เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 64 ชุมนุมมังกร (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 64 ชุมนุมมังกร (เขียนโดยสุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เวลาที่ซุกชีวิตยัง “สวนมะลิ โฮเต็ล” ร่วมกับ เก๊าตี๋และเล็กต่วน ๓-๔ วันที่ผ่านมา ผมไม่ได้แวบไปเยี่ยมเยียนพระคุณเจ้าหลวงพ่อเลยเนื่องจากกลุ่มเพื่อนโดย ดำเอสโซ่ ปุ๊ระเบิดขวด เต็งโก้ จบหลังวัง เทียวมาชักชวนให้ร่วมทีมกันบุกเบิกธุรกิจเถื่อนทางภาคอีสานเหมือนยุคอู่ตะเภา พร้อมพาตระเวนชมกาสิโนในเครือข่ายตลอดไปถึงของคู่แข่ง จึงประมวลสภาพและสถานะพวกเราทุกนามเอาจากพฤติกรรมนักบู๊ทุกรุ่นที่พวกเราพานพบล้วนให้ความเกรงใจ ต้อนรับด้วยอัธยาศัยดียิ่ง แม้แต่ค่ายมังกรใหญ่ ล้อวงเวียนฯ ชาเก๊า เก๊าเล็ก และอดีตอั้งยี่เก่า เสี่ยโง้ว อันถือว่ารุ่นพี่

ดังกล่าว หลังจากตะลอนมาทุกคืนผมก็ยังตัดใจตกปากรับคำไม่ได้จุดเดียวกับคำชักชวนของเก๊าตี๋ จึงบอกเพื่อนไปเมื่อคืนนี้

“เอาไว้เฮียเก๊าออกมาแล้วเราจะบอก”

“เปี๊ยวจะอยู่กะเฮียเก๊าหรือ”

“เราชอบอยู่กับเพื่อน”

ผมตอบเสือเอสโซ่ไปตามความรู้สึกแท้จริง แต่มิใช่ไม่ศรัทธาเฮียเก๊า ผมนิยมทั้งฝีมือ ใจ ทั้งสมองในเรื่องบู๊ ทว่าเขาขาดสิ่งสำคัญสำหรับการเป็นผู้นำ ด้านจิตวิทยามวลชนสัมพันธ์อันมีผลมาจากพื้นฐานการศึกษาและสภาพสังคมปฐมวัยของเขาก็เป็นได้ เก๊าม้าเก็ง จึงมีคนกลัวมากกว่านับถือ

เพราะผมคิดและรู้สึกเช่นนี้เอง สิ่งศรัทธาในตัวเขาจึงก้ำกึ่งกัน ทั้งนี้และทั้งนั้นคงด้วยผมอาจมิใช่นักบู๊อาชีพก็เป็นได้ สังเกตตัวเองแล้วแลไม่โหดเด็ดขาดเหมือนเพื่อนพ้อง นอกจากบันดาลโทสะเท่านั้นพระกาฬยังชน จวบถึงวันนี้แล้ว ที่มังกรม้าเก็งเอ๋าคืนสู่วัง เก๊าตี๋จึงปลุกผมตั้งแต่ตะวันสาดแสงไล่เมฆ พักหนึ่งระหว่างจัดสวนอาภรณ์ เพื่อนสำแดงอารมณ์

“เฮียล้อไม่ยอมไปรับเฮียกะทันหันแบบนี้เหมือนเจตนาหยามกัน”

ผมถามโง่ๆ “ทำไมต้องไปรับกันเยอะแยะ เฉพาะพวกเราก็เกือบ ๑๐ คนแล้ว”

“เฮียจะเล่น ‘โจทก์’ หน้าบางขวาง”

“เล่นใคร”

“ไอ้ลือชัย นฤนาท มัน ‘หัก’ เฮียเก๊าไว้ตอนก่อนอภัยโทษ ทีแรกเฮียล้อรับจัดการให้ เมื่อคืนเจอแกที่บ่อนหลังกองปราบฯ บอกมีธุระสำคัญที่เชียงใหม่จึงติดต่อให้เฮียหมึกรับงานแทน”

“แล้วเฮียหมึกว่าอย่างไร” ผมจี้ติดพัน

เพื่อนซี้หรือ “น้องสาม” ตระกูล “ม้าเก็งเอ๋า” เดินไปทิ้งก้นลงบนที่นอนยักไหล่ อาการร่าเริงทางสีหน้าเมื่อครู่มึนตึง ผมนั่งลงบนเก้าอี้จัดการใส่ถุงเท้า

“เราให้เล็ก ต่วนไปถามเฮียหมึกตอนตี ๕ ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย”

คำแจงเพื่อนผู้อ่อนวัยกว่าผมไม่ติดใจชักหาข้อมูลต่อในเรื่องมังกรวงเวียนฯ เบี้ยวสัญญา เพราะเพื่อนย่อมรู้ใจเพื่อนว่าสิ่งที่เพื่อน “ขอแรง” หรือให้รับงาน “กฐิน” ดังกล่าวเป็นเรื่อง “โง่” ซึ่งมีอยู่ในทิฐิและความพยาบาทของมังกรม้าเก็งเอ๋าไม่เคยลด ด้านเฮียล้อ ผมเดาใจเอาว่าเขารับปาก “งาน” ชิ้นนั้นไปเนื่องจากความเป็นเพื่อนผสมความเกรงใจเป็นสำคัญ ใครอื่นหน้าไหนกล้าใช้เขา? พอเก๊า ม้าเก็งไหว้วาน ล้อจึงจำเลี่ยงหาทางออกจนเก๊าตี๋ฉุนขาดเมื่อความประสงค์ของพี่ชายไม่ศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรความกังวลในเรื่องเก็บ “หนี้” โจทก์หรืออดีตพระเอกหนังยอดฮิตลือชัยซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษและปล่อยในวันเดียวกับเก็าเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ วันล้างอายมีวันนี้วันเดียวหรือไร
“นายไม่คิดไว้ทำวันอื่นซึ่งอาจเหมาะและปลอดภัยกว่าวันนี้หรือ” ผมเสนอ

เพื่อนนั่งก้มหน้ามองตีนอยู่อึดใจ พลางบ่นมากกว่าบอก “เราคิดอย่างนายน่ะแหละ…แต่เปี๊ยกก็รู้นิสัยเฮียเรื่องใครผิดคำพูดกะแกอยู่แล้ว เรากะอี้คงเจอด่าเช็ด อย่างน้อยที่สุด ก็ข้อหาไม่ติดตามเรื่องให้”

“นายควรยอมถูกด่า” ผมแนะและแจง “ขืน” มือหน้าคุกวันนี้ นายต้องแลกเอาคนเข้าคุกอย่างต่ำ ๑ ราย ซึ่งจะเป็นใครยังไม่รู้…เผลอๆ ถ้าฝ่ายลือชัยสั่งเพื่อนฝูงมารับหรือคุ้มกันบ้างมิยิงกันฉิบหายหรือ”

น้องสามยกมือบีบขมับเพราะพี่ใหญ่อย่างสงบ ผมเองเข้าใจสถานะเพื่อนอันพี่ใหญ่หมายปั้นให้กระเดื่องตามรอยอย่างขาดปัญญา ครับ-ความเป็นคนรอบจัด รอบตัวและรอบรู้นั้น อาจนับเนื่องได้ว่ามาแต่ปัญญา ทว่าปัญญาที่มุ่งแต่ลบไม่ติดบวกไว้ให้รู้กว้างเพื่อแก้ไข ทั้งมิเสริมปฏิภาณไหวพริบอันมีอยู่ในคนมีปัญญาก็ไม่แผกหินสีไกลมือช่าง

บัดดล เสียงเคาะประตูห้องดังรัวเป็น “โค้ด” ให้รู้ว่าพวกเดียวกัน ผมซึ่งนั่งใส่รองเท้าอยู่ใกล้กว่าเพื่อนขยับลึกไปบิดล็อกเปิด พอเห็นโฉมผู้มาเยือนกระทำคารวะฉับไว

“สวัสดีครับ เฮียหมึก”

ซือเฮียเพื่อนซี้เก๊า ม้าเก็งจับไหล่ผมบีบยิ้มกริ่มก่อนก้าวผ่านผมไปโดยมี ประสิทธิ์บุญเสียง ลพสูติ ตาลสุทธิสาร จบหลังวัง ดำเอสโซ่ ปุ๊ระเบิดขวด และ เล็กต่วน ตามเข้าไปเป็นขบวน เสือเอสโซ่เจ้าของร่างผอมเกร็ง ผิวคล้ำ หน้ากระดูก ซึ่งฉากเข้าห้องน้ำทำกิจเปิดประตูโผล่ออกมา ผมยิ้มให้เพื่อน เขาเปิดคำพอได้ยิน

“เปี๊ยกมีปืนใช้หรือยังนี่…”

ผมส่ายหัว คิดถึงปืนที่ฝากพระคุณเจ้าหลวงพ่อไว้ ป่านนี้สนิมเหล็กคงจับเขรอะ ดำไหว้ตัวแกะกระดุมนับจากคอเม็ดที่ ๓ ออก สอดมือเข้าไปดึงคอบร้า .๓๘ ปืนสั้นรมดำด้ามเหลืองเถื่อนทั้งกระบอกให้

“เปี๊ยกติดตัวไว้ ทุกวันนี้ ‘มือปืน’ จะเต็มบ่อนล้นโรงแรมแล้ว”

“ขอบใจ” ผมสบตาเขาบอกสำนึกในกรุณาเพื่อนพร้อมรับมาพิจารณา

“เราไม่ได้ใส่กระสุนไว้” ดำว่า

ผมกดล็อกสลัดโม่ออกพลางใช้มือควานหาเหรียญบาทซื้อกระสุนปืนจากเขาอันเป็นเคล็ดนักเลงปืนนิยมปฏิบัติกันมาจนถึงยุคพวกเรา จวบการซื้อขายอาวุธดับอาถรรพ์เรียบร้อย บัดนี้กลางห้องเฮียหมึกนักบู๊หนุ่มฉกรรจ์สีผิวดำสมชื่อปักร่างสูงใหญ่และทะมึนกล่าวแก่ทุกนามเสียงเข้ม

“ไอ้พระเอกนั่นน่ะ มันไม่ได้เก่งเฉพาะในจอหนังเท่านั้นน่ะ ในคุกมันก็แจ๋วไม่เช่นนั้นมันจะกล้าถล่มคุณตุ๊เสียมวยหรือ? กับเก๊าเองมันยังชน ดังนั้นที่ว่าจะ ‘เล่น’ มันวันนี้น่ะเฮียขอให้รอก่อน ผิดถูกอย่างไรเฮียขอรับผิดชอบกะเก๊าเอง”

จบคำ หมึก ตรอกทวาย ผมดึงสายตาไปยังเก๊าตี๋ ไม่พบปฏิกิริยาคัดค้านเหมือนเช่นล้อ วงเวียนฯ ทิ้งทวน และเมื่อปราศจากผู้แนะหรือค้าน ซือเฮียผิวนิลรุกต่อ

“เดี๋ยวเราจะไปกันเลย รถมีพอคนแล้วใช่ไหม”

เก๊าตี๋ตอบสั้นๆ “พอครับ”

“แล้วมีใครพกอาวุธมาบ้าง” รุ่นพี่ถามอีกประโยค นัยน์ตาคมกริบกราดมองมือนักบู๊ภายในห้องที่ชูขึ้นเลยหัวทุกคน ซึ่งแสดงว่าทุกนามพร้อมออกศึก ผู้อาวุโสผงกหัวหงึกๆ บอกให้ทุกคนเอามือลง จู่ๆ ประตูห้องถูกเคาะรัวเป็น “โค้ด” ผมทำหน้าที่เปิดประตูเหมือนเดิม ปะหนุ่มผิวขาว ใบหน้าละม้ายเก๊าม้าเก็ง “น้องรอง” หรือ สุมาอี้ พี่ชายเก๊าตี๋นั่นเอง พอปิดล็อกประตูห้องเสร็จ เฮียหมึกมีข้อเสนออีกเรื่อง “ก่อนออกจากห้อง ขอให้พวกเราทิ้งปืนไว้ที่นี่ อย่าเอาไปเด็ดขาด” เก๊าตี๋ร้องเสียงหลง “อ้าว…ทำไมล่ะเฮีย”

หมึกตอบเสียงนุ่ม “…น้องเฮีย ปืนน่ะเมื่อมีใช้ก็อยากยิง เมื่อยิงแล้วยิ่งมันมือ อย่าเอาไปดีกว่า” ว่าแล้วซือเฮียก็กระชากปืนสั้นขนาด ๑๑ ม.ม. ออกจากซองเอวโยนลงบนฟูกเป็นรายแรก เยี่ยงนี้แม้มิเคยพรากจากปืนย่อมจำพราก

และแล้วประมาณ ๕ นาทีต่อมา เก๋งญี่ปุ่น ๓ คันก็เป็นพาหนะนำพวกเราสู่จังหวัดนนทบุรีที่ตั้งเรือนจำกลางบางขวางอดีต “รังเก่า” ของทุกนาม ยกเว้นสุมาอี้ผู้ยังสดสำหรับคุก ๒๐๐ ไร่ บนเส้นทางสู่จังหวัดนนทบุรี ผมซึ่งอาศัยนั่งร่วมไปกับดำและปุ๊ โดยเสือเอสโซ่ทำหน้าที่โซเฟอร์ได้มีโอกาสฟังความคิดเห็น ๒ เพื่อน ถึงการคืนสู่วงการนักบู๊ของเก๊าอันเต็มไปด้วยขวากหนามสารพันดังกล่าว ในสายตาและความเห็นผมคงไม่ต่างเพื่อนกับบทพระเอกชนิด “ข้ามาคนเดียว” ที่เก๊าเคยยึดปฏิบัติ แต่มิได้ตามน้ำด้วยเท่านั้น หมดเรื่องวิเคราะห์ทางเซียน ปุ๊เสนอบุคคลอันตรายไว้ ๓ คนชัดเจน

“ทุกวันนี้มือเจ๋งๆ เช่น ก่งก๊ง ชั่ง โรงหมู หง่า สำเหร่ มีน เกียย้ง ชิคาโก เล่าถิ ทุม แซ่ฉั่ว ไอ้ฝ่า ตี๋น้อย และโอกุ่ยซ้งน่ะมันอยู่ในทีมเฮีย ล. เฮียล้อกับซาเก๊าแล้วว่ะ”

๐๙.๓๐ น. บนถนนพาดผ่านหน้าเรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งผู้คนและพาหนะสัญจรไป-มาไม่ค่อยพลุกพล่าน ขณะนี้มีขบวนรถพวกเรา ๓ คันเท่านั้นที่ใช้สัญจร ดำ เอสโซ่จอดรถยังโคนไม้ริมวิถีฝั่งที่ตั้งนรกบนดิน ตาล สุทธิสารขับเลยไป ๕ เมตรจึงหยุด ส่วนเก๋งของเก๊าตี๋โดยโชเฟอร์ขุนมีดเล็ก ต่วนเลี้ยวข้ามเลนไปจอดฝั่งเดียวกับเรือนจำ ห่างประตูทางเข้า-ออกคุกราว ๑๕ เมตร ซึ่งขณะนี้บรรดาญาติๆ ชาย-หญิงกลุ่มใหญ่นั่งยืนเตร็ดเตร่อยู่ใต้เงาไม้รอลูกหลานในกำแพง เราทั้งหมดลงจากรถปิดล็อกประตูข้ามถนนไปสมทบกับกลุ่มเฮียหมึกซึ่งกำลังพาทีกับคอสิงห์ราชทัณฑ์ที่คุ้นเคยกัน จึงทราบว่า ลือชัย นฤนาท หรือ ชีพชูชัย นักบู๊ในนิยาย “เล็บครุฑ” กับเก๊า ม้าเก็ง นักบู๊ชีวิตจริงเกิดดวลกำปั้นกันก่อนปล่อยจึงทำเอาวุ่นวายจนท่านผู้บัญชาการขอกำลังเจ้าหน้าที่ สภ.อ.เมืองนนทบุรี มารักษาความสงบขณะนี้

เมื่อรู้จากปากนายคุมมีตำรวจเตร่รักษาความสงบอยู่ ทุกนามรวมทั้งผมจึงลอบสำรวจทิศทางลม พบเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอย่างต่ำ ๗-๘ นายกระจายกันคุมเชิงพุ่งตามายังกลุ่มเราเป็นจุดเดียว หมึกบอกลอยๆ

“พวกเราอยู่ในสายตาสกอตแล้วนะ”

คอสิงห์หนุ่มรู้งานขอตัวจาก คล้อยหลังนายคุม จบ หลังวังถามไม่เจาะจงด้วยความสงสัย

“สห. ๓ คนนั่นมารักษาความสงบด้วยหรือยังไง”

ทันใด ประตูเหล็กบานเล็กของประตู ๑ เปิดให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ๕-๖ นาย ระดับไม่ต่ำกว่าพัศดีตรีผ่าน สักครู่จึงมีนักโทษที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษแต่งกายปกติทยอยออกรับไออุ่นเสรีภาพ และโผเข้าหา พ่อแม่ลูกเมียที่มาคอยรับอยู่บนิเวณนั้นพร้อมเสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ด้วยความปีติยินดี เสียงร่ำไห้ของเด็กๆ กับน้ำตาหญิงชรารอบกายสะใจผมที่สุด!

พลัน…ที่ประตู ๑ ร่างขาวสูงกำยำเค้าหน้าหล่อเหลาภายในชุดสปอร์ตปรากฏแก่สายตาผู้คนบริเวณนั้น กระทั่งเกิดเสียงเรียกขานพระเอกหนังคนดัง อัน สห. ทบ. ๓ นายที่จบ หลังวังถามถึงนำไปขึ้นรถตู้ซึ่งโผล่มาจอดเมื่อใดไม่ทันสังเกตขับจากไป ครึ่งชั่วโมงแล้ว เก๊า ม้าเก็งยังไม่โผล่ ทุกคนที่ปล่อยรุ่นเดียวกันมีญาติพี่น้องมารับกลับบ้านจนบริเวณหน้าคุกว่าง ล่วงไปอีก ๑๐ นาที ร่างสมสัดส่วนนักบู๊หน้าหยกม เก๊า ม้าเก็ง จึงปะกลุ่มพวกเราที่ไปรับด้วยหน้าตาไม่ค่อยดีนัก เขาทักทายกับพวกเราเหมือนเสียไม่ได้ แม้กับหมึก ตรอกทวายผู้สหายเขาถามดั่งลูกแถว

“มารับแต่นาย…แล้วไอ้ล้อล่ะ หรือดังแล้วแยกวง”

วาจานั่นมีผลต่อผู้ไปรับเขาทางสายตากับสีหน้ารวมทั้งผม จนนึกเสียดายฝีปากเก๊าตี๋ผู้น้องซึ่งพยายามพูดโน้มน้าวชักชวนให้พวกเราร่วมทีมสร้างอาณาจักรกาสิโนใหม่กับพี่ชายไร้ผลแต่วันนี้

ทั้งพานไม่ยอมไปงานเลี้ยงรับขวัญคืนสู่ยุทธจักรที่ “สุรัชภัตตาคาร” คืนนี้เช่นกัน ถาม ผมโกรธหรือที่รุ่นพี่ไม่ให้เกียรติ? ตอบ โกรธครับ ด้วยชีวิตนี้ผมเหลือ “เกียรติ” ของความเป็นคนชิ้นนี้เท่านั้นแล้ว

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : The People
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: