514. สุดยอดแห่งความเหนียว อ.แปลก ร้อยบาง

เมื่อท่านอาจารย์แปลก ฯ มาพักพิงอยู่ที่วัดสพานสูง ในยุคนั้นชื่อเสียงกิติศักดิ์ของท่านขจรขจายตั้งแต่สมัยท่านบวชอยู่วัดท่าเกวียนแล้ว ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมากที่เข้าไปหาท่านขอให้ช่วยสักยันต์ลงกระหม่อม การสักของท่านจะสักน้ำมัน รอยสักจึงมองไม่ค่อยเห็น รวดลายจะออกสีแดง ซึ่งต่างจากสำนักวัดสาลิโข ฯ

ซึ่งหลวงพ่อจำปา ฯ สมภารวัดสาลิโข ฯ ท่านจะสักด้วยหมึกจึงมีสีออกดำแกมน้ำเงิน แยกศิษย์ทั้งสองสำนักด้วยสีและลายสักได้อย่างชัดเจน จึงมีการเรียกขานอุปมาอุปไมยว่า หลังแดงศิษย์วัดสพานสูง หลังดำศิษย์สาลิโข แต่มีศิษย์ส่วนน้อยที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ท่านอาจารย์แปลก ฯ สักยันต์ที่ลำตัวให้ ส่วนใหญ่ท่านจะลงกระหม่อมให้มากกว่า พุทธคุณไปทางด้านคงกระพันชาตรี ส่วนบางคนที่ทำงานรับราชการหรือค้าขาย ที่ใช้ปากหาความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ลาภ ยศ สรรเสริญ

ท่านก็จะสักลงนะให้ที่บริเวณเหนือริมฝีปากลอยต่อติดกับแก้ม ถ้าลงนะที่ด้านขวาใช้สำหรับเมตตาเข้าหาเจ้านาย เจรจาความ ผู้ที่ลงนะด้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่หาความเจริญก้าวหน้า สร้างฐานะให้ร่ำรวย เจ้านายช่วยเหลืออุปถัมภ์ค้ำชูให้ความเมตตา ลูกน้องเคารพศรัทธา ถ้าลงนะที่ด้านซ้ายใช้สำหรับเข้าหาเรื่องผู้หญิง (ผู้ที่สักนะด้านซ้ายส่วนใหญ่จะมีภรรยามาก) พูดเจรจากับผู้หญิงแล้วทำให้หลงใหลในคำพูด เป็นผู้มีเสน่ห์ประเภทหญิงเห็นแล้วหลง เห็นแล้วรัก ประเภทลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง

ส่วนการลงกระหม่อมของท่านอาจารย์แปลก ฯ นั้น ถือว่าขึ้นชื่อลือนามเป็นที่ยอมรักกันมากทางด้านคงกระพันชาตรี เพราะท่านเป็นฆราวาสจึงสามารถที่จะลองของหลังเสร็จการลงกระหม่อมทันที เพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่ผู้ถวายตัวเป็นศิษย์ จึงไม่ผิด ไม่เข้าข่ายอวดอุตริมนุษย์ธรรมตามพระธรรมวินัย ปัจจุบันชื่อของท่านอาจารย์แปลก ฯ ก็ยังคงเล่าขานจากคนเก่าคนแก่ย่านวัดสะพานสูงอยู่จนทุกวันนี้ การทดสอบพุทธคุณหลังลงกระหม่อมของท่านอาจารย์แปลก ฯ นั้น ท่านมีสิ่งของสำหรับทดสอบว่าหลังจากท่านทำพิธีลงกระหม่อมให้แล้ว มีพุทธคุณเพียงพอหรือไม่ มีอยู่ ๓ ชนิด คือ ๑. มีดโกน ๒. มีดดาบ ๓. ไม้ลวกเหลาปลายแหลมเผาไฟ วิธีการของท่านก็คือ หลังเสร็จพิธีลงกระหม่อมถ้าอยู่ใกล้ตัวท่าน ระหว่างที่ลูกศิษย์กำลังไม่ระวังตัว ท่านจะหยิบมีดโกนกรีดไปตามลำตัวจนแดงเป็นรอยแนวทางยาว แต่ก็มีลูกศิษย์ที่รู้กิติศัพท์ของท่านและเตรียมตัวมีการระวังตัวตลอดเวลา

เมื่อรู้ว่าเสร็จพิธีก็จะรีบถอยห่างไม่ให้ท่านอาจารย์แปลก ฯ ใช้มีดโกนกรีดตามลำตัว เพราะใจกลัว ๆ กล้า ๆ ท่านอาจารย์แปลก ฯ ก็จะใช้มีดดาบที่อยู่ใกล้ตัวหยิบมาฟันกลางหลังทันที เสียดังของมีดที่กระทบหลังจะได้ยินชัดจนหลังแอ่น ที่เจ็บตัวมากที่สุดก็เห็นจะเป็นผู้ที่กลัวมาก ๆ แต่ก็อยากจะให้ท่านลงกระหม่อมให้ พวกนี้จะใช้ความเร็ว รีบวิ่งหรือกระโดดหนี แต่ความไวไม่ทันท่านอาจาย์แปลก ฯ ท่านหยิบไม้ลวกเหลาปลายแหลมเผาไฟ พุ่งไปที่กลางหลังอย่างรวดเร็วและรุนแรง เมื่อโดนที่หลังแล้ว หลังแอนทุกรายจะมีความเจ็บปวดอย่างมาก แต่เมื่อเห็นว่าไม้ลวกหล่นตกอยู่ที่พื้น ไม่ปักหลังก็ใจชื้น เกิดความมั่นใจสูงมากว่าตนเองนั้นคงกระพัน สำหรับการลองของหลังเสร็จพิธี หรือได้รับวัตถุมงคลจากท่านอาจารย์แปลก ฯ เห็นจะมีการพูดคุยกันในหมู่ผู้สูงวัยในย่านวัดสะพานสูงมากที่สุด เห็นจะไม่ใครเกินตาเล็ก (ลูกหลวงญาณ โหนหลวงในสมัยรัชกาลที่ ๕ – ๗ (ลูกศิษย์ท่านหลวงปู่เอี่ยม))

เป็นผู้ที่ได้รับประสบการณ์ที่ท่านอาจารย์แปลก ฯ จัดให้เต็ม ๆ เนื่องจากตาเล็กแก่เกิดในพระนคร ได้รับการศึกษาในพระนคร เป็นคนหัวสมัยใหม่ ในคลองพระอุดมแถววัดสะพานสูง ไม่มีใครที่จะมีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยเท่ากับตาเล็ก กล่าวกันว่าแกมีเรือเฟอรารี่ที่ทันสมัยที่สุด ในยุคนั้นถึงขนาดบริษัทบุญรอด ฯ ได้ให้คนมาติดต่อให้แก่ไปเป็นทีมงานเรือแข่งของบริษัท ฯ แต่แก่ปฏิเสธ ปกติตาเล็กแกเป็นนักสะสมของแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่คนอื่นเขาไม่มีกัน เช่นปืนเล็ก ปืนยาว โดยเฉพาะปืนของฝรั่งสมัยก่อนถ้าเขาสร้างครบ ๑,๐๐๐ กระบอก หรือ ๑๐,๐๐๐ กระบอก เขาจะมีกระบอกพิเศษ ๑ กระบอก คล้าย ๆ พระคะแนน ตาเล็กแกก็จะซื้อหาปืนประเภทนี้มาใช้ หรือแม้กระทั่งกล้องถ่ายรูป ตาเล็กก็เป็นคนเดียวในย่านคลองพระอุดมที่มีกล้องส่วนตัวไว้ใช้ ภาพของท่านอาจารย์แปลก ฯ ทั้งภาพที่นั่งถอดเสื้อนุ่งโสล่งเอาผ้าขาวม้าพาดบ่า หรือภาพที่ใส่เสื้อสีขาวก็เป็นฝีมือของตาเล็กเป็นผู้ถ่ายให้กับท่านอาจารย์แปลก ฯ ที่วัดสะพานสูง ถือว่าเป็นหนึ่งเดียวเหนือกว่าใคร หลังจากแก ได้มาบวชในสมัยที่ท่านอาจารย์แปลก ฯ มาพักพิงที่วัดสะพานสูง พระเล็กก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าท่านอาจารย์แปลก ฯ

เป็นอาจารย์สักยันต์ ลงกระหม่อม มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย พระเล็กเห็นว่าเป็นเรื่องงมงาย ไร้สาระ ประกอบกับแก่เป็นพระหนุ่มไฟแรง มีการศึกษา จึงปรามาสไม่ให้ความนับถือ ลบหลู่ แกล้งท่านอาจารย์แปลก ฯ ด้วยวิธียืนปัสสาวะที่กุฏิตนเองหันหน้าไปทางกุฏิท่านแปลก ฯ ทุกเช้าเมื่อเห็นท่านอาจารย์แปลก ฯ นั่งสูบบุหรี่ยาเส้นมวนด้วยใบตองมวนโต ส่วนท่านอาจารย์แปลก ฯ ท่านก็มิได้แสดงออกหรือมีปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้น คงนั่งมองเฉย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนในใจของท่านนั้นไม่มีใครทราบว่าท่านคิดอะไรอยู่ จนวันหนึ่งสบโอกาส ตาเล็กแก่อดรนทนไม่ไหว กระทำด้วยวิธีต่าง ๆ นานา แล้วยังเฉยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากท่านอาจารย์แปลก ฯ พระเล็กจึงแกล้งเอยปากขึ้นว่า “อาจารย์มีของดีอะไรบ้างเล่า เห็นมีลูกศิษย์มาหากันมากมายเหลือเกิน ขอผมสักอย่างซิ”

ทันใดนั้นท่านอาจารย์แปลก ฯ จึงหยิบตะกรุดแกล้งโยนไปหน้ากุฏิ แล้วเอยปากขอแรงให้พระเล็ก ช่วยหยิบให้หน่อย พระเล็กก็แกล้งตีสนิทหวังจะหาโอกาสจับผิดปรามาสท่านอาจารย์แปลก ฯ อยู่แล้ว จึงได้ก้มลงหยิบของชิ้นนั้น ทันทีที่มือหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา ท่านอาจารย์แปลก ฯ จึงใช้ไม้ลวกเหลาปลายแหลมเผาไฟพุ่งใส่ด้วยความเร็วและรุนแรง โดนเข้าที่สีข้างพระเล็ก ถึงกับหลังแอ่น อารามตกใจและเจ็บสีข้างผสมกับความกลัวไม้จะปักเข้าที่ตัว จึงตะโกนด่าออกไปว่า “ค..แน่อย่างนี้ถ้าพลาดก็ตายซีวะ” แต่เมื่อเห็นว่าไม้ลวกไม่ระคายผิวและสติเริ่มมา จึงแบมือออกพิจารณาเห็นของสิ่งนั้นคือตะกรุด จึงคิดขึ้นได้ว่าคงเป็นเพราะพุทธคุณแห่งตะกรุดดอกนี้แน่นอน ความคิดจึงเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม และเอยปากขอตะกรุดดอกนั้นจากท่านอาจารย์แปลก ฯ ซึ่งท่านอาจารย์แปลก ฯ จึงเอยปากออกตอบไปว่า “ของผมไม่ดีท่านเอาไปก็ไม่มีประโยชน์” พระเล็กก็ตอบกลับไปว่า “ถ้าไม่ดีไม้ลวกปลายแหลมนี้คงเสียบทะลุท้องผมไปแล้วซิอาจารย์” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพระเล็กก็จัดดอกไม้ธูปเทียนถวายตัวเป็นศิษย์และให้ท่านอาจารย์แปลก ฯ ลงกระหม่อมให้ หาฝาบาตรมาให้ลงตะกรุดให้ การลงของพระเล็กนั้นไม่ธรรมดา แก่จะขอให้ท่านอาจารย์แปลก ฯ ลงให้จนเป็นที่พอใจ เรียกว่า “เจ็ดเสาร์เก้าอังคาร” คือถ้าลงกระหม่อมก็ลงทุกวันเสาร์จนครบเจ็ดครับ และลงวันอังคารจนครบเก้าครั้ง ตามตำราของท่านอาจารย์แปลก ฯ

ถือว่าสุดยอดแล้ว การลงกระหม่อมหรือนำแผ่นฝาบาตรมาให้ท่านลงตะกรุดต้องเตรียมดอกไม้เจ็ดสี หัวหมู ข้าวปากชาม พร้อมเงิน ๖ บาท เหล้าขาวหรือเหล้าโรง ๑ ขวด นั่นคือครั้งแรก แต่ครั้งต่อไปไม่ต้องจัดของมาถือว่ายกครูแล้ว หรือถ้าเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ก็ใช้แค่ชุดเดียวกันได้ ในชีวิตของตาเล็กหลังจากสึกออกมาในสมัยยุคต้นของหลวงพ่อทองสุข ฯ จนสิ้นบุญ เท่าที่ทราบ ร่างกายของท่านไม่เคยมีอะไรมาทำให้ระคายผิวแม้แต่น้อย ซึ่งก็มีเรื่องเล่าตอนที่วัดสพานสูงทำเขื่อนไม้กันดินหน้าวัดริมคลองพระอุดมในยุคหลวงพ่อทองสุข สมัยนั้นต้องใช้สามเกลอตอกเสาไม้ที่จะทำเป็นหลัก การตอกต้องตอกในน้ำริมคลองหน้าวัด พระเล็กแกเป็นพระหนุ่ม ก็ขันอาสาเป็นผู้คอยประคองเสาอยู่ในน้ำ ปล่อยให้พระหนุ่มอีกสี่รูปยกสามเกลอขึ้นตอกเสา

ระหว่างตอกอยู่ในคลองสามเกลอก็โดนทั้งน้ำทั้งโคลนทำให้รื่นตอกพลาดสามเกลอแฉลบเฉี่ยวไปโดนหัวแต่โดนบ่าด้านหลัง ทั้งสามเกลอและพระเล็กตกน้ำจมหายไป น้ำก็เชี่ยวไหลแรง พระเณรต่างตกใจร้องเอะอะโวยวายกันวุ่นวาย สักพักพระเล็กก็โผล่หัวขึ้นมา เมื่อช่วยกันพยุงขึ้นตลิ่งก็พบว่าที่หัวปูด บริเวณไหล่เขียวแดงเป็นทางยาว แต่ไม่มีเลือดออกแม้แต่น้อย จากเหตุการณ์วันนั้นต่างคาดคะเนว่าตาเล็กโดนไปเต็ม ๆ ถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต แต่กลับหาเป็นเช่นนั้นไม่ พระเล็กก็เป็นปกติ ซึ่งแก่ก็บอกกับท่านอาจารย์แปลก ฯ ว่าเป็นเพราะพุทธคุณที่อาจารย์ลงกระหม่อมให้กระผม จึงไม่เป็นอะไร ปัจจุบันตาเล็กสิ้นบุญไปแล้วประมาณ ๓ ปี ด้วยโรคตอมลูกหมากอักเสบ ถือว่าไม่ตายโหงตามคำพูดของท่านอาจารย์แปลก ฯ ว่าศิษย์ทุกคนที่ลงกระหม่อมหรือสักให้จะไม่ตายโหง และจากคำบอกเล่ากันต่อ ๆ มาจากบรรดาลูกศิษย์ที่ท่านอาจารย์แปลก ฯ สักหรือลงกระหม่อมให้ไม่มีใครตายโหงเลย

ขอขอบคุณ ข้อมูลจากศิษย์หลวงพ่อเกิด

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ศิษย์สายวัดสะพานสูง
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: