เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 18 สางแค้นเก่า (ชลอ เกิดเทศ)

เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 18 สางแค้นเก่า (เขียนโดยชลอ เกิดเทศ)

ต้นปีพุทธศักราช 2517

การข่าวที่พันตำรวจโทชลอได้รับมานั้น “ไอ้ดำ พัฒนา”มีถิ่นฐานอยู่ในป่าบ้านดงลาน เขตอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี

พื้นป่าผืนนี้มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นป่าในเขตอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีด้วย

ประวัติไอ้ดำ ที่ยิงชลอนอนซมไปหลายเดือน เป็นพวกโจรปล้นวัวปล้นควายชาวบ้านที่นำมาเลี้ยงในทุ่งหญ้าเขตรอยต่อ 2 จังหวัด

ชลอวางสายไว้อยู่นาน ซ้ำยังเคยเอากำลังไปซุ่มรอจับมันที่บ้านพัก นอนรอนแรมตบยุงอยู่ในป่าหลายคืนก็ไม่พบ จนเขาต้องวางงานนี้เก็บไว้ก่อนเพื่อสะสางกลุ่มโจรกลุ่มอื่นๆในจังหวัดลพบุรี

จนในที่สุด

“นายครับ….ผมได้ข่าวจากพวกแก๊งปล้นในพัฒนานิคมว่า ไอ้ดำ มันจะกลับไปหาเมียที่บ้านดงลาน วันสองวันนี้…..”

ไอ้เหน่ สายลับดับชีพ เสือเม่น ซึ่งหายไปตั้งแต่คราววิสามัญฯเสือเม่น นานราว 2-3 เดือนคาบข่าวนี้มารายงานถึงบ้านพักหลังกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี

“อะไรทำให้มึงเชื่อวะ……”

นายตำรวจหนุ่มถาม พร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สักขนาดใหญ่หน้าบ้านพัก ที่ครึ้มไปด้วยต้นไม้และกอกล้วยไม้ป่านานาพันธุ์

“เมียมันครับนาย เมียมันท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที ผมได้ยินมาจากเพื่อนที่ไปนั่งกินเหล้ากับพวกมันครับ….”

ไอ้เหน่ สายลับตัวฉกาจชลอ เอ่ยถึงเหตุผลของมัน

“แล้วมันจะไปวันไหนวะ…”

คราวนี้ชลอถามถึงวันเวลา เพราะดีกรีการข่าวของไอ้เหน่หลายงาน ที่รองผู้กำกับการหนุ่มนักบู๊คนนี้ สามารถสยบกลุ่มโจรในลพบุรีได้หลายต่อหลายก๊ก

“ขึ้น 15 ค่ำนี้ครับ….”

ไอ้เหน่ตอบ พร้อมรอคำสั่งจากผู้เป็นนายเหมือนรู้งาน

“อ้าว…ก็ไม่กี่วันนี้นี่หว่า…..”

ชลออุทาน หลังเดินไปดูปฏิทินที่แขวนอยู่ผนังบ้าน

5 วันต่อมา ป่าบ้านดงลาน อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี

ท่ามกลางเปลวแดดที่ร้อนระอุ ในร่มเงาของต้นไทรใหญ่ที่ขึ้นอยู่บนดอนระหว่างคันนา มีกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดไปรเวท 6-7 คน จับกลุ่มนั่งๆนอนๆอยู่เงียบๆ

แต่มีอยู่คนหนึ่งใช้กล้องส่องม้าหรือกล้องส่องทางไกล คอยจับความเคลื่อนไหวภายในบ้านไม้หลังหนึ่งที่สร้างยกพื้นสูง ปลูกอย่างโดดเดี่ยวห่างจากบ้านเรือนคนอื่น และห่างจากจุดที่ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้อยู่ไม่ไกลไม่ใกล้นัก

“แน่นอนครับนาย มันกลับหาเมียมันวันนี้แน่…..”

ไอ้เหน่บอกกับชลอ ที่นำกำลังตำรวจที่รู้มือรู้ใจมาทำงานสำคัญชิ้นนี้….

“ให้มันแน่แล้วกันมึง ไอ้ห่า….กางเต็นท์รอมา 2 วันแล้ว….”

ชลอตอบกลับ พร้อมสั่ง “ไอ้แจ้ง”มือสังหาร เสือเม่น ตำรวจหน่วยปฎิบัติการพิเศษ ที่เขาดึงมาทำงานนี้

“มึงส่องกล้องดูดีๆ เห็นตัวเมื่อไหร่ บอกกูด้วย….”

“ครับนาย….”

พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงทุกขณะ แดดเริ่มจะหมด ฝูงนกร้องกันระงมหลังจับกลุ่มบินเข้ารังที่แฝงอยู่ในกิ่งก้านสาขาต้นไทรที่ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ใช้เป็นร่มไม้ใบบัง

ไอ้แจ้งเห็นความเคลื่อนไหว เมื่อปรากฎร่างชายคนหนึ่ง เดินดุ่มๆมาจากหมู่บ้าน ตรงเข้ามาที่บ้านหลังนั้น ก่อนก้าวเท้าขึ้นเรือน มันมองดูซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง

“นาย….นาย…ใช่มันหรือเปล่า….”

ตำรวจหนุ่มเรียกชลอด้วยเสียงที่เบาเกือบจะกระซิบ เหมือนกลัวเป้าหมายที่ห่างไปเกือบ 300 เมตร จะได้ยิน พร้อมยื่นกล้องส่องทางไกลให้ผู้บังคับบัญชา

ชลอคว้ากล้องมาส่องแนบหน้า ใช้นิ้วชี้ปรับตัวหมุนปรับความชัดอยู่ชั่วครู่ ก่อนอุทานเบาๆ….

“ใช่มันจริงด้วย…ไอ้ดำ…”

“ไปพวกเรา ค่อยๆเข้าไปล้อมบ้าน แล้วอย่าขวางทางปืนกันเองเดี๋ยวจะยุ่ง…”

ชลอพูดเสร็จ ก็ออกนำหน้ากึ่งเดินกึ่งวิ่ง ลัดเลาะไปตามสุมทุมพุ่มไม้เพื่อเป็นกำบัง ไม่ให้เป้าหมายในบ้านหลังนั้นรู้ตัว โดยมีลูกน้องตามมาอย่างระมัดระวัง

กระทั่งเหลือระยะเป้าหมายห่างประมาณไม่เกิน 20 เมตร กลุ่มชายฉกรรจ์ที่มีปืนเอ็ม16 เป็นอาวุธหลัก หยุดนั่งจับกลุ่มกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สายตาแต่ละคู่เพ่งมองไปที่บ้านยกพื้นสูงหลังนั้นอย่างไม่ละสายตา

ทุกคนกวาดตาสังเกตุการณ์ ใต้ถุนบ้านไม่มีสิ่งผิดปกติอะไร ไม่มีสุนัข มีแต่ลูกเจี๊ยบตัวน้อย 5-6 ตัวที่วิ่งตามแม่ไก่ที่กำลังคุ้ยดินหาอาหาร และเศษข้าวเปลือกไปตามเรื่อง ส่วนบนบ้านยังเงียบเชียบปราศจากความเคลื่อนไหวใดๆ

“ตามกูมา…”

ชลอสั่งลูกน้อง พร้อมเดินถือปืนรีวอลเวอร์.357 ลำกล้อง 6 นิ้ว ที่ชักออกมาจากเอว ตรงไปที่บ้าน มีลูกน้องกระจายกำลังเดินตามเข้าไป เว้นระยะห่างกันตามยุทธวิธี

อีกแค่ 3-4 ก้าวจะถึงตัวบ้าน พลันมีชายวัย 30 ปลายๆถือปืนคาร์บิน เดินออกมาที่หน้าชาน

สีหน้าบ่งบอกถึงความตกใจ เมื่อเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ถือปืนมุ่งมาที่บ้าน

ชลอ และลูกน้องตกใจไม่แพ้กัน เพราะไม่คิดว่า “ไอ้เสือดำ” จะโผล่ออกมาอย่างกะทันหัน

เสี้ยววินาทีนั้น ไอ้ดำยกปืนคาร์บินประทับเอว เตรียมยิงผู้บุกรุกตามสัญชาติญาณป้องกันตัว

ปัง…

เสียงกัมปนาทออกจากกระบอกปืนดังลั่น แต่ไม่ใช่ของไอ้เสือดำ แต่เป็นเสียงที่ดังออกจากกระบอกปืนในมือชลอ ที่ระเบิดกระสุนใส่ไอ้ดำเข้าที่หน้าอก หงายหลังผลึ่งนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นชานหน้าบ้าน

ชลอ และลูกน้อง รีบวิ่งขึ้นไปบนบ้าน ไอ้แจ้ง เตะปืนคาร์บินที่หล่นใกล้มือไอ้ดำออกไป ส่วนลูกน้องชลออีกคน ก้มลงไปหยิบปืนออโตเมติกดาวแดงที่เหน็บไว้ในเอวคู่แค้นผู้เป็นนายออกมาถือไว้

ไอ้ดำ พยายามผงกหัวมองหน้าชลอ ส่งเสียงอึกอักในลำคอ 2-3 ครั้งก็แน่นิ่งสิ้นลม เพราะฤทธิ์กระสุนหัวระเบิด โดยมีสาวท้องแก่คนหนึ่ง อายุน่าจะ 20 ปลายๆ วิ่งออกมาจากตัวบ้านโผเข้ากอดร่างไร้วิญญาณของไอ้ดำ ก่อนที่จะร้องห่มร้องไห้ฟูมฟาย

ลึกๆในใจ ชลอถึงกับอึ้ง ภาพชีวิตที่เห็นมันช่างรันทด เด็กทารกในท้องสาวที่รอวันกำเนิดมันต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังไม่เกิด ทางกลับกันถ้าเขาไม่ยิงมันก่อน อาจจะไม่โชคดีเหมือนวันที่รอดตายจากป่าหญ้าในมวกเหล็กวันนั้น

ภวังค์แห่งความสงสารถูกกระชากออก เมื่อสาวท้องแก่หยุดฟูมฟาย ลุกขึ้นชี้หน้าด่าชลอ และลูกน้องอย่างเกรี้ยวกราด

“พวกมึงเป็นใคร มายิงผัวกูทำไม ไอ้พวกใจร้าย….ฮือๆๆๆ……”

ถ้อยคำผสุรวาทนานาชนิดหลุดออกมาจากปากม่ายสาวหมาดๆ จน ไอ้แจ้ง ทนไม่ไหว เดินมาดึงคู่กรณีต่างเพศให้สงบสติอารมณ์

“เฮ้ย….เงียบก่อนสิ นายเขาเป็นรองผู้กำกับตำรวจลพบุรี เขามาตามจับมัน มันจะยิงนายก่อน นายเขาก็ต้องป้องกันตัว จะให้ถูกยิงเหมือนที่มวกเหล็กอีกหรือ……”

ม่ายสาวท้องแก่ถึงกับนิ่งอึ้ง มองหน้าชลออย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง ก่อนเอ่ยปากถามทั้งที่ยังไม่หายสะอึกสะอื้น

“นายเป็นผู้กองเมืองมวกเหล็ก ที่ผัวข้ายิงปางตายเมื่อปีที่แล้วหรือ….”

“ใช่…..”

ชลอตอบสั้นๆ ขณะที่สาวท้องแก่ได้ยินคำตอบ กลับไปกอดร่างไร้วิญญาณผัวรักของมันอีกครั้ง

“ไอ้แจ้ง เดี๋ยวมึงติดต่อตำรวจพัฒนาฯ ว่า กูมาวิสามัญฆาตกรรมไอ้ดำที่นี่ และให้จ่ากองเอาหมายจับไอ้ดำ มาให้ร้อยเวรที่นี่ด้วย….”

ชลอสั่งการอีกครั้ง

ชลอยังคงออกปราบปรามโจรผู้ร้ายอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ด้วยสไตล์การทำงานปราบปรามที่ดุดัน แต่เป็นกันเองกับข้าราชการหน่วยอื่นๆในจังหวัด โดยเฉพาะการประสานกับข้าราชการทหาร รวมทั้งชาวบ้านและเพื่อนพ้องน้องพี่

การทำงานของนายตำรวจหนุ่ม โดดเด่นเป็นที่จับตา เขาทำงานอย่างจริงจัง ชนิดเอางานเข้าแลก ไม่พึ่งใคร เขาจะเป็นลูกน้องตามสายการบังคับบัญชาเท่านั้น

สไตล์การทำงานแบบที่ไม่มีใครเหมือน ทำให้หน้าที่ราชการเขารุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งกรมตำรวจมีคำสั่งประจำปี ให้ไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก

เป็นหัวหน้าตำรวจจังหวัดตาก ลำดับที่ 22

มีผลตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2518

ชายหนุ่มในวัย 37 ปี ดีใจ และตื่นเต้นมากที่หลวงให้รางวัลเขาด้วยการเป็นหัวหน้าตำรวจ ชายหนุ่มเชื่อว่า ผลจากการทำงานในจังหวัดลพบุรี เมืองทหาร อีกทั้งความสัมพันธ์อันดีกับทหารในจังหวัด ประกอบกับปัญหาชายแดน และปัญหาความมั่นคงในจังหวัดตาก เขาจึงถูกเลือกให้มาเป็นหัวหน้าตำรวจที่นี่

เท่าที่เขารู้ ตาก มีความสำคัญมาตั้งแต่ครั้งประวัติศาสตร์ในฐานะเมืองหน้าด่าน พื้นที่ส่วนใหญ่ขเป็นป่าไม้และภูเขาสูง โดยเฉพาะพื้นที่ทางด้านตะวันตกที่ติดกับชายแดนพม่า มีแม่น้ำเมยเป็นเส้นแบ่งเขตแดน

ที่สำคัญในตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงการสู้รบแย่งชิงมวลชนกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่จัดตั้ง สำนักดอยหลวง หรือ สำนักผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ขึ้นที่ บ้านธงชัย อำเภอแม่สอด ชายแดนจังหวัดตาก ตั้งแต่ปลายปี พุทธศักราช 2506 โดยมีชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) เป็นกองกำลังติดอาวุธ มีภารกิจหลักคือ ขัดขวางการสร้างเส้นทางสายแม่สอด-อุ้มผาง

เจ้าหน้าที่ฝ่ายราชการ ต้องปะทะกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อย่างหนักหลายครั้ง ในการคุ้มครองการสร้างเสันทางหลักสายนี้

กราบขออนุญาต : ชลอ เกิดเทศ
ที่มา : Cops-magazine
โดย : กิตติพงศ์ นโรปการณ์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: