749. อ.ฟ้อน พบหลวงพ่อหนู เกสโร ครั้งแรก

เป็นเรื่องที่ คุณพ่ออ.ฟ้อน พบหลวงพ่อหนู ครั้งแรก
คราวที่ คุณพ่ออ.ฟ้อน ดีสว่าง มาอ. องค์รักษ์ ท่านมาเยี่ยมลูกศิษย์ท่าน ชื่อท่าน ขุนกริยา ที่ย้ายมาเป็น นายอำเภอ องค์รักษ์ จ .นครนายก ท่านมาถึงเรือน ต่างก็ได้สอบถามสารทุกข์สุกดิบกันแล้ว จากนั้นคุณพ่ออ.ฟ้อน จึงได้ไถ่ถามว่า ที่อ. องค์รักษ์นี้ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใหนบ้าง ท่านขุนกริยา จึงตอบว่า

มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่นึงคือบึงพระอาจารย์ มีที่มีตำนานอันเก่าแก่ เรื่องพระอาจารย์จอมขมังเวทย์ สามารถแปลงกายเป็นจรเข้ได้ แต่เกิดเหตุให้กลับกลายร่างคืนไม่ได้ เพราะลูกศิษย์ตกใจทำบาตรน้ำมนต์คว่ำหกไปและขณะนี้ได้สร้างเป็นวัดไว้อยู่ริมบึงนั้น ชื่อว่าวัดบึงพระอาจารย์ ต.บึงพระอาจารย์ (ปัจจุบันชื่อวัดสุนทรพิชิตาราม) มีพระภิกษุชื่อพระอาจารย์ หนู เกสโร เป็นสมภารอยู่ ท่านเก่งยารักษาโรค รักษาคนถูกงูกัด เก่งมาก

คุณพ่ออ.ฟ้อน ดีสว่าง ได้ฟังดังนั้น ปิติใจอย่างมาก เหตุเพราะวิชาแปลงร่างเป็นจรเข้นี้ สมัยก่อนหลวงพ่อปลอด สุคัณธจันทร์ (หลวงน้า) แห่งวัดบ้านชุ้ง ท่านก็ทำได้ และตัวท่านเองก็มีเรียนวิชานี้อยู่ด้วย

อาจารย์ฟ้อน

รวมทั้ง วิชาเกี่ยวกับงูทุกอย่างเช่น ผูกปากงู ถอนพิษงู รักษาโรคต่างๆ ท่านเองก็ช่ำชองมากท่านจึงกล่าวถามกับขุนกริยาทันทีว่า ท่านขุนตอนนี้มีเรือมั้ยผมอยากจะไปวัดเดี๋ยวนี้เลย (เพราะสมัยนั้นไม่มีทางรถยนต์ไปวัดได้) ทั้งที่พูดคุยกันอยู่นั้น เป็นเวลาบ่ายสามโมงเศษแล้ว ท่านขุนกริยาก็กล่าวทัดทานว่า ไปพรุ่งนี้จะดีกว่ามั้ยอาจารย์เพราะนี่ไม่นานก็ใกล้ค่ำแล้ว

แต่ในที่สุดก็ทัดทานท่านไม่ไหว จึงจำได้เดินทางกันในทันที กว่าจะล่องเรือ ฝ่ากอสวะ แหวกดงผักตบชวา และพืชน้ำ ที่พันติดใบพัด ทำให้เครื่องเรือดับ บางทีต้องใช้มีดฟันแหวก เพื่อให้พ้นท้องเรือเล่นเอาสว่างคาตา อยู่ในเรือกันเลยทีเดียวกว่าจะถึงวัดบึงพระอาจารย์ได้ ปาเข้าไป9โมงเช้าของอีกวันพอดี

เมื่อไปถึง ท่านขุนกริยาก็พา คุณพ่ออ.ฟ้อน ขึ้นไปพบหลวงพ่อหนู เกสโร ซึ่งท่านกำลังง่วนกับการรักษาคนถูกงูกัด ทั้งฝนยา ต้มยา ทำแผล กันสาระวน เมื่อพบกัน ท่านขุนกริยาจึงแนะนำให้หลวงพ่อหนู ให้ได้รู้จักท่านคุณพ่ออ.ฟ้อน ดีสว่าง ผู้เป็นอาจารย์ตน สนทนากันสักคู่นึง คุณพ่ออ. ฟัอนจึงพูดขึ้นว่า ท่านรักษางูแบบนี้จะทันกับคนใข้หรือ พิษงูมันเร็วมานะท่าน ลพ. หนู จึงตอบว่าจะทำกะไรได้หละครับ ผมทำตามมีตามเกิด เอาเท่าที่ทำได้ คุณพ่ออ. ฟัอนได้ฟัง ท่านก็อมยิ้มแล้วพูดว่า งั้นมาผมจะทำให้ท่านดูขอทุกคนอยู่เฉยๆ ไม่ต้องตกใจนะ โดยเฉพาะคนป่วยด้วย นิ่งๆนะ

จากนั้นท่านก็ค่อยๆเคาะบนพื้นไม้แล้วพูดว่า”มาๆ เร็วๆ มาเอากลับไป ” พูดจบได้แป๊บนึง ก็ได้ยินเสียงแกรกๆเบาๆ ก็มีงูเห่าตัวเขื่องเลี้อยขึ้นบรรไดมา

ท่านก็พูดว่า “มาๆ มาเอากลับไป” ท่านก็หันหน้าไปทางคนป่วย บอกว่า “นิ่งๆอย่าขยับขานะ” จากนั้นงูก็เอาปากไปจุ่มๆที่ปากแผล แล้วเลื้อยกลับไป คนป่วยรู้สึกว่าพิษงู วิ่งยัอนลงปากแผล ตามปากงูไป และรู้สึกหายปวดแผลทันทีจากนั้นคงไม่ต้องถามถึงความรู้สึกคนที่เห็นอยู่ร่วมในเหตุการณ์ ว่าจะอัศจรรย์ใจขนาดใหนโดยเฉพาะหลวงพ่อ หนู เกสโร ผู้เป็นสมภาร จากนั้นท่านจึงเอ่ยปากขอเรียนวิชา จากคุณพ่ออ.ฟ้อน ดีสว่าง โดยทันที

คุณพ่ออาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง ท่านรักและผูกพันธ์กับหลวงพ่อหนู เกสโร เป็นอย่างมาก รวมทั้งรู้สึกศรัทธา วัดบึงพระอาจารย์ อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ด้วย ถึงขนาดให้หลวงพ่อ หนู เกสโร ปลูกเรือนพักอยู่ที่ในวัดบึงฯ เลยทีเดียว และยังเคยกล่าวฝากผีฝากใข้ว่าหากท่านสิ้น ให้นำศพไว้ที่นี่ (แต่ท่านไปสิ้นที่บ้านลูกศิษย์แถวพระโขนงที่กรุงเทพ) และท่านยังได้ร่วมสร้างอุโสถให้ด้วย โดยเป็นแม่งาน บอกบุญจัดหาจตุปัจจัย และเดินทางขึ้นไปล่องหาไม้ จากเมืองเหนือ เอาลงมาแปรรูปที่ บ้านลูกศิษย์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ แล้วนำล่องรถไฟลงมา เพื่อสร้างพระอุโบสถไว้ที่วัดบึงพระอาจารย์ จนสำเร็จลุล่วง ได้อย่างสวยงาม ที่สุดในจังหวัดนครนายก ในยุคนั้นด้วย

ขอบคุณขอมูลดีๆจาก : กลุ่มศิษย์อาจารย์เอกใหญ่ วัดบึงพระอาจารย์

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่

แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji

Web Sit: www.appgeji.com

App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: