดตากอยู่

ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของนักรบสีกากีทุกคนที่อยู่บนเครื่อง

กราบขออนุญาต : ชลอ เกิดเทศ
ที่มา : Cops-magazine
โดย : กิตติพงศ์ นโรปการณ์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: