2073. เรื่องเล่าไม่ควรเล่าตอน ไปไม่ลา..มาไม่ไหว้

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ มีนาคม 2555 นะครับ

คือตอนนั้น ผมทำงานเป็นเบื้องหลังกองละครอยู่เรื่องนึง ทางเคเบิ้ลทีวี ซึ่งเป็นละครที่ต้องใช้พื้นที่ป่าไม้ เป็นโลเคชั่นส่วนใหญ่ในการถ่ายทำ

ตอนนั้นทางทีมงานเราเดินทางกันไปถ่ายทำกันที่ภาคใต้ เนื่องจากมีคอนเนคชั่น และเป็นบ้านเกิดของผู้จัดด้วยนั่นเอง

มีอยู่คิวนึง ที่เราจะต้องเข้าไปถ่ายที่น้ำตกเล็กๆ ซึ่งระยะในการเดินทางขึ้นเขาเพื่อที่จะไปสถานที่แห่งนั้น ค่อนข้างไกลพอสมควร เนื่องจากเป็นน้ำตกเล็กๆ และอยู่ค่อนข้างลึก

ในขณะที่ไปถ่ายทำในทุกๆที่ กองละครส่วนใหญ่นอกจากจะมีการบวงสรวงใหญ่แล้ว ยังต้องมีการบวงสรวงย่อยด้วย เพื่อเป็นการขอขมาและขอเจ้าที่เจ้าทาง แต่สำหรับกองนี้ เค้าจะบวงสรวงเพียงรอบเดียว คือบวงสรวงใหญ่ที่กรุงเทพเลย

การถ่ายทำในวันนั้น จะได้เลยครับว่ามีความไม่ลื่นไหลเกิดขึ้น มีทั้งไฟดับบ้าง ไวเลทใช้ไม่ได้บ้าง และที่สำคัญ อยู่ดีๆก็ฝนตกหนัก จนต้องพักกอง

และจุดเริ่มต้นของความสยองขวัญก็เกิดขึ้น

ในขณะที่ถ่ายทำกันอยู่ อยู่ดีๆฝนก็ตกหนัก ด้วยความที่เราเป็นช่างแต่งหน้า สิ่งสำคัญที่รักเสมือนชีวิต คือเครื่องมือทำมาหากินของเรา ก็คือ กระเป๋าเครื่องสำอางที่ราคาทั้งสิ้นเกือบแสนกว่าบาท คือถ้าของพังหรือแตกหักไป ก็คงจะแสนสาหัสเช่นกัน เราจึงรีบวิ่งเอากระเป๋าเครื่องสำอางไปเก็บที่ท้ายรถตู้กองเป็นอย่างแรก และในขณะที่วิ่งไปถึงรถตู้กอง สิ่งที่เห็นก็คือ ช่วงคนนั้นบนรถตู้ หลังเบาะของคนขับ เราก็เห็น ผู้หญิงคนนึงนั้งอยู่ (ไม่แน่ใจว่า ผญ หรือเปล่า แต่เห็นว่าผมดำ และยาวมาก) ลักษณะของเธอ ตัวสูงมาก ศีรษะจะติดเพดานของรถอยู่แล้ว ผมยาว ออกเปียกๆนิดๆ และที่สำคัญ ทำไมในรถมีกลิ่นเหมือนไม้ชื้นก็ไม่รู้ (หลายคนคงพอนึกออก ว่ากล่นไม้ชื้นเป็นยังไง)

เราก้ตกใจ เพราะในกอง มีแต่ ผญ ตัวเล็กๆกันทั้งนั้น เราเลยพูดว่า “ใครอะ มานั้งบนนี้ได้ไงเนี่ย” นางก็นั่งนิ่ง ไม่ตอบ เรากำลังจะตัดสินใจเดินไปข้างหน้า (ตอนนั้นยืนยุหลังรถตู้อยู่นะ) ก็มีเสียงเหมือนเทน้ำที่มีน้ำหนัก เหมือนเป็นโคลนรึของเหลว ตกลงที่ ผญ คนนั้นนั้งอยู่ เราเลยก้มลงไปมองข้างล่าง สิ่งที่ตกใจแว๊บแรกคือ นางไม่มีขา รึว่านางจะนั้งพับเพียบวะ (ในใจตอนนั้นก็คิด) แต่สิ่งที่เด่นชัดกว่า ผญ คนนั้นไม่มีขาก็คือ เหมือนเธอกำลังอ้วกออกมาเป็นเศษไม้ดำๆ น้ำดำๆ เหมือนเป็นน้ำมันเต็มไปหมด

เท่านั้นแหละครับ ผมแหกปากดังๆเลยว่า “ผีหลอกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” แล้วก็รีบวิ่งกลับมาที่กอง ทุกคนตกใจ เพราะต่างคนต่างรีบช่วยกันเก็บข้าวของ และก็มีพี่คนนึงพูดขึ้นมาว่า “ผีอะไรมาหลอกกันช่วงบ่ายๆ ไม่มีหลอก เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เข้าป่าใครเค้าพูดเล่นกันเรื่องนี้”

เราก็ได้แต่เงียบ และร้องไห้ตลอดเวลา เพราะไม่กล้าพุดอะไรไป เนื่องจากตอนนั้นเราก็เป็นน้องใหม่ของกองนี้ ซึ่งมีพี่ที่เป็นนักแสดง ผช เดินมาหาเรา แล้วพูดว่า “พี่เชื่อเรานะ เพราะตอนถ่าย พี่รู้สึกแปลกๆจริงๆ พี่มีเซ้นท์” แล้วเค้าก็บอกให้เราใจเย็นๆ ถ้าเราเป็นคนดีเขาก็ไม่มาทำอะไรเราหรอก

และหลังจากนั้น กองถ่ายก็ต้องยกกอง เนื่องจากฝนตกไม่ยอมหยุด ตกปรอยๆเรื่อยๆ จนไม่สามารถถ่ายได้ ทางทีมงานก็เลยเตรียมตัวกลับที่พัก ในขณะที่เดินทางลงจากเขา เราก็นั่งหลังสุดของรถตู้ กับน้องนักแสดง ผญ อีก 2 คน ตอนนั้นประมาณทุ่มนึงน่าจะได้ ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ทุกคนดูเพลียจากการถ่ายทำ ก็พากันหลับไปหมด

อยู่ดีๆน้องนักแสดง ผญ ก้พูดขึ้นมาว่า “พี่ๆ เห็นมั้ยว่า มี ผญ ยืนอยู่ข้างทางตรงมะกี้อะ ผมยาวเชียว” เราได้แต่พูดว่า “ไม่เห็นอะ นอนเถอะ พี่ง่วง” ทั้งๆที่จริง เราก็เห็นเหมือนกับน้องเค้า ซึ่งลักษณะเหมือนกับคนที่เจอเมื่อช่วงบ่ายเลย ตอนนั้นเรารู้สึกไม่ดีแหละ แต่ก็ไม่กล้าพุดอะไรมาก

จนถึงที่พัก ทุกคนก็หยิบข้าวของกันออกจากรถ เนื่องจาก คิวต่อไป เราจะต้องถ่ายที่ที่พักของเรา ช่วงประมาณ ตี 4 ของวันพรุ่งนี้ และสิ่งที่ทำให้ผม และพี่ทีมงานอีก 2 คนป่วยจนจับไข้ก็คือ

ในขณะที่ผมกำลังจะหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางลงจากหลังรถตู้ พร้อมกับพี่ทีมงานอีก 2 คน ที่มีช่วยกันแบกขาตั้งไฟ เราทั้ง 3 คนเห็นผู้หญิง ผมยาวเปียกๆคนนั้น นั้งหันมาที่ข้างหลังรถ ตรงเบาะสุดท้ายของรถตู้กอง พร้อมกับเค้าค่อยๆอ้วกออกมาเป็นน้ำสีดำๆ และเหม็นมากๆ ตาแดงๆ (หากใครนึกภาพไม่ออก ลองไปดูเรื่องสีแพร่ง ตอนพลอยเฌอมาลย์นะ แบบนั้นเลย) มองไม่เห็นหน้า เห็นเพียงแต่ดวงตาสีแดง ผมยาวถึงพื้นของรถตู้ เรา 3 คนรีบวิ่งเข้ามาที่พัก แล้วก็ตะโกนแต่คำว่า “ผีหลอกๆๆ” และในที่สุด เราทั้ง 3 คนก้ป่วย

หลังจากเหตุการณ์นั้น ผู้จัดเราก็ได้กลับไปยังสถานที่แห่งนั้น เพื่อทำพิธีขมาเจ้าป่าเจ้าเขา และได้เห็นว่า มีต้นตะเคียนต้นใหญ่ อยู่ตรงที่ทีมโอบีของเรา ปักหลักอยู่ตรงนั้นตอนถ่ายทำในวันก่อนนั้นเอง

หลังจากที่ผมหายป่วย พี่ทีมงานบอกว่า วันที่เราเจอผีหลอก และไม่สบาย หลังจากที่เราวิ่งเข้ามาในห้อง พี่นักแสดง ผช ที่เดินมาปลอบเราในวันนั้น ก็โดนผีเข้า แล้วก็บอกว่า พวกเราไปหลบหลู่เค้า ไปทำอะไรกัน ก็ไม่ขอ จะกลับ ก็กลับ ไม่ยกมือไหว้เขากันสักตคน แถมยังมาทำสกปรกและส่งเสียงดังในที่ของเขาอีก ถ้าไม่ไปขอขมา เค้าจะเอาเรา 3 คนที่ป่วยไปอยู่ด้วย

หลังจากนั้น ไม่ว่าผมจะไปทำงานที่ไหน พักที่ไหน ผมจะยกมือไหว้ขอขมา พร้อมกับท่องบทสวดมนต์ที่พ่อผมสอนให้ท่อง ไว้สำหรับขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง แม้กระทั่งเราจะไปปัสสะวะตรงไหนก็สามารถท่องบทสวดนี้ เพื่อเป็นการขออนุญาตได้ด้วย

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : เรื่องหลอนสยองขวัญ
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: