2067. เรื่องเล่าไม่ควรเล่าตอน ปากเก่งนักใช่มั้ย

เรื่องของคุณฟิวส์

สวัสดีครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ (มกราคม 2560)

ผมกับกลุ่มเพื่อน เรามักจะมีนัดกันไปสังสรรค์ที่ ตจว. กันอยู่บ่อยๆ โดยครั้งนี้ เราก็ไปกันที่ ระยอง ครั้งนี้ ผมให้ไอ้โต้ (เพื่อนของเจ้าเรื่อง) เป็นคนทำเรื่องจอง และ จัดหาที่พัก พอถึงวันที่ผมจะไปทริปกับเพื่อนๆ ก่อนจะไป แม่บอกว่า “วันนี้แม่ตากระตุกแต่เช้าเลย แล้วก็รู้สึกแปลกๆ นี่เราจะไปเที่ยว ได้ใส่พระบ้างมั้ยเนี่ย”

“โอ้ย ใส่ตลอดแหละแม่ ไม่ต้องห่วง” แต่จริงๆแล้ว สร้อยพระของผม ผมลืมไว้ที่ห้องเพื่อน

หลังจากนั้น ผมกับเพื่อนก็ออกเดินทางกันปกติ ทริปของเราก็คือ อยากแวะตรงไหน อยากทำอะไร ก็จัดเลยตามที่เราต้องการจนเริ่มตกเย็น พวกเราก็เข้าที่พักกัน ครั้งนี้ที่ผมไปพักนั้น เป็นคล้ายๆบังะโล มีที่เล็กๆ ให้เราปิ้งย่างกันได้ด้านหน้าบ้าน ในช่วงที่ผมและเพื่อนๆ เดินเข้าที่พัก ก็สังเกตถึงห้องพักข้างๆ ว่า วันนี้ ไม่มีใครเช่าพักเลยหรอ เพราะไม่เห็นมีคนเลย และที่สำคัญ ห้องพักของเราก็อยู่ลึกมาก เกือบจะเป็นหลังสุดท้าย ผมก็คิดว่า สงสัยโต้มันคงบอกเค้า เพราะพวกเราชอบเสียงดังกัน

เมื่อตกดึก เราก็สังสรรค์ เฮฮากันปกติตามประสาวัยรุ่น และต้องมีแอลกอฮอล์อย่างแน่นอน

สักพัก ไอ้โต้ก็พูดขึ้นว่า “พวกมึงคิดว่า ที่นี่มีผีป่าวว่ะ”
“โอ้ยยยย อีโต้ ปากเหี้ยอีกแหละ กูนี่เกลียดมึงจริงๆ เมาแล้วปากหมา” เปิ้ล แฟนของเพื่อนในกลุ่มผม พูดสวนขึ้น แล้วเปิ้ลก็ลุกออกไปตรงที่กลุ่มเตาปิ้งแทน
“มึงก็ชอบไปกวนตีนไอ้เปิ้ลมัน เมิงก็รู้ว่าแม่งกลัวผีจะตายห่า” ผมพูดต่อ พร้อมๆกับที่ไอ้โต้กำลังหัวเราะกับเรื่องที่เกิดขึ้น

คืนนั้นเรานั่งกินกันเรื่อยๆ จนถึงช่วงประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ โซดาและกับแกล้มก็เริ่มหมด ไอ้โต้และเพื่อนอีกคนจึงอาสาที่จะไปซื้อให้ พอไอ้โต้และเพื่อนอีกคน กำลังเดินไป เพื่อจะขับรถไปซื้อของ “ไอ้เหี้ยยยย ผีหลอกกกก” เป็นเสียงตะโกน ลั่นขึ้นมา พวกผมและเพื่อนๆที่อยู่ ก็พากันวิ่งไปที่เกิดเสียงนั้น

“555 พวกเมิงโดนกูหลอกอีกแล้ว” เสียงนี้ดังขึ้น เมื่อพวกผมที่อยู่ที่บ้านพัก วิ่งมาดูว่ามันเป็นอะไรรึเปล่า แต่มันกลับยืนหัวเราะอยู่กับเพื่อนอีกคนนึง พร้อมกับพูดว่า “ผีห่าไร ไม่มีหรอก ถ้ามี แล้วเป็นผี ผญ นะ กูจะจับปล้ำแม่งเลย”

หลังจากนั้น พวกผมก็ด่ามัน แล้วก็เดินกลับบ้านพักกันเหมือนเดิม

หลังจากเราสังสรรค์กันเสร็จ เราก็เข้าที่พักกัน โดยในที่พัก เป็นห้องรวม คือทุกคนนอนอยู่ในห้องเดียวกัน สักประมาณตี 3 น่าจะได้ อยู่ดีๆผมก็รู้สึกตัวแปลกๆขึ้นมา จนต้องลืมตา และสิ่งที่ผมเห็นคือ มี ผญ นั่งคร่อมอยู่บนตัวไอ้โต้ ในขณะที่ไอ้โต้เหมือนพยายามจะพูด แต่พูดแบบไม่มีเสียง น้ำตามันไหลออกมาเยอะ จนน่าตกใจ ด้วยความตกใจ ผมก็เอามือจับที่คอ จะเอาสร้อยไปให้มัน เพราะโดยส่วนตัว ผมเป็นคนไม่ค่อยกลัวผี เพราะเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ครั้งนี้ ผมกลับนึกขึ้นได้ว่า ผมลืมเอาสร้อยพระมา

ผมเลยจะสวดมนต์ แผ่บุญกุศลให้เค้า พอผมหลับตาลง ก็มีเสียงมาพูดที่หน้าของผมว่า “กูไม่เอาบุญ แต่กูจะเอาเพื่อนมึงไปอยู่ด้วย”
ผมรู้สึกตกใจ ถึงแม้ผมจะเคยชินกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เด็กก็ตาม ผมเลยลืมตาขึ้น และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมก็คือ เป็น ผญ ผมขาวๆ ไม่รู้ว่ามีลูกตารึเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าตาของเค้า มันโบ๋ และลึกลงไป เหมือนคนไม่มีลูกตา เอาหน้ามาอยู่ใกล้ๆผม

แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องช็อคไปกว่านั้นคือ ขณะที่หน้าของเค้าอยู่ใกล้หน้าผม แต่ตัวของเค้ายังนั้งอยู่บนตัวของไอ้โต้เพื่อนผมอยู่เลย ซึ่งผมกับไอ้โต้ไม่ได้นอนติดกันเพราะมีเพื่อนๆ อีก 6 คนนอนระหว่างผมกับมันอยู่

พระเจ้า!..และแล้ว ญ คนนั้น ก็ดึงหัวตัวเองกลับไป ผมบอกเลยว่า ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเจอผีที่ไหน ดุและเฮี้ยนขนาดนี้ เลย เธอค่อยๆ หดคอที่ยืดยาวของเธอ กลับไปเหมือนเดิม

ผมจึงพูดในจิตกับเธอว่า “จะเอาเพื่อนผมไปได้ยังไง มันไปทำอะไรให้คุณ”

เธอหันมามอง แล้วพุ่งหน้าของเธอมาที่ผมอีกครั้ง แล้วพูดว่า “ก็มันพูดเองไม่ใช่หรอ ว่าถ้าเจอผี ผญ มันจะจับปล้ำ แล้วมันก็ไปฉี่รดรูปกู!” ผมตกใจมาก กับสิ่งที่ผมเห็น และสิ่งที่เธอพูด ผมจึงยกมือไหว้ แล้วบอกว่า “ผมขอโทษแทนมันด้วย เดี๋ยวผมจะพามันไปทำบุญและไปขอขมา”

พอผมพูดจบ เธอก็หายไปทันที ไอ้โต้ ลุกขึ้น แล้ววิ่งมากอดผมใหญ่ พร้อมกับพูดว่า “มันบอกว่ามันจะเอากูไปอยู่ด้วยอะมึง กูกลัวว” เสียงสะอึกสะอื้นของมัน ก็ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความกลัวของมันจริงๆ มันร้องไห้ดังจน เพื่อนๆทุกคนตื่น พอรุ่งเช้า เราทุกคนพามันไปทำบุญที่วัดในจังหวัดนั้นพร้อมกับทำพิธีขอขมาต่อวิญญาณตนนั้น หลังจากนั้น ผมก็ถามมันว่า “แล้วมึงไปฉี่ตรงไหน เค้าบอกว่ามะคืนมึงไปฉี่รดรูปของเค้า”

มันนึกอยู่สักพัก แล้วมันก็นึกขึ้นได้ว่า มันไปฉี่แถวบ้านพัก หลังที่มันตะโกนหลอกเพื่อนๆว่าผีหลอกผมและเพื่อนๆ ก็เลยไปตามหากัน พร้อมกับถามพนักงาน แต่พนักงานบอกว่า “ไม่รู้เรื่องจริงๆ เพราะเธอเพิ่งจะเข้ามาทำงานที่นี่กันใหม่ยกเซตทุกตำแหน่งเลยเพราะที่พักแห่งนี้ เจ้าของคนปัจจุบันเค้าเซ้งต่อมาจากเจ้าของเดิม

เราเลยตัดสินใจ ไปถามที่พักข้างๆ และคนแถวนั้น จึงได้ความว่า ที่พักแห่งนี้ แต่ก่อนเคยเป็นพื้นที่ของเศรษฐีเก่า ปลูกบ้านไว้ มีเพียงหญิงสาว ผู้เป็นแม่ อยู่ในบ้านหลังนั้นเพียงคนเดียว เพราะเมื่อสามีตายไป ลูกๆ ก็ต่างออกเรือน และไม่ได้กลับมาที่นี่กันอีกเลย จนกระทั่งเธอผูกคอตาย ลูกๆของเธอ ก็เลยทำรีสอร์ทขึ้นมา แต่เหมือนไปไม่รอด จึงเซ้งต่อให้กับคนอื่น จนมาถึงเจ้าของคนปัจจุบัน คือเจ้าของคนที่ 4 ของรีสอร์ทนี้ ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมอีกส่วนนึง ผมได้รับข้อมูลนี้มาจาก ยายคนนึง ที่มานั่งกินข้าวอยู่ในร้านที่พวกผมกินอยู่ เธอคงได้ยินผมคุยกับเจ้าของร้านถึงเรื่อง รีสอร์ทแห่งนี้ เธอจึงเดินมาแล้วพูดว่า “ยายเปียก แกห่วงที่แห่งนี้มาก แกเฝ้าอยู่ที่นี่อยู่ตลอด ศพแกก็ฝังอยู่ในพื้นที่แห่งนั้น แกชอบเสียงหัวเราะ ชอบให้คนมาพัก มาอยู่ แต่ถ้าทำอะไรไม่ดี หรือลบหลู่ ก็จะโดนแกหลอกทุกราย”

พอผมกับเพื่อนๆได้ยิน เราก็ตัดสินใจเปลี่ยนที่พักทันที เพราะทริปของเรายังเหลืออีก 2 คืน เราจึงกลับไปเช็คเอ้าท์และหาที่พักใหม่

ในขณะที่ผมและเพื่อนกำลังขนของกลับออกไปไว้กันที่รถ ลูกบอลที่เราเอามาใช้เตะเล่นกัน ก็ดันหลุดมือ กลิ้งๆๆๆๆ ผมก็เดินตามไปเก็บ เพราะตอนนั้นของเต็มมือไปหมด ลูกบอลของผม มันไปหยุดอยู่ตรงริมกำแพงบ้านหลังนั้น ตรงช่วงที่ไอ้โต้ไปฉี่ ผมก็ก้มลงเก็บลูกบอลปกติ และสังเกตเห็นว่าพื้นตรงนี้มีการเทปูนทำพื้นใหม่ เพราะมันมีขอบรูปขาวๆ ติดอยู่ที่ขอบกำแพงบ้านหลังนั้น แต่ไม่เห็นรูปเต็มๆ เห็นเพียงแค่ขอบบนของภาพ ผมเลยยกมือไหว้ และพูดขอขมาแทนไอ้โต้และเพื่อนๆทุกคน “หากพวกผมทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรกันลงไป ก็ขอขมายายเปียกด้วยนะครับ”

แล้วผมก็เดินออกมา แต่พอผมหันหลังกลับ ก็มีลมแรงๆ ปะทะเข้ามาที่หน้าเต็มๆ เหมือนแสดงให้ผมรู้ว่า เค้ารับรู้และคงให้อภัยกับสิ่งที่ไอ้โต้และพวกผมได้ทำลงไปเรียบร้อยแล้ว

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : เรื่องหลอนสยองขวัญ
ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : ภาพยนตร์เรื่องสยามสแควร์
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: